CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    “ของ-เด็ก-เล่น” / /เรื่องสั้น ชุด เจ็บให้เข้าใจ

    “ของ-เด็ก-เล่น”


    กระป๋องกาแฟถูกยกซดจนหมดเกลี้ยงในรวดเดียว     ชายหนุ่มแหงนหน้ามองท้องฟ้าใต้ร่มเงาสลักเสลาของต้นไม้ใหญ่ที่เขานั่งพักได้เกือบชั่วโมงแล้ว      
    บ่ายวันเสาร์ในสวนสาธารณะ     เป็นวันสบาย..วันพักผ่อนของใครต่อใคร  แต่ไม่ใช่วันของ “นที”  คนหนุ่มวัยเพียงยี่สิบต้นๆ         แต่บัดนี้   ความเคร่งเครียดที่เขากำลังเผชิญได้ขโมยความอ่อนโยนจากดวงตาคู่สีสนิทเหล็ก    และรอยยิ้มเลือนไปจากใบหน้าคมเข้ม    ผมเผ้าที่เคยเรียบร้อยอยู่ทรง ก็ยุ่งเป็นกระเซิง   ปมเนคไทถูกเลือนลงต่ำกว่ากระดุมเม็ดที่สอง  คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คและเอกสารงานที่ถูกปฎิเสธยังสงบนิ่งบนเก้าอี้ม้าหินข้างตัวของเขาเอง
    ความอ่อนล้าที่สั่งสมมาตลอดเดือนทำให้เขาอ่อนเพลียเกินกว่าจะทนฝืน  ดวงตาที่เหนื่อยอ่อนจึงหลับลงช้าๆ  เขาเอนศีรษะพิงต้นไม้ด้านหลัง   แต่บางเสียงและบางสิ่งยังรบกวนระบบประสาทของเขาอยู่
    “มันเหมือนมีอะไรขาดหายไปนะ...... เมื่อก่อนคุณทำได้ดีกว่านี้นะ.....นที....”
    ชายหนุ่มยังจดจำสีหน้าผิดหวังหลังจากหัวหน้าดูแบบ  “ของเล่น”   ชิ้นใหม่ที่เขาสู้อดตาหลับขับตานอน  แก้แบบปรับใหม่หลายสิบครั้งตลอดเดือนที่ผ่านมา  แต่ผลมันก็ไม่ได้ดั่งใจ
    กะอีกแค่ของเล่นเด็ก ทำไมมันเรื่องมากนักวะ   มีอะไรก็เล่นไปเหอะ!!!
    นทีรู้สึกหัวเสียขึ้นมาทันที  เขาออกแบบของเล่นเด็กมานับสิบๆชิ้น   และแต่ละชิ้นก็     “ ขายได้”  เป็นที่น่าพอใจ      โดยเฉพาะรุ่นที่แล้วเป็นชุดสงครามที่ทำออกมาควบคู่กับเกมส์คอมฯซี่รีส์ใหม่    แม้ว่าจะมีเสียงวิพากวิจารณ์อยู่บ้างในเรื่องความรุ่นแรง แต่จะอะไรยังไงก็ช่าง!! มัน “ขาย” ได้ “เงิน” มากก็พอแล้วนี่    เด็กๆก็ดูมีความสุขดี   ยิ่งพวกเขาต้องการเครื่องมือในการต่อสู้มากเท่าไหร่   ของเล่นของเขามันก็ยิ่งขายได้   ไม่ใช่แต่เด็กแต่วัยรุ่นก็ชื่นชอบและรวบถึงวัยทำงานที่แอบหลบงานมาเปิดเกมส์คอมฯเล่น
    แต่..ตั้งแต่เปลี่ยนหัวหน้าทีมงานคนใหม่  อะไรๆเหมือนจะไม่ง่ายอย่างก่อนเก่า       ปรัญชา-จิตวิทยาบ้าบออะไรต่อมิอะไรถูกหยิบมาเป็นปัญหาทำให้งานไม่ผ่าน  แล้วนี่... ถ้างานไม่ผ่านอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ  ....จะเอาอะไรกิน..
    แล้ว....  เด็กมันเล่นอะไรกัน!!!

    นทีลืมตาขึ้นช้าๆ     ภาพตรงหน้า...ในสวนสาธารณะ  บางคนนั่งบนเสื่อที่สนามหญ้า..อาหารกล่อง .. ขนมนานาชนิด  บ้างเด็กวิ่งถือปืนพลาสติกไล่ยิ่งกัน บ้างก็วิ่งเล่น..บ้างก็ทะเลาะกันแย่งเครื่องเล่นที่ตรงมุมเครื่องเล่น ...   ชายหนุ่มรู้สึกคลับคล้ายคลับครากับภาพตรงหน้า...เหมือนหนังเก่าที่ถูกฉายซ้ำวนอีกรอบ....  ความรู้สึกสับสนแน่นถึงหน้าอก  เขาหลับตานิ่งไปอีกครู่หนึ่งแล้วจึงลืมตาอีกครั้งเมื่อรู้สึกถึงวัตถุชิ้นบางเบามากระทบที่ใบหน้าตามแรงลมที่พัดมาวูบหนึ่ง

    นทีหยิบกระดาษสีขาวแผ่นนั้นมาดู   มีรูปวาดแปลกสะดุดตา  ....แปลกหรือ? ไม่หรอก..มันก็ภาพวิวทิวทัศน์ในสวนนี้นั้นแหละ  ลายเส้นโยเย  แต่แปลกที่การใช้สีละมั่ง!! ท้องฟ้าไม่ใช่สีฟ้า   ต้นไม้ไม่ใช่สีเขียน    สระน้ำก็ไม่ใช่  ทุกอย่างสีสันผิดไปจากธรรมชาติของมัน  ท่าทางจะสับสนเรื่องการใช้สีเป็นแน่...
    ยังไม่ทันที่นทีจะคิดเตลิดถึงความผิดปกติของเจ้าของภาพ         เด็กชายตัวน้อยอายุราว10  ขวบ    ดวงตากลมโตสดใสจ้องมองใบหน้าของชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้า   พร้อมกับกระดาษรูปวาดในมือ
    “น้า...ผมขอรูปผมคืนได้ไหม?”
    นทีนิ่งงงไปครู่หนึ่งจนเมื่อมือเล็กๆยื่นมาดึงกระดาแผ่นนั้นไป   เด็กน้อยไม่ได้สนใจอาการของผู้ต่างวัย   และไม่ต้องขอนุญาตอะไรเด็กน้อยก็กระโดดมานั่งข้างๆชายหนุ่ม   กระเป๋าใส่กล่องสีถูกเปิด     เด็กน้อยเลือกหยิบสีไม้มาระบายรูปต่างๆที่เขาร่างไว้คร่าวๆ         นทีจับจ้องมองอากับกิริยาของเด็กน้อยอย่างสนใจ
    “เอ่อ...ทำไมท้องฟ้าเป็นสีชมพูละ?”     นทีเอ่ยถามเมื่อความสงสัยต้องการคำตอบอย่างที่สุด
    “แล้วทำไมท้องฟ้าต้องเป็นสีฟ้าละฮะ”
    “ต้นไม้มันก็ต้องเป็นสีเขียวไม่ใช่เหรอ?”
    “แล้วทำไมเป็นสีส้มเป็นสีส้มไม่ได้ล่ะฮะ?”
    “ภาพมันไม่สมจริง…”
    “แล้วความสมจริงมันคืออะไรฮะ?”
    นทีจนปัญญาที่จะหาถ้อยคำมาขัดแย้ง....  นี่กระมัง ที่เรียกว่า  จิตนาการ สิ่งที่ขาดหายไปในชีวิตเขานานแสนนาน   นทียังเฝ้ามองรูปเขียนสีแปลกตาของจิตกรน้อย  เป็นเด็กนี่ดีนะ..เขาระบายยิ้มบนใบหน้า...  อะไรก็เป็นไปได้... จะให้ท้องฟ้าเป็นสีชมพูหรือต้นไม้เป็นสีส้ม สระน้ำเป็นสีเหลืองสดใส   อะไรๆก็เป็นไปได้หมด  แต่ในโลกเดียวกันของผู้ใหญ่  ท้องฟ้ายังต้องเป็นสีฟ้าจะมืดจะหม่นบ้างก็ตามสภาวะเวลาและดินฟ้าอากาศหรือลมมรสุม
    จริงซินะ...เมื่อครั้งยังเยาว์วัย     รู้ทั้งรู้ว่าเจ้าม้าก้านกล้วยที่เคยขี่ควบตะลอนไปทั่วทุ่งมันเป็นเพียงก้านกล้วยจากต้นกล้วยน้ำหว้าหลังบ้าน    แต่ก็สู่อุตส่าห์เป็นห่วงเป็นใยมัน   กลัวว่าจะขี่ควบไปนานๆมันจะล้า      ทั้งๆที่สองขาของเราต่างหากที่พาเราไปไหนต่อไหนได้    เจ้าตุ๊กตาดินน้ำมันที่เคยปั้นเล่น ก็คิดว่ามันมีชีวิตจริงๆ     เอาผ้าขนหนูผืนใหญ่มาผูกคอทำเป็นเสื้อคลุมเที่ยวเหาะไปโน้นมานี่ทั้งๆที่รู้ทั้งรู้ว่าเราไม่มีวันเหาะได้    


    พอโตขึ้นมาหน่อยดูการ์ตูนเรื่อง โดเรม่อน  ก็อยากมีเพื่อนเป็นโดเรม่อนกับโดเรมี่บ้าง อยากมีของเล่นวิเศษอย่างนั้น    นั่นคงเป็นสาเหตุที่ซ่อนในใจลึกๆเมื่อนานมาแล้ว    แต่กลับส่งผลมาถึงชีวิตในวันนี้      “ของเล่น”  ต่างๆที่เขาพยายามสรรหามาตอบสนองตัวเอง  แท้จริงแล้ว เป็นเพียงเพราะความเหงาที่ต้องอยู่คนเดียวต่างหากเล่า   บ้านที่ไม่มีใคร แม้จะมีขนมอร่อยๆราคาแพงอยู่ในตู้เย็นทุกวัน  แต่สิ่งที่ต้องการคือ   “เพื่อน” ที่รู้ใจ
    เขาจำได้ถึงวัยเด็กที่อ้างว้าง  พ่อแม่ที่แยกกันอยู่มาตั้งแต่เขาเพียงสิบขวบกว่าๆคงพอๆกับเด็กน้อยคนนี้    แต่เขากลับต้องมาพักอาศัยกับป้า    หลายๆอย่างเหมือนจะขาดหายไป และเขาพยายามจะเอาสิ่งนั้นกลับมาอย่างไม่รู้ตัว        ใช่... บางที  เขาไม่ได้อยากเป็นคนออกแบบของเด็กเล่นหรอก  เขาทำมันเพราะสนองความต้องการของตัวเองต่างหาก     วันและวัยในวัยเด็กคนหนึ่งที่อยากได้อยากมีแต่ก็ไม่สามารถมีและได้เช่นเดียวกับเด็กคนอื่นๆ        คนหนุ่มยังจำความรู้สึกของของเล่นชิ้นแรกที่เขาทำได้ดี     เขาทำเป็นรถถีบแต่เหมือนยานอาวกาศ      คงเกิดจากความรู้สึกที่กดดันอย่างไม่รู้ตัว    เขาอยากเดินทางไปให้ไกลพ้นจากสิ่งที่มีเป็นอยู่  ไปเจอสิ่งดีๆที่อาจจะรออยู่ตรงหน้า   การผจญภัย   เหมือนการ์ตูนเรื่องหนึ่งที่มีขบวนรถไฟหมายเลข 999  เดินทางผ่านทางช้างเผือกไปยังจักรวาลต่างๆ   สิ้นค้าชิ้นนี้ขายดี   แต่ถูกปรับปรุงแต่งให้มีเครื่องยนต์กลไกเพิ่มขึ้นแบ่งตามราคา    ของเล่นแต่ละชิ้น      มันก็คือความต้องการของเขาเองที่ยังฝั่งและแฝงอยู่ในตัวตนของตนเอง     ยิ่งพยายามบอกตัวเองว่าเราโตแล้ว  เป็นผู้ใหญ่แล้ว  แต่ความรู้สึกข้างในกลับตรงข้าม   อะไรบางสิ่งในชีวิตหายไปเมื่อในหัวสมองต้องคิดแต่เรื่อง “เงิน”    และการอยู่ให้รอดในสังคมที่มีแต่ความเอารัดเอาเปรียบ  
    อะไร และอะไร  บางสิ่ง  ในชีวิตเหมือนจะ หายไป  เหมือนจะเลือนๆหายไป
    จิตกรน้อยเก็บดินสอสีไม้ใส่กระเป๋าอย่างเดิม  รูปวาดเสร็จแล้ว  แม้จะโยเยแต่ก็สวยสดใสสมวัย ภาพที่ไม่สมจริง  แต่เป็นจริงในจินตนาการของเด็ก  ในโลกใบเดียวกันแต่สายตาที่แลเห็นกลับได้แง่มุมที่แตกต่างออกไป
    “อ่ะ..ผมให้น้า!!”     เด็กน้อยยื่นภาพที่วาดเสร็จส่งให้   เขารับไว้อย่างงุนงง
    “ให้น้าไว้ดูเล่น”   เด็กน้อยยิ้มกว้าง โลกทั้งโลกสดใส
    “ ? ? ? ”  
    “ฮะ..”    
    เด็กน้อยไม่ล่ำลาเพียงแต่ออกวิ่งหายไปในทิศทางที่เขามา

    บางที...  สิ่งที่เราหลงลืมไปก็คือช่วงวันเวลาแห่งวัยเยาว์  เรามัวหลงทางอยู่พักใหญ่  
                 
                  นั้นซิ....  เพราะคนเราต้องการ “เพื่อน”  ไม่ใช่หรือ? ถึงได้ต้องมี “ของเล่น”  และไม่ว่าเราจะล่วงเลยผ่านมาจนวัยขึ้นลำดับด้วยเลขตัวใด     สิ่งที่ผู้ใหญ่มักหลงลืมอยู่เสมอ  คือ เราล้วนเคยเป็นเด็ก และทุกคนยังมีความเป็นเด็กอยู่ในตัวเอง     ทำไม...และทำไมเราไม่ดึงเด็กเล็กๆในตัวเองออกมา    
    เพื่อสัมผัสโลกตรงหน้าได้งดงามอย่างที่เคยเป็น
    นทีมองดูรูปวาดโยเยสีสันแปลกตาตรงหน้า  ท้องฟ้าสีชมพู  ใช่...โลกตรงหน้า ท้องฟ้าก็เป็นสีชมพู   สระน้ำเป็นสีเหลืองสดใส ... ผู้คนมีแต่รอยยิ้มบนใบหน้า
    ของเล่นที่ดีที่สุดสำหรับเด็ก  ก็คือ ผู้ใหญ่อย่างเราๆนี่แหละ
    นทียิ้มบางๆอย่างไม่รู้ตัว  เป็นรอยยิ้มที่จากไปนานเกือบตลอดเดือนที่ผ่านมา  ทำให้ใบหน้าที่คมเข้มดูอ่อนเยาว์และดวงตาอ่อนโยนอย่างที่เคยเป็นมามองหาร่างเล็กๆของเด็กชายวัยราว10ขวบที่เพิ่งจากไป

    “ ฮืม...แล้วเด็กคนนั้น  มาจากไหนกันนะ? ! ? ”

    .........
    END

    เชิญอ่านงานเขียนในมุม(มอง)ของสายลม(อิสระ)ได้แล้วค่ะ

    www.samewaymag.com/saylom.htm

    แก้ไขเมื่อ 06 ต.ค. 48 20:20:44

    จากคุณ : สายลมอิสระ - [ 6 ต.ค. 48 20:14:30 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป