CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยมีรายละเอียด

    พฤษภาคม 2548

    ผมอยากเขียนถึงเพื่อนที่เคยรู้จัก ผมรู้สึกว่าไม่ได้คุยกับเขามานาน นึกได้อีกที ก็เป็นเวลานานจริงเสียด้วย นานเกินไป.......



    กันยายน 2544

    บ่ายโมงวันพฤหัสบดี เป็นเวลาสอบวิชาสังคมศึกษา ผมควรอยู่ในห้องสอบ แต่กลับไม่อยู่ บ่ายโมงกับอีกยี่สิบนาที ผมกินข้าวมื้อแรกของวันเสร็จสิ้น เดินเข้าร้านสะดวกซื้อ เพื่อซื้อน้ำดื่มสักขวดกลับขึ้นห้อง ผมอาจดูโทรทัศน์ อ่านหนังสือนิยาย หรือไม่ก็นอนกลิ้งไปมาบนเตียง พอเย็นๆค่อยคิดอีกทีว่าจะทำอะไร

    ผมหยิบขวดน้ำดื่มจากตู้แช่ ปิดตู้กลับคืน คลำเงินในกระเป๋า จังหวะที่จะหันหลังเดินไปจ่ายเงิน แบ้งค์ก็เดินมาที่ตู้แช่ ตู้ที่อยู่ติดกับตู้น้ำดื่ม เขาหยิบเบียร์
    “สวัสดีแบ้งค์ ถอนเหรอไง”
    “อ้อ นายนี่เอง ไปดกเบียร์ที่ห้องฉันหน่อยไหมล่ะ กินคนเดียวเปลี่ยวๆ”

    ถึงเราจะไม่ได้ยืนใกล้กันมาก แต่กลิ่นที่โชยมาตามอากาศ ชวนให้เข้าใจได้ว่า เขาต้องกินละมุดมาไม่ต่ำกว่าสองกิโลเป็นแน่

    ในขณะที่ผมกำลังตัดสินใจในคำชวนของเขานั่นเอง เตยได้เดินมาหยุดตรงหน้าเราพอดี
    “นี่ พวกนาย ไม่ไปสอบกันเหรอวันนี้ ?”

    การสอบวิชาสังคมศึกษาวันนั้น มีนักศึกษาขาดสอบจำนวนสามคน

    - - - - - - - - - - - - - - -



    สองทุ่ม ผมนั่งตากลมริมหาด มีเบียร์กระป๋องอยู่ในมือ เตยยืนแช่น้ำทะเล ราคลื่นอยู่ครึ่งแข้ง แบ้งค์นั่งอยู่ข้างผม มองดูผืนน้ำเบื้องหน้า อัดบุหรี่พ่นควันยาว ก่อนยกเบียร์ข้างตัวขึ้นจิบ

    เรามาอยู่ที่นี่กันแล้ว แบ้งค์เป็นคนขับรถพาพวกเรามา ผมนั่งเบาะหน้าข้างคนขับ เตยนั่งเบาะหลัง เรามาถึงก่อนอาทิตย์ตก

    “ฉันว่าตอนปีหนึ่ง เคยเห็นนายที่ร้านเหล้าบ่อยๆนะ รู้สึกนายจะชอบไปนั่งกินเหล้ากับเพื่อนนายคนหนึ่ง”
    แบ้งค์หันมาคุยกับผมหลังบุหรี่หมดมวน
    “อือใช่ เพื่อนสนิทฉัน มาจากโรงเรียนเดียวกัน เรียนอยู่วิศวะ”
    “แต่ตอนนี้ฉันไม่ค่อยเห็นแล้วนี่ เห็นนายนั่งกินเหล้ากับเพื่อนรุ่นเรามากกว่า”
    “ต่างคนต่างเรียน วิชาใครวิชามัน เลยไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่แล้ว”
    “ซี้กันมากไหม”
    “มากอยู่”

    ตั้งแต่ขึ้นปีสอง ผมก็ไม่ได้เจอเพื่อนคนนั้นบ่อยนัก ผมใช้เวลาอยู่กับเพื่อนร่วมคณะเสียมากกว่า


    ผมกับแบ้งค์ เราไม่ได้คุยกันบ่อยนัก เป็นแต่เพียงทักทายไต่ถาม ตามประสาคนเห็นหน้าคุ้นตากัน เขาเป็นที่รู้จักของทุกคนในคณะ ทุกสิ่งทุกอย่างในความเป็นเขา ผมยังค้นไม่พบจุดบอด ทั้งหน้าตารูปร่างที่สามารถเป็นนายแบบได้สบายๆ หัวดี เล่นกีฬาเก่ง ฐานะการเงินสมบูรณ์พร้อม เข้ากับทุกคนได้ง่าย คุยสนุก แต่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดชัดเจน ไปไหนมาไหนคนเดียวเสมอ มีผู้หญิงหลายคนแอบปลื้มเขา ผมเดาเอาว่าต้องมีใครแอบเปิดแฟนคลับเกี่ยวกับตัวเขาขึ้นเป็นแน่

    “ทำไมนายสองคน ถึงไม่เข้าห้องสอบกันล่ะ ?” เตยเดินมาที่เราสองคน
    “แฮงก์ ตื่นสาย ลุกมาก็ปวดหัวตึ้บ คิดอะไรไม่ออก ทำอะไรไม่ถูก” นี่คือเหตุผลของแบ้งค์
    “ฉันไม่รู้ นึกว่าสอบวันอื่น ไม่ได้ถามใครด้วย แล้วเตยล่ะ ?”

    “ไม่มีเหตุผล ไม่นึกอยากเข้าไปสอบมั้ง” หลังพูดจบ เธอยิ้ม ยิ้มแบบนั้นอีกแล้ว ยิ้มด้วยริมฝีปาก ดูไม่ทุกข์ร้อนกับเรื่องใดๆ มันเป็นยิ้มเฉพาะตัวของเธอ มีเสน่ห์ ชวนจ้อง เธอน่ารักมากขึ้นเมื่อมียิ้มแบบนี้ปรากฏบนใบหน้า


    เตยขาดเรียนบ่อย แต่เธอเป็นคนหัวดี มีความคิดสุดที่จะเดา เธอชอบยิ้มบ่อยๆ เวลาอยู่ในกลุ่มเพื่อน เป็นยิ้มด้วยริมฝีปาก ไร้ซี่ฟันขาว แม้เธอไม่ใช่คนที่หน้าตาดีที่สุดในรุ่น แต่ก็ดูดีที่สุดในรุ่น เธอโดดเด่นกว่าใคร มีผู้ชายมากมายที่ถูกเธอหักอก เธอเป็นคนชอบเที่ยว

    ผมพบเธอบ่อยเหมือนกัน เพียงทักทายให้กัน ไม่เคยคุยกันยาวๆเลย อ้อ มีอีกอย่าง เตยเป็นผู้หญิงที่สูบบุหรี่แล้วเท่ที่สุดที่ผมเคยเห็น แม้ว่าผมจะไม่นิยมผู้หญิงที่สูบบุหรี่ก็ตาม แต่ยอมรับเลยว่า ท่าของเธอเวลาสูบบุหรี่เท่มาก มันทำให้ผู้ชายที่ริสูบบุหรี่ใหม่ๆต้องเขินอาย


    “ทำไมเธอถึงไม่รู้ว่าสอบวันไหนล่ะ ?” เตยถามผม
    “ฉันไม่ค่อยได้ใส่ใจ อาศัยโทรถามคนอื่นวันต่อวัน นี่เป็นครั้งแรกที่ขาดสอบ ”

    “เอาน่า พวกไม่ค่อยได้คุยกันเลย คิดซะว่า มาทะเล ทำความรู้จักกันก็ดีไม่น้อย” แบ้งค์เปลี่ยนเรื่องคุย
    “คุยอะไรกันดี ?” เตยเป็นคนถาม
    “เรื่องทั่วไป เพื่อนในรุ่น”
    “เรื่องผู้หญิงสินะ สนใจใครอยู่รึไง ?” เตยยิ้มล้อแบงค์
    “นุ่นน่ารัก ฝ้ายดูดี ฟางสวยจนน่าเป็นดาว แต่ถ้าเจ๋งสุด เตย ไงล่ะ”
    “ขอบใจที่ยอ นายไม่มีแฟนหรือ ?”
    “อืม คบๆเลิกๆ”

    “แล้วเธอล่ะ ไม่สนใครบ้างเหรอ ?” เตยหันมาถามผม
    “ก็มองๆบ้าง แต่ไม่ได้อะไรมาก”

    “ชอบทะเลกันรึเปล่า ฉันชอบทะเลตอนกลางคืนมันมองเห็นดาว”
    “ฉับชอบ แต่เวลาไหนก็ได้ ขอแค่มีเบียร์นั่งดกไปด้วย ชอบทั้งนั้น” ผมตอบแบ้งค์
    “ดวงดาวเหรอ ? สำหรับฉัน ดวงดาวคือความเศร้าต่างหาก คือน้ำตาที่ส่องประกาย”
    “หวา พูดเสียเย็นสันหลังวาบ เลยแฮะ” ผมสอดเตยขึ้นมา เธอหันมายิ้มให้ผม

    “นี่ เบียร์หมดแล้วนะ”
    “ฉันไปเอง” เตยลุกขึ้นยืน
    “ฉันไปเป็นเพื่อน” ผมลุกตามเธอไป

    ระหว่างทางที่เดินไปนั้น เราคุยกันเรื่อยเปื่อย
    “เธอไม่มีแฟนเหรอ ?”
    “ไม่มี ไม่เคยปรากฏว่ามีด้วยซ้ำ”
    “เธอยังบริสุทธิ์อยู่เหรอ ?”
    “เป็นดังนั้น” เมื่อตอบออกไปแล้ว ผมอยากวิ่งหนีให้พ้นจากเธอ ไปขุดหลุมทรายหมกตัว โผล่เพียงหัว แล้วให้คลื่นซัด พร้อมแหกปากให้ลั่นว่า ‘กลับมาเถิด เชิงชายของฉัน’ ผมจะตะโกนแบบนั้นจนหมดคืน

    “แล้วอย่างฉันนี่ เธอรู้สึกอยากคบบ้างหรือเปล่า ?”
    “คิดว่า ไม่มีใครบอกปฏิเสธ”
    “มี.... ฉันนี่ไง”

    หลังจ่ายเงินเรียบร้อย ผมยื่นมือไปรับถุงเบียร์จากมือเธอ พร้อมสังเกตเห็นตรงข้อมือเธอมีรอยแผลเป็นสีชมพู จากการกรีดข้อมือ มีอยู่สี่รอยด้วยกันบนมือข้างซ้าย ส่วนที่มือขวา ผมเห็นไม่ถนัด

    เรากลับมานั่งดื่มและคุยกันต่อ ช่วงหนึ่งแบ้งค์ถามขึ้นว่า
    “มีความฝันบ้าๆกันบ้างไหม ? ของฉันนี่ ฉันอยากล่องเรือแบบในยุคเริ่มล่าอาณานิคม ออกสำรวจโลก แสวงหาทรัพยากร กินอยู่บนเรือ กลางคลื่น สวนลม นับเดือนนับปีกันไม่ถูก”

    “ฉันอยากลอยเคว้งอยู่บนฟ้าแบบนักกระโดดร่ม กางแขนกางขา พลิกคว่ำ พลิกหงาย มองท้องเมฆกับหน้าดิน สลับไปมา ลอยอยู่นานๆ นานๆ นานๆ”

    “เอ่อ ฉันชอบตั๊กแตนใบไม้ชอบการพรางตัวของมัน กลมกลืนไปกับกลุ่มใบไม้ ได้แนบเนียน เพราะสรีระมันถูกออกแบบมาอย่างนั้น แต่ที่บ้านเราไม่มีมีแต่ตั๊กแตนกิ่งไม้ ฉันอยากไปเห็นมันสักครั้ง อยากเก็บเงินไปดูมันที่เกาะบอร์เนียว” ผมพูดแล้วยิ้มอย่างเขินๆ


    เวลาผ่านไปจนค่อนคืนได้แล้วกระมัง เบียร์เหลือเพียงสองกระป๋อง ผมคิดว่า ผมเมาแล้ว เตยหันมาพูดกับผมเบาๆให้ไปเดินเล่นด้วยกันหน่อย

    เราเดินเลาะริมหาดอย่างไม่เร่งร้อน

    “เธอชอบตัวเธอในทุกวันนี้ไหม?”
    “ไม่เท่าไหร่ มันจืดๆ”
    “นั่นไม่ดีตรงไหน”
    “ฉันไม่เคยจีบใคร ไม่เคยมีเซ็กซ์ ไม่เคยมีเรื่องชกต่อย ไม่เคยทำอะไรห่ามๆ”
    “ฉันก็ไม่เคยต่อยใคร” เตยยิ้มอารมณ์ดี
    “แต่ก็อย่างว่า ก็ฉันเป็นอย่างนี้นี่นา ก็ค่อยๆเป็น ค่อยๆไป ต่อไป ชีวิตสั้นแต่ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน”
    “ฉันอยากเป็นแบบเธอบ้าง” เตยพูดแล้วหยุดเดิน เปลี่ยนเป็นก้าวเท้าลงไปยังน้ำทะเล

    “ฉันชอบแพลงตอนในทะเลยามดึก ถ้าเราเอาขาตีน้ำ มันจะเรืองแสงให้เห็น เหมือนกับบางอย่างที่เราต้องเข้าไปสัมผัส เราถึงจะได้พบ ไม่มีทางที่สิ่งนั้นจะเข้ามาหาเราเอง” เสียงคลื่นซัดเบาๆ

    “ต่อบุหรี่ให้มวนสิ” เมื่อต่อเสร็จผมยื่นให้เธอ เธอรับสูดยาวๆสองครั้ง แล้วคืนกลับให้ผม
    “เธอเดินเล่นคนเดียวไปก่อนนะ ขอเวลานิดนึง” ผมพยักหน้ารับ

    เตยเดินกลับไปหาแบ้งค์ยังที่เรานั่ง ผมสูบบุหรี่อย่างไม่เร่งร้อน บุหรี่ที่ริมฝีปากเธอได้สัมผัส หลังเดินวนไปมาพักใหญ่ ผมทิ้งตัวลงนอนบนชายหาด ไม่ไกลจากบริเวณที่นั่งดื่มมากนัก


    ทะเลกลางคืน เสียงคลื่นที่สาด ลมทะเลพัด ดวงดาวบนฟ้า


    มันเป็นทะเลร้างผู้คนโดยแท้ แบ้งค์มีบ้านพักอยู่ที่นี่ ใช่ เขามีบ้านพัก แต่กลับนอนในรถ ส่วนต้องมานอนคลุกทราย

    บ่ายวันถัดมา พวกเราเดินทางกลับ ผมนั่งเบาะหลัง เตยนั่งเบาะหน้าข้างคนขับ

    - - - - - - - - - - - - - - -



    พฤศจิกายน 2544

    ชีวิตนักศึกษายังดำเนินไป เปิดเทอมสอง ผมหวังว่าคงไม่มีการขาดสอบเกิดขึ้น
    ผม แบ้งค์ เตย สนิทกันมากขึ้นจากเดิม

    ทั้งที่อยู่ซอยเดียวกัน มาตั้งแต่ปีหนึ่ง แต่กลับเพิ่งมาสนิทกันหลังจากไปทะเลในปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา

    หอผมอยู่กลางซอย แบ้งค์อยู่ท้ายซอย เตยอยู่หน้าซอย
    พวกเราตกวิชาสังคมที่เคยขาดสอบ ต้องลงทะเบียนเรียนใหม่กับรุ่นน้องในปีถัดไป
    ผมยังมีชีวิตดุจเดิม แบ้งค์คบกับเตย


    มีนาคม 2545

    ปีสองเทอมสองสิ้นสุดลง ผมเข้าสอบทุกวิชา แต่นั่นไม่ได้ช่วยให้รอดพ้นจากการสอบตก ผมพ้นสภาพนักศึกษา เมื่อหมดปีการศึกษา ผมคงใส่ใจทุกสิ่งน้อยเกินไปนั่นเอง

    - - - - - - - - - - - - - - -

    จากคุณ : อุปกรณ์ประกอบฉาก - [ วันเกิด PANTIP.COM 21:51:45 A:203.113.81.36 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป