CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    หรือเรา (จะ) รักกัน

    ก่อนวันสอบเทอมสองปีสาม …..

    “ไอ้สิป ไอ้เลว” เสียงโวยดังขึ้นภายหลังหอชาย ผมสะดุ้งโหยงไปกับเสียงดังแสบแก้วหูนั้นทันที

    “อีกแล้วนะแก เมาทั้งกะปี ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่า มันไม่ดี พรุ่งนี้แกก็มีสอบด้วย ”

    นั้นสิครับ เธอบอกตลอดว่ามันไม่ดี แต่ผมก็ยังทำ คนเมา
    ดิบในตอนนั้นนึกอยากเมาเหล้าให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไปเลย
    จะได้ไม่รับรู้ว่าตัวเองกำลังจะโดนอะไร ผมหลับตาปี๋ไม่
    อยากมองหน้าใคร ๆ เพื่อน ๆ ที่อยู่รอบวงเหล้าวิ่งหนีหาย
    ไปหมดตั้งแต่เห็นเธอเจ้าของเสียงเดินเข้ามาแล้ว ตายแน่
    ๆ แกไอ้สิป


    หลังจากวันนั้นที่หอชาย ผมก็หยุดเหล้ามาตลอดเพราะไม่
    นานก็จะเป็นวันเปิดเรียนเทอมสุดท้ายของผมและเธอ
    ผู้หญิงร่างสูงโปร่ง ผิวขาวเนียนละเอียด ใบหน้าที่ดูจะเข้า
    กันไปหมดทุกส่วน สรุปง่าย ๆ คือเธอสวยสมวัย เธอสวย
    สมเป็นดาวมหาวิทยาลัยที่ใคร ๆ ต่างยกให้เธอ แต่เธอ
    กลับไม่ชอบใจมันสักนิด

    ‘ดาวมหา’ลัยเหรอ สูงไปเรากลัวว่าใครบางคนจะไปไม่ถึง’
    เธอบอกแล้วมองหน้าผม ดวงตากลมโตส่องประกายวาว
    วับ

    “วันนี้เราไปดูหนังกันมั้ย” ปันนา หรือ ป่านถามผม หลังจาก
    ที่เลิกเรียนวิชาสุดท้ายของเธอ ผมส่ายหน้าจับไอติมในมือ
    เข้าปากก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงอู้อี้

    “วันนี้ที่คณะมีคัดตัวนักแสดง”

    “จะแสดงละครส่งท้ายเหรอ” เธอถาม ผมพยักหน้า แล้ว
    ความคิดก็แวบผ่านเข้ามาในหัวสมองของผม

    “สนใจมั้ย ตัวเอก นางเอกยังหาไม่ได้ ไอ้กรมันเรื่องมาก
    มันบอกว่า วิดวะนางเอกจะต้องสวย เราเองไม่รู้จะทำยังไง
    ที่เลือก ๆ ดูก็ดาวคณะทั้งนั้น” เธอส่ายหน้าพัลวัน แต่ตอบ
    ตกลงเรื่องไปดูการคัดตัวนักแสดงของคณะที่ผมกำลัง
    เรียนอยู่

    จะว่าไปผมกับเธอก็คบกันมาได้นานเกือบสี่แล้ว มันน่า
    แปลกที่คนสวยอย่างปันนาจะเป็นเพื่อนสนิทมากกับผม เรา
    เจอกันตอนนั้นเมื่อวันรายงานตัวสี่ปีก่อน รอยยิ้มหวาน ๆ
    ชวนให้ผมรับเธอเป็นเพื่อนได้ไม่ยากนัก ด้วยเพราะเราต่าง
    ก็ไม่รู้จักใครสักคน ปันนาเป็นลูกหลานชาวใต้ที่มีสีผิวไม่
    เหมือนคนใต้ที่ผมรู้จัก วันนั้นเราสองคนใช้เวลาใน
    มหาวิทยาลัยใหม่ด้วยกันเกือบทั้งวัน แม้เป็นมหาวิทยาลัย
    เล็ก ๆ แต่ก็กว้างขวางมากพอให้เราสองคนเดินลากเท้าได้
    ทั้งวัน หอพักของเธอและผมอยู่ห่างกันเพียงช่วงตึก ไม่
    แปลกที่เราสองคนสนิทกันได้เร็วแค่ไม่ถึงสองเดือน มันก็
    คล้าย ๆ เงาตามตัวของกันและกัน

    ปันนาเรียนด้านภาษา เธอบอกว่าอยากจะพูดให้ได้หลาย
    ๆ ภาษา มันคงจะดูไม่เหมือนคนธรรมดาสักเท่าไหร่ และ
    ผมว่าเธอก็น่าจะทำได้ไม่ยาก เพราะนอกจากเพื่อนผมจะ
    สวยแล้ว การเรียนก็ไม่ได้น้อยหน้าใคร ๆ และไม่น้อยหน้า
    ใครในเรื่องของหนุ่ม ๆ อีกด้วย ตลอดเวลาที่รู้จักกัน ผมจึง
    ทำหน้าที่ ‘ไม้กันหมา’ ได้อย่างดี และอีกไม่นานนักผมก็รู้
    ตัวว่าอยากจะเป็นทั้ง ไม้กันหมา และ หมาหวงกาง เพราะ
    ความน่ารักสดใสของเธอกระมัง ผมจึงเป็นคนหนึ่งที่แอบ
    รักเธอ

    “ขอบใจนะที่มาส่งเรา” เธอบอกผมพร้อมด้วยรอยยิ้ม
    หวาน ๆ ในยามวิกาล ผมยิ้มตอบ

    “นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นหอหญิงเราจะส่งถึงหน้าห้องเลย” ผม
    ตอบประโยคนี้ในใจเท่านั้น ยิ้มตอบแล้วยกมือเกาหัวไป
    ตามประสาก่อนจะเดินกลับหอพักตัวเอง โดยมีเพื่อน ๆ
    ของเธอที่หอหญิงส่งเสียงแซวเป็นประจำ



    ปีสองของการเรียนหนังสือ ผมและเธอสนิทกันมากขึ้น
    เรื่อย ๆ น่าแปลกที่เราทั้งสองต่างก็ไม่คิดจะหาเพื่อนสนิท
    คนใหม่สักที

    “สัปดาห์หน้า เราไปเที่ยวกันมั้ย” ผมถามปันนา ระหว่าง
    ทานข้าวในตอนเย็นใต้หอพักของเธอ

    “ไปสิ ที่ไหนละ”

    “บ้านสวนของไอ้กร ไปกันหลายคนนะ” ปันนาพยักหน้า
    ตามด้วยรอยยิ้ม ผมชวนเธอเพราะรู้ว่าขานี้ไม่มีทางปฏิเสธ
    การเที่ยวไม่ว่าจะรูปแบบใด ๆ หนุ่ม ๆ ที่มาจีบเธอจะรู้บ้าง
    ไหมว่าเธอคนนี้ เคยกินเนื้องูตอนเราไปเที่ยวป่าที่คณะของ
    เธอจัดเมื่อตอนอยู่ปีหนึ่ง ใครที่ได้เห็นภาพเธอวันนั้นคง
    ต้องอึ่งเพราะปันนาไม่เพียงแต่จะเอร็ดอร่อย แต่เธอกลับ
    เป็นผู้หญิงคนเดียวที่นั่งอยู่ตรงนั้นได้นานที่สุด



    แล้วทริปบ้านสวนที่ปันนารอคอยก็มาถึง วันนั้นเธอดู
    ตื่นเต้นที่สุด เพราะเธอบอกผมว่า บ้านเธอเป็นทะเล อยาก
    จะเที่ยวสวนภาคกลางดูบ้างว่าเป็นอย่างไร วันนั้นพวกเรา
    ไปด้วยกันแปดคน บ้านสวนของไอ้กรดูจะถูกใจปันนามาก
    ที่สุด บ้านไม้มีใต้ถุนที่ปลูกอยู่ท่ามกลางสวนผลไม้ หน้า
    บ้านมีคลองไหลผ่าน มีท่าน้ำขนาดพอดีอยู่ใกล้ ๆ กัน ปัน
    นาเป็นคนแรกที่กระโดดลงคลองโดยไม่สนใจใครทั้งสิ้น

    “อย่าดื่มให้มันหนักนักนะ” เธอบอกพวกผม พร้อมทั้งส่ง
    กับแกล้มหน้าตาดีให้พวกผมสองจาน “นี่เพราะว่าพรุ่งนี้เป็น
    วันอาทิตย์หรอกนะ ถ้าเป็นวันไปเรียนละก็ไม่ยอมเด็ด
    ขาด” เธอบอกแล้วปรายตามองเพื่อนสนิทอย่างผมที่นั่ง
    เงียบมองดูแก้วเหล้าในมืออย่างร้อน ๆ หนาว ๆ จะว่าไป


    เธอก็ไม่ได้เกลียดการดื่มน้ำเมานั้นหรอกนะ หากแต่เธอไม่
    อยากให้พวกผมดื่มมันมากนักในยามที่ต้องเรียนหนังสือ
    ต่ออีกในวันถัดไป หากแต่เมื่อไม่มีเรียน การดื่มกินอย่างนี้
    มักจะมีเธอร่วมวงอยู่ด้วย แม้จะไม่ได้ดื่มหนักอย่างพวกผม
    ก็ตาม

    วงเหล้าเริ่มสนุกขึ้นเรื่อย ๆ มีการร้องเพลงเล่นดนตรี กันเหมือนวงเหล้าทั่วไป ปันนานั่งอยู่ตรงศาลาด้านนอก
    ห้อยขาลงในน้ำตวัดขาเล่นสนุกสนาน ผมลุกจากวงเหล้า
    ขยับเข้าไปใกล้เธอ

    “เบื่อเหรอ”

    “เปล่าหรอก นายมีอะไรหรือเปล่า หรือว่าเมาแล้ว” เธอ
    ถามอย่างห่วงใย

    “ไม่หรอก ยังไม่มีเมา ไปดูหิ่งห้อยมั้ย” ผมถาม ปันนามอง
    หน้าผมแล้วพยักหน้า ดวงตากลมโตดูมีประกายวาววับขึ้น
    ทันที

    ผมจับเรือที่ยืมลุงของไอ้กรไว้เมื่อเย็นตรงท่าน้ำ พาปันนา
    พายไปตามลำคลองช้า ๆ อย่างระมัดระวัง หญิงสาวนั่งมอง
    หน้าผมตลอดทาง เธอยิ้มให้ผม

    “ไม่คิดว่าจะพายเรือเป็นด้วย” ผมยิ้มตอบในความมืดของ
    ราตรีกาล หากแต่ในใจ เพราะเธอคือพลังขับของเรา มัน
    ไม่มีอะไรยากหรอก หากสิ่งนั้นทำให้เธอมีความสุข ...



    ต้นลำพูต้นใหญ่เลยบ้านของไอ้กรมาไม่มากนักมีแสงสว่าง
    ไสวเต็มไปด้วยแสงสีนวลเต็มต้น ปันนาอ้าปากค้าง ดวงตา
    เปล่งประกายความสุข

    “สวยมาก”

    “ถ้าให้ดีนะต้องนอนดู เราจะเห็นแสงของมันระยิบระยับ
    เหมือนไฟที่ต้นไม้ในเมืองไง”

    “ไม่เคยรู้ว่ามันจะมีอยู่จริง ๆ หิ้งห้อย ต้นลำพู “ เธอบอก
    มองต้นไม้ไม่วางตาสักนิด ผมยิ้มมองเสี้ยวหน้าเธอที่กำลัง
    ยิ้มให้กับความงามของต้นไม้ รอยยิ้มเพียงเสี้ยวที่มันทำ
    ให้ผมอยากมองไปตลอด ใบหน้าเพียงเสี้ยวที่ทำให้ผมคิด
    ว่า หากมันเป็นจริงได้ ผมอยากตื่นมาแล้วเจอมันเป็นสิ่ง
    แรก

    “บางครั้งธรรมชาติก็มีอะไรให้เราดูอีกมากมายไม่รู้จบ”

    “นั้นสินะ ไม่รู้จบจริง ๆ “

    “ป่านดูนี่สิ” ผมชวนให้เธอวางสายตาจากต้นไม้ใหญ่นั้น
    แล้วมองตรงผืนน้ำ พระจันทร์ดวงกลมเด่นบนผืนผ้าสีดำ
    ทะมึน มีดวงดาวส่องแสงระยิบระยับทั่วทั้งท้องฟ้า

    “เดือน กับดาวอยู่ใกล้แค่เอื้อม ธรรมชาติไม่รู้จบจริง ๆ “

    หลังจากที่เธอดื่มด่ำกับธรรมชาติครู่ใหญ่ ผมพายเรือกลับ
    บ้านช้า ๆ อย่างผ่อนคลาย เสียงหรีดริ่งเรไรร้องดังระงม
    ปันนาร้องเพลงให้ผมฟังระหว่างทางกลับบ้าน เพลงที่ผม
    เองเคยฟังหากแต่ไม่ใส่ใจกับมันเท่าไรนัก หากแต่มันกลับ
    ก้องอยู่ในใจของผมตลอดมา มันคอยเตือนให้ผมรู้ว่าผม
    รักเธอมากแค่ไหน มันช่วยย้ำเตือนว่าผมและเธอคือเพื่อน
    กัน

    จากคุณ : สายเชือก - [ วันเกิด PANTIP.COM 21:35:11 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป