บทที่ 5
หนึ่งวันกับอีกหนึ่งคืนที่ทยุตได้มาอาศัยใต้ชายคาเดียวกันกับลูกสาวของเจ้านายตนเอง...คุณไร้เงา เศวตศิริว่าที่เศรษฐีพันล้านเจ้าของกิจการโรงงานอาหารกระป๋องส่งออก...ขณะนี้เขากำลังมีความสุขอยู่กับการนอนหลับสนิทอยู่เตียง
เสียงนาฬิกาปลุกเรือนหรูที่ยัดใส่กระเป๋ามาด้วยกำลังบรรเลงเพลงคลาสสิคบวกรวมกับความเย็นสบายของเครื่องปรับอากาศและท้องฟ้าอันมืดมัวแม้จะย่างเข้าช่วงเช้าแล้วก็ตามยิ่งเป็นการขับกล่อมให้คนบนเตียงอิ่มเอมไปกับสุนทรียภาพของการนิทรามากกว่าจะตื่นขึ้นมาทำหน้าที่ของตนเอง
โชคยังดีที่เขาซื้อนาฬิกาอีกเรือนหนึ่งติดมาด้วย...เป็นนาฬิกาที่ส่งเสียงดังลั่นยิ่งกว่าการตีระฆังในวัดตอนช่วงทำบุญ...ถัดจากการร้องของนาฬิกาเรือนแรกก็ตามมาด้วยเรือนที่สองจึงสามารถทำให้ชายหนุ่มลืมตาโพล่งลุกพรวดขึ้นมาจากเตียง
เอื้อมมือไปกดปิดเสียงปลุก...มองเวลาว่ามันหกโมงเช้าพอดิบพอดี
เขาไม่รู้ว่าไร้เงาจะไปตื่นและเริ่มไปทำงานกี่โมง...ดังนั้นจึงต้องเตรียมตัวให้พร้อม กะเวลาให้เช้าหน่อยเพื่อขับรถพาไปส่งที่บริษัท
เมื่อวานนี้เจ้าของบ้านอยู่บ้านโดยไม่เหยียบออกไปไหนข้างนอก...เอาแต่ง่วนกับการเช็ดถ้วยเช็ดชามลายสวยที่ใส่อยู่ในกล่องกระดาษหรือไม่ก็ขลุกอยู่ในสวนแทบทั้งวันกลับเข้ามาอีกทีก็ตอนเย็น...ทานข้าวเสร็จก็อาบน้ำขึ้นนอนแทบจะไม่ปริปากพูดอะไรเลยสักคำหากเขาไม่ถามออกไปก่อน
ทยุตสะบัดหน้าไปมาเบาๆเพื่อเรียกสติให้คืนกลับเข้าร่างเหมือนเดิม...จะลุกขึ้นจากเตียงตั้งใจจะหยิบเสื้อผ้าทำกิจวัตรประจำวันในช่วงเช้าให้เรียบร้อยด้วยอารามรีบร้อนทำให้เท้าไปพันกับผ้าห่มจนร่างล้มตึงกระแทกกับพื้นข้างเตียงเต็มแรง
บ้าชิบ เขาสบถออกมาดึงผ้าห่มที่พันทั้งขาทั้งเท้าให้พ้นๆไปก่อนจะลุกขึ้นยืน...รู้สึกเจ็บไปทั้งแขนและขาแต่กัดฟันเปิดตู้หยิบของที่ต้องการจะใช้และตะกร้าใส่ผ้าสีฟ้าใบใหญ่ที่ตั้งไว้ในห้องตั้งแต่วันแรกของการเข้ามาอยู่แล้วจึงเดินไปที่ห้องน้ำที่อยู่ติดกับห้องนอนของตนเอง
ชำระล้างร่างกายทุกซอกทุกมุมเรียบร้อยก็ออกมาในชุดสูทสีดำ...ปืนกระบอกพอดีมือที่สั่งทำขึ้นพิเศษด้ามจับเป็นเงินแท้มีชื่อย่อของเขาที่จารึกไว้เป็นสีทองโดดเด่นเหน็บไว้ที่สีข้าง มีดพกขนาดกระทันรัดที่ถูกลับจนคมกริบจำนวนสามเล่มกับมีดพับอีกเล่มสอดอยู่ในช่องที่ทำขึ้นพิเศษใต้สูทด้านขวา
เตรียมพร้อมเสมอสำหรับทุกสถานการณ์ร้ายที่จะเกิดขึ้นกับคนที่เขาต้องอารักขา...ยืนเก็กท่ามองตัวเองในกระจกเงาบานใหญ่และยาวตรวจตราความเรียบร้อย...เสียงท้องร้องทำให้เขาต้องหยุดมองเงาสะท้อนเดินเข้าไปในห้องครัวเพื่อหาอะไรรองท้อง
เมื่อวานนี้เขาออกไปสำรวจและซื้ออาหารสำเร็จรูปจากแม่ค้าหน้าปากซอยมาตั้งหลายอย่างแต่พอลองทานแล้วรสชาติไม่ได้เรื่องทั้งที่มีลูกค้าออกันเต็มหน้าร้านทำให้ต้องเททิ้งแทบหมด...ดีที่ข้าวเปล่ายังนิ่มพอที่จะกินได้เขาจึงกินถุงหนึ่งและเก็บอีกถุงเอาไว้ในตู้กับข้าว
ปกติแล้วเขาไม่ทานอาหารข้างถนนเพราะเป็นห่วงเรื่องความสะอาด ตอนอยู่เมืองนอกก็อยู่ในบ้านส่วนตัวของคุณปู่มีทุกอย่าง มีแม่ครัวแม่บ้านพร้อมจนงอมืองอเท้าไม่มีความจำเป็นต้องช่วยตัวเองเรื่องปากท้องและความเป็นอยู่
พอกลับมาเมืองไทย...ออกจากตระกูลและเริ่มทำงานก็ไม่ต้องจัดการเองเพราะคุณนาตยาไม่ยอมให้เขาทานอาหารข้างทางเหมือนกับบอดี้การ์ดคนอื่นๆ...ถ้าเจ้าหล่อนทานอาหารที่ไหนก็มีอันต้องเรียกตัวเขาให้ร่วม
โต๊ะด้วยทุกครั้ง
แต่ถ้าเป็นเวลากลับมาอยู่ที่อพาร์ทเม้นต์เขาก็ฝากปากฝากท้องไว้กับอาหารของภัตตาคารในโรงแรมชื่อดังที่มีบริการส่งถึงที่
ทยุตหันรีหันขวางคิดถึงเมนูง่ายๆที่พอจะทำทานเองได้อย่างสะดวก...ไข่เจียวราดข้าวเป็นอาหารจานเดียวที่เขานึกเป็นอันดับแรก
มันจะยากอะไรข้าวก็มีแล้ว....วิธีทำก็แค่ตอกไข่ใส่ชามเติมซอส เติมพริกไทย ตีๆมันให้เข้ากันแล้วก็ทอด...เขาเคยเห็นแม่ครัวทำอยู่บ่อยๆ ไม่เห็นจะยากอะไรตรงไหน
แต่ที่เขาเกรงก็คือไร้เงาจะไม่อนุญาตให้ใช้ของในครัวนะสิ...คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง ขอยืมสักสองฟองก่อนแล้วจะซื้อมาคืนให้ทีหลัง
ความคิดเร็วเท่ากับการกระทำ...ชายหนุ่มเปิดตู้เย็นคว้าไข่ไก่ออกมาสองฟองเริ่มลงมือทำอาหารจานด่วนอย่างง่ายอย่างรวดเร็ว
อนิจจาเหตุเพราะไม่เคยลงมือมาก่อนการที่ตีไข่ซึ่งเหมือนจะง่ายดายเขากลับทำมันกระฉอกจากชามหล่นไปตามพื้นกระเบื้อง...เริ่มใหม่อีกรอบก็ใส่ซอสมากไปจนสีไข่แทนที่จะเหลืองกลายเป็นหม่นออกน้ำตาลเข้มเกินไปสรุปแล้วหมดไข่ไปเกือบโหลแถมพื้นก็เปรอะเปื้อนด้วยเปลือกและพอตีไข่ปรุงรสได้เข้าทีก็มีอันต้องมาตกม้าตายกับการตั้งกระทะ...เปิดเตาไฟฟ้าให้ทำงานวางกระทะลงไปเรียบร้อยแต่ดันมองหาน้ำมันไม่เจอ....กว่าจะเห็นว่ามันแอบอยู่ในตู้แขวนเล็กด้านบนเหนือเครื่องดูดควันและกลิ่น
ระยะเวลาที่ค้นหาทำให้กระทะร้อนจัด...ส่งไอความร้อนให้พวยพุ่งพอเจอน้ำมันก็รีบเทลงไปก่อนจะหันไปหยิบชามไข่ที่ตีไว้แล้วมารอทำท่าจะเทแต่เขาก็เปลี่ยนใจละล้าละลังกันอยู่อย่างนั้นด้วยเหตุที่กลัวว่าน้ำมัยจะกระเด็นทำให้กระทะยิ่งร้อนจัดมากขึ้นเรื่อย
กว่าจะทำใจใส่ไข่ลงไปได้ก็นาน...ไข่พอโดนน้ำมันที่เดือดจัดยิ่งเป็นการเร่งให้ไฟลุกสูงขึ้น...ไข่ไหม้ก่อนจะสุก...กลิ่นไหม้จึงคลุ้งกระจายไปทั่วทั้งห้องครัว ควันก็อบอวลเกินที่กำลังของเครื่องกำจัดควันและกลิ่นที่ติดอยู่ด้านบนของเตาจะกำจัดได้
ชายหนุ่มหน้านิ่วคิ้วขมวด
บรรลัยแล้วไหมล่ะ ร้องพลางเกาหัวแกรกๆ รีบปิดเตาและยกกระทะไปไว้ในอ่างล้างจาน
กลิ่นไหม้และควันไฟที่ลอยฟุ้งจากห้องครัวขึ้นไปจนถึงบริเวณบันได...ไร้เงาที่เพิ่งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จกะว่าจะออกไปทำงานก่อนเวลาที่บอดี้การ์ดหนุ่มของพ่อจะตื่นกำลังก้าวเท้าลงบันไดขั้นสุดท้ายพอดี
ไฟไหม้ ประโยคแรกหลุดจากริมฝีปากอิ่มก่อนที่เจ้าหล่อนจะฉวยถาดพลาสติกใกล้ติดมือมาพร้อมกับรีบวิ่งหาต้นตอของการกำเนิดกลิ่นด้วยความรีบร้อนเป็นที่สุด
ตามมาถึงห้องครัวจึงได้รู้ว่ากลิ่นและควันทั้งหมดนั้นออกมาจากห้องนี้...ร่างสูงของใครสักคนหนึ่งยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มควันหญิงสาวเลือกจะไม่สนใจรีบวิ่งไปเปิดประตูด้านหลังบ้านให้ควันและกลิ่นจางไปพร้อมกับกระแสลมด้านนอก ยกถาดพลาสติกโบกไปมาเสริมอีกแรง
จนกระทั่งสิ่งที่วนเวียนอยู่ในห้องมันจางลงหล่อนจึงได้เห็นชายหนุ่มในชุดสูทสีดำกำลังอยู่เก้ๆกังๆหน้าอ่างล้างจานพร้อมกะทะเทฟลอน...ไข่เจียวดำเกรียมนอนนิ่งอย่างสงบ
คุณทำบ้าอะไรของคุณเนี้ย ไร้เงาร้องเสียงหลง...กวาดสายตามองห้องครัวของตนเองที่เลอะเทอะไป
หมดไม่ว่าพื้น ผนังหรืออ่างล้างจานก่อนจะหันไปยังต้นเหตุที่ก่อเรื่อง
ผมขอโทษครับคุณไร้เงา คือ ผมกำลังทำอาหารมื้อเช้าอยู่นะครับ แต่ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ เขาบอกเสียงอ่อยสบสายตาคมกริบที่เต็มเปี่ยมด้วยความสำนึกผิดกับหญิงสาวที่มองตรงมาด้วยดวงตาเย็นที่แฝงประกายความโกรธน้อยๆราวกับข่มเอาไว้ไม่มิด
เมื่อวานนี้ดิฉันเห็นคุณออกไปซื้อกับข้าวข้างนอกมาตั้งเยอะแล้วไม่ใช่หรือไง ทำไมต้องมานั่งทำกับข้าวอีก อย่าบอกดิฉันนะว่าคุณทานไปหมดแล้ว
ทยุตถอนลมหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความรู้สึกเสียววาบที่ต้นคอ...
ผมเททิ้งไปหมดแล้วครับ...รสชาติมันแย่จนผมทานไม่ลง ผมก็เลยคิดว่าจะลองทำข้าวเช้าทานเองแต่ไม่รู้ว่าเพราะผมเป็นมือใหม่หรือเปล่ามันถึงทำให้ครัวคุณเป็นแบบนี้
ทำอาหารหรือจะทำไฟไหม้กันแน่...มีที่ไหนเขาแต่งสูทมาทำอาหารกัน ถ้าคุณกับข้าวไม่เป็นก็ไม่ควรสะเออะมาทำ...ทำแล้วมันเดือดร้อนแต่ตัวเองนะไม่เป็นไร แต่ทำคนอื่นเข้าเดือดร้อนก็ควรจะกัดฟันกินข้าวที่รสชาติไม่ได้เรื่องต่อไป หล่อนตะคอกใส่...เก็บอารมณ์ไว้แทบไม่อยู่
หล่อนกดไม่ไหวจริงๆ...ห้องครัวเป็นห้องที่หล่อนต้องใช้งานและพยายามถนอมไว้ให้คงเดิม...ให้สะอาดเอี่ยม...เพราะมันเป็นห้องที่แม่ของหล่อนใช้เวลาอยู่มากที่สุด
คิดไว้แล้ว...คิดไว้แล้วว่าการยอมรับบอดี้การ์ดหรือคนของพ่อให้มาอารักขามันจะต้องทำให้การดำเนินชีวิตอันเรียบง่ายของตัวเองเปลี่ยนไป
ดูเอาเถอะไม่ทันไรบอดี้การ์ดของพ่อก็เกือบจะทำเผาบ้านหลังนี้แล้วจะไปไว้วางใจอะไรได้
รู้อย่างนี้หล่อนไม่ควรเลย...ไม่ควรที่จะรับผู้ชายนี้เข้ามา ไม่ควรเห็นดีเห็นงามเพียงเพราะแววตาอันมุ่งมั่นและถ้อยคำเพียงไม่กี่ประโยค
หากเลือกปฏิเสธเหมือนที่เคยปฏิเสธทุกอย่างจากพ่อ...ปฏิเสธอะไรก็ตามที่คนให้กำเนิดแต่ไม่เคยเหลียวแลมอบให้มันจะไม่มีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้น
ผมขอโทษครับ
คุณพูดได้แต่คำว่าขอโทษหรือยังไงกัน...แทนที่จะมานั่งพล่ามหันคิดถึงความสามารถของตัวเองซะมั้งสิว่าทำได้หรือไม่ได้
คือ...ผม เขาพยายามจะหาคำอธิบายกลับถูกอีกฝ่ายชี้นิ้วให้หยุดปากเอาไว้เท่านั้น
ไม่ต้องมาแก้ตัวน้ำขุ่นๆ...รีบเก็บของที่เกลื่อนพื้นแล้วก็ล้างกระทะอะไรให้เรียบร้อย เดี๋ยวถ้าฉันกลับมาในห้องครัวแล้วไม่เห็นพื้นสะอาด กระทะถูกล้างแล้วแขวน คุณโดนดีแน่ สั่งเสร็จก็หันควับหายจากห้องครัวไปปล่อยให้ทยุตยืนทำอะไรไม่ถูกหน้าอ่างล้างจาน
จากคุณ :
ม่านหมอก
- [
9 ต.ค. 48 21:54:27
]