ก่อนวันสอบเทอมสองปีสาม
..
ไอ้สิป ไอ้เลว เสียงโวยดังขึ้นภายหลังหอชาย ผมสะดุ้งโหยงไปกับเสียงดังแสบแก้วหูนั้นทันที
อีกแล้วนะแก เมาทั้งกะปี ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่า มันไม่ดี พรุ่งนี้แกก็มีสอบด้วย
นั้นสิครับ เธอบอกตลอดว่ามันไม่ดี แต่ผมก็ยังทำ คนเมา
ดิบในตอนนั้นนึกอยากเมาเหล้าให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไปเลย
จะได้ไม่รับรู้ว่าตัวเองกำลังจะโดนอะไร ผมหลับตาปี๋ไม่
อยากมองหน้าใคร ๆ เพื่อน ๆ ที่อยู่รอบวงเหล้าวิ่งหนีหาย
ไปหมดตั้งแต่เห็นเธอเจ้าของเสียงเดินเข้ามาแล้ว ตายแน่
ๆ แกไอ้สิป
หลังจากวันนั้นที่หอชาย ผมก็หยุดเหล้ามาตลอดเพราะไม่
นานก็จะเป็นวันเปิดเรียนเทอมสุดท้ายของผมและเธอ
ผู้หญิงร่างสูงโปร่ง ผิวขาวเนียนละเอียด ใบหน้าที่ดูจะเข้า
กันไปหมดทุกส่วน สรุปง่าย ๆ คือเธอสวยสมวัย เธอสวย
สมเป็นดาวมหาวิทยาลัยที่ใคร ๆ ต่างยกให้เธอ แต่เธอ
กลับไม่ชอบใจมันสักนิด
ดาวมหาลัยเหรอ สูงไปเรากลัวว่าใครบางคนจะไปไม่ถึง
เธอบอกแล้วมองหน้าผม ดวงตากลมโตส่องประกายวาว
วับ
วันนี้เราไปดูหนังกันมั้ย ปันนา หรือ ป่านถามผม หลังจาก
ที่เลิกเรียนวิชาสุดท้ายของเธอ ผมส่ายหน้าจับไอติมในมือ
เข้าปากก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงอู้อี้
วันนี้ที่คณะมีคัดตัวนักแสดง
จะแสดงละครส่งท้ายเหรอ เธอถาม ผมพยักหน้า แล้ว
ความคิดก็แวบผ่านเข้ามาในหัวสมองของผม
สนใจมั้ย ตัวเอก นางเอกยังหาไม่ได้ ไอ้กรมันเรื่องมาก
มันบอกว่า วิดวะนางเอกจะต้องสวย เราเองไม่รู้จะทำยังไง
ที่เลือก ๆ ดูก็ดาวคณะทั้งนั้น เธอส่ายหน้าพัลวัน แต่ตอบ
ตกลงเรื่องไปดูการคัดตัวนักแสดงของคณะที่ผมกำลัง
เรียนอยู่
จะว่าไปผมกับเธอก็คบกันมาได้นานเกือบสี่แล้ว มันน่า
แปลกที่คนสวยอย่างปันนาจะเป็นเพื่อนสนิทมากกับผม เรา
เจอกันตอนนั้นเมื่อวันรายงานตัวสี่ปีก่อน รอยยิ้มหวาน ๆ
ชวนให้ผมรับเธอเป็นเพื่อนได้ไม่ยากนัก ด้วยเพราะเราต่าง
ก็ไม่รู้จักใครสักคน ปันนาเป็นลูกหลานชาวใต้ที่มีสีผิวไม่
เหมือนคนใต้ที่ผมรู้จัก วันนั้นเราสองคนใช้เวลาใน
มหาวิทยาลัยใหม่ด้วยกันเกือบทั้งวัน แม้เป็นมหาวิทยาลัย
เล็ก ๆ แต่ก็กว้างขวางมากพอให้เราสองคนเดินลากเท้าได้
ทั้งวัน หอพักของเธอและผมอยู่ห่างกันเพียงช่วงตึก ไม่
แปลกที่เราสองคนสนิทกันได้เร็วแค่ไม่ถึงสองเดือน มันก็
คล้าย ๆ เงาตามตัวของกันและกัน
ปันนาเรียนด้านภาษา เธอบอกว่าอยากจะพูดให้ได้หลาย
ๆ ภาษา มันคงจะดูไม่เหมือนคนธรรมดาสักเท่าไหร่ และ
ผมว่าเธอก็น่าจะทำได้ไม่ยาก เพราะนอกจากเพื่อนผมจะ
สวยแล้ว การเรียนก็ไม่ได้น้อยหน้าใคร ๆ และไม่น้อยหน้า
ใครในเรื่องของหนุ่ม ๆ อีกด้วย ตลอดเวลาที่รู้จักกัน ผมจึง
ทำหน้าที่ ไม้กันหมา ได้อย่างดี และอีกไม่นานนักผมก็รู้
ตัวว่าอยากจะเป็นทั้ง ไม้กันหมา และ หมาหวงกาง เพราะ
ความน่ารักสดใสของเธอกระมัง ผมจึงเป็นคนหนึ่งที่แอบ
รักเธอ
ขอบใจนะที่มาส่งเรา เธอบอกผมพร้อมด้วยรอยยิ้ม
หวาน ๆ ในยามวิกาล ผมยิ้มตอบ
นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นหอหญิงเราจะส่งถึงหน้าห้องเลย ผม
ตอบประโยคนี้ในใจเท่านั้น ยิ้มตอบแล้วยกมือเกาหัวไป
ตามประสาก่อนจะเดินกลับหอพักตัวเอง โดยมีเพื่อน ๆ
ของเธอที่หอหญิงส่งเสียงแซวเป็นประจำ
ปีสองของการเรียนหนังสือ ผมและเธอสนิทกันมากขึ้น
เรื่อย ๆ น่าแปลกที่เราทั้งสองต่างก็ไม่คิดจะหาเพื่อนสนิท
คนใหม่สักที
สัปดาห์หน้า เราไปเที่ยวกันมั้ย ผมถามปันนา ระหว่าง
ทานข้าวในตอนเย็นใต้หอพักของเธอ
ไปสิ ที่ไหนละ
บ้านสวนของไอ้กร ไปกันหลายคนนะ ปันนาพยักหน้า
ตามด้วยรอยยิ้ม ผมชวนเธอเพราะรู้ว่าขานี้ไม่มีทางปฏิเสธ
การเที่ยวไม่ว่าจะรูปแบบใด ๆ หนุ่ม ๆ ที่มาจีบเธอจะรู้บ้าง
ไหมว่าเธอคนนี้ เคยกินเนื้องูตอนเราไปเที่ยวป่าที่คณะของ
เธอจัดเมื่อตอนอยู่ปีหนึ่ง ใครที่ได้เห็นภาพเธอวันนั้นคง
ต้องอึ่งเพราะปันนาไม่เพียงแต่จะเอร็ดอร่อย แต่เธอกลับ
เป็นผู้หญิงคนเดียวที่นั่งอยู่ตรงนั้นได้นานที่สุด
แล้วทริปบ้านสวนที่ปันนารอคอยก็มาถึง วันนั้นเธอดู
ตื่นเต้นที่สุด เพราะเธอบอกผมว่า บ้านเธอเป็นทะเล อยาก
จะเที่ยวสวนภาคกลางดูบ้างว่าเป็นอย่างไร วันนั้นพวกเรา
ไปด้วยกันแปดคน บ้านสวนของไอ้กรดูจะถูกใจปันนามาก
ที่สุด บ้านไม้มีใต้ถุนที่ปลูกอยู่ท่ามกลางสวนผลไม้ หน้า
บ้านมีคลองไหลผ่าน มีท่าน้ำขนาดพอดีอยู่ใกล้ ๆ กัน ปัน
นาเป็นคนแรกที่กระโดดลงคลองโดยไม่สนใจใครทั้งสิ้น
อย่าดื่มให้มันหนักนักนะ เธอบอกพวกผม พร้อมทั้งส่ง
กับแกล้มหน้าตาดีให้พวกผมสองจาน นี่เพราะว่าพรุ่งนี้เป็น
วันอาทิตย์หรอกนะ ถ้าเป็นวันไปเรียนละก็ไม่ยอมเด็ด
ขาด เธอบอกแล้วปรายตามองเพื่อนสนิทอย่างผมที่นั่ง
เงียบมองดูแก้วเหล้าในมืออย่างร้อน ๆ หนาว ๆ จะว่าไป
เธอก็ไม่ได้เกลียดการดื่มน้ำเมานั้นหรอกนะ หากแต่เธอไม่
อยากให้พวกผมดื่มมันมากนักในยามที่ต้องเรียนหนังสือ
ต่ออีกในวันถัดไป หากแต่เมื่อไม่มีเรียน การดื่มกินอย่างนี้
มักจะมีเธอร่วมวงอยู่ด้วย แม้จะไม่ได้ดื่มหนักอย่างพวกผม
ก็ตาม
วงเหล้าเริ่มสนุกขึ้นเรื่อย ๆ มีการร้องเพลงเล่นดนตรี กันเหมือนวงเหล้าทั่วไป ปันนานั่งอยู่ตรงศาลาด้านนอก
ห้อยขาลงในน้ำตวัดขาเล่นสนุกสนาน ผมลุกจากวงเหล้า
ขยับเข้าไปใกล้เธอ
เบื่อเหรอ
เปล่าหรอก นายมีอะไรหรือเปล่า หรือว่าเมาแล้ว เธอ
ถามอย่างห่วงใย
ไม่หรอก ยังไม่มีเมา ไปดูหิ่งห้อยมั้ย ผมถาม ปันนามอง
หน้าผมแล้วพยักหน้า ดวงตากลมโตดูมีประกายวาววับขึ้น
ทันที
ผมจับเรือที่ยืมลุงของไอ้กรไว้เมื่อเย็นตรงท่าน้ำ พาปันนา
พายไปตามลำคลองช้า ๆ อย่างระมัดระวัง หญิงสาวนั่งมอง
หน้าผมตลอดทาง เธอยิ้มให้ผม
ไม่คิดว่าจะพายเรือเป็นด้วย ผมยิ้มตอบในความมืดของ
ราตรีกาล หากแต่ในใจ เพราะเธอคือพลังขับของเรา มัน
ไม่มีอะไรยากหรอก หากสิ่งนั้นทำให้เธอมีความสุข ...
ต้นลำพูต้นใหญ่เลยบ้านของไอ้กรมาไม่มากนักมีแสงสว่าง
ไสวเต็มไปด้วยแสงสีนวลเต็มต้น ปันนาอ้าปากค้าง ดวงตา
เปล่งประกายความสุข
สวยมาก
ถ้าให้ดีนะต้องนอนดู เราจะเห็นแสงของมันระยิบระยับ
เหมือนไฟที่ต้นไม้ในเมืองไง
ไม่เคยรู้ว่ามันจะมีอยู่จริง ๆ หิ้งห้อย ต้นลำพู เธอบอก
มองต้นไม้ไม่วางตาสักนิด ผมยิ้มมองเสี้ยวหน้าเธอที่กำลัง
ยิ้มให้กับความงามของต้นไม้ รอยยิ้มเพียงเสี้ยวที่มันทำ
ให้ผมอยากมองไปตลอด ใบหน้าเพียงเสี้ยวที่ทำให้ผมคิด
ว่า หากมันเป็นจริงได้ ผมอยากตื่นมาแล้วเจอมันเป็นสิ่ง
แรก
บางครั้งธรรมชาติก็มีอะไรให้เราดูอีกมากมายไม่รู้จบ
นั้นสินะ ไม่รู้จบจริง ๆ
ป่านดูนี่สิ ผมชวนให้เธอวางสายตาจากต้นไม้ใหญ่นั้น
แล้วมองตรงผืนน้ำ พระจันทร์ดวงกลมเด่นบนผืนผ้าสีดำ
ทะมึน มีดวงดาวส่องแสงระยิบระยับทั่วทั้งท้องฟ้า
เดือน กับดาวอยู่ใกล้แค่เอื้อม ธรรมชาติไม่รู้จบจริง ๆ
หลังจากที่เธอดื่มด่ำกับธรรมชาติครู่ใหญ่ ผมพายเรือกลับ
บ้านช้า ๆ อย่างผ่อนคลาย เสียงหรีดริ่งเรไรร้องดังระงม
ปันนาร้องเพลงให้ผมฟังระหว่างทางกลับบ้าน เพลงที่ผม
เองเคยฟังหากแต่ไม่ใส่ใจกับมันเท่าไรนัก หากแต่มันกลับ
ก้องอยู่ในใจของผมตลอดมา มันคอยเตือนให้ผมรู้ว่าผม
รักเธอมากแค่ไหน มันช่วยย้ำเตือนว่าผมและเธอคือเพื่อน
กัน
จากคุณ :
สายเชือก
- [
วันเกิด PANTIP.COM 21:35:11
]