เสียงโช้งเช้ง โครมครามที่ดังลอดมาจากด้านนอกของห้องนอนนั้นทำให้ฉันต้องงัวเงียตื่นขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้ ฉันค่อยๆ กระดืบๆ คืบ...และคลาน (หากเรียกว่าเลื้อย บางทีอาจจะดูเหมาะกว่า) จากกลางเตียง มือก็สอดส่ายควานหาจนไปปะทะกับนาฬิกาจนได้ ฉันโงหัวขึ้นมาเล็กน้อย และหยีตาเพ่งดูเวลา
หกโมง ฉันครางอย่างโหยหวนอยู่ในใจ โอย เพิ่งได้นอนไปชั่วโมงเดียวเอง ขอนอนอีกนิดเถอะนะ และประหนึ่งฟ้าจะตอบรับคำขอของฉัน เสียงรบกวนจากด้านนอกเงียบไปจนเกือบจะเรียกได้ว่าสงบอย่างน่าประหลาด ฉันถอนหายใจอย่างเป็นสุขก่อนจะวางนาฬิกาลงช้าๆ และเลื้อยลงมานอนบนหมอนนุ่มฟูใบเดิม ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกและผ่อนออกมาอย่างแผ่วเบา ดวงตาหรี่ลง...หรี่ลง
อืมม อากาศตอนเช้าๆ นี่น่านอนชะมัด ฉันหาวและค่อยๆ เคลิ้ม...
โครม...
อ๊ายยย ฉันลุกขึ้นมานั่งและยีหัวที่ยุ่งอยู่แล้วให้กระจุยหนักกว่าเก่า
ตูอยากจะบ้าต๊ายยยยยย นี่จะเอากันให้ตายเลยหรือไง จะไม่หยุดซักวันเลยใช่มั้ย โว้ย สองผัวเมียคู่นี้ ไม่ได้เห็นใจชาวบ้านชาวช่องเล้ย แล้วจะต้องเสียใจที่มาแหย่เสือหลับ ฉันคิดอย่างหงุดหงิดก่อนจะเลื่อนตัวไปนั่งบนขอบเตียงแบบกระแทกกระทั้น
น่าแปลกที่ภายนอกห้องเงียบไปอีกเหมือนจะรับรู้ว่าฉันตื่นแล้ว
ดี ค่อยยังชั่วหน่อย ฉันพยายามดึงเอาความง่วงงุนที่ยังเหลือๆ อยู่มากล่อมประสาทตัวเอง บางทีอาจจะได้นอน...
แกรกๆ แกรกๆๆ
อะไรอีกล่ะทีนี้
แกรกๆๆๆ แกรกๆๆๆ
เสียงเหมือนมีคนเอาอะไรมาข่วนประตูนะ ฉันคิดแล้วก็ได้แต่นึกสังเวชสัตว์เลี้ยงในบ้านที่มีอยู่สองตัวอย่างเศร้าใจ โธ่ลูกชิ้นเอ๊ย โธ่ไมโล โดนผลข้างเคียงจากศึกกลางบ้านอีกแล้วสิเนี่ย
ฉันเดินสะโหลสะเหลไปเปิดประตูให้ทั้งหมาและแมวน้อยๆ ผู้น่าสงสารได้เข้ามาหลบและอยู่สงบๆ ซักพัก แล้วในทันทีที่ฉันเปิดประตูนั่นเอง เจ้าลูกชิ้นก็รีบตะกุยตะกายโดยมีเล็บแหลมๆ ของมันเนี่ยแหละเป็นแกนนำปีนผ่านตัวเจ้าไมโลขึ้นมาเกาะอยู่บนบ่าฉัน แถมเมื่อเจ้าไมโลเห็นแบบนั้น พ่อคุณก็ตะกายอย่างหนักพลางครางงี้ดง้าดขอความเห็นใจจากฉันเพื่อให้มันได้มาอยู่บนไหล่อีกข้างของฉันเหมือนลูกชิ้น
ก็อยากให้อยู่หรอกนะ แต่ไมโลต้องเข้าใจนิดนึง ไมโลตัวน้องๆ ม้าแบบนี้จะขึ้นมาเกาะบ่าน้าเหมือนลูกชิ้นได้ไงล่ะลูก ฉันตบหัวมันเบาๆ อย่างปลอบใจ พอทั้งหมาและแมวเริ่มจะสงบกันไปได้แค่พักเดียว ขอย้ำว่าพักเดียว นักมวยมุมแดงกะมุมน้ำเงินก็ปรี่เข้ามา
ไมโล นักมวยมุมน้ำเงินหรือคุณพี่เขยออกคำสั่งเสียงห้วน ประสานกับเจ๊กุ้งที่เรียกเจ้าลูกชิ้น ลูกชิ้นนนน อยู่ไหนนน สองแมวและหมาผู้หาทางรักษาตัวรอดก็รีบตะกุยตะกาย กระโจนออกจากตัวฉัน
อ๋อ เปล่าหรอกค่ะ ถ้าคิดว่าจะรีบไปหาเจ้าของคู่นั้นล่ะก็ผิดถนัด เจ้าสองตัวนี้กระโจนไปซุกอยู่ในผ้านวมบนเตียงของฉันต่างหาก ฉันถอนหายใจพลางส่ายหน้าน้อยๆ
จริงๆ ก็นึกอยากจะวิ่งจู๊ดกลับเข้าไปหลบในโปงกับหมาและแมวนะคะ แต่ก็จนใจ มาอาศัยบ้านเขาอยู่ จะทำนิ่งดูดายได้ไง เราก็ต้องปั้นวัวปั้นควาย...เอ๊ะ ชักเลอะ แต่อย่าถือสาค่ะ อย่าถือสา คนมันได้นอนชั่วโมงเดียวเนี่ย แค่รักษาไม่ให้วิญญาณหลุดออกจากร่างก็ลำบากแล้ว ถ้าอยากให้พูดรู้เรื่องด้วย ต้องเอามาสองร้อยค่ะ
เอ๊ะ นอกเรื่องไปอีกแล้วแฮะ สรุปคือ ฉันยอมค่ะ ยอมมาทำหน้าที่เป็นกรรมการห้ามมวยแต่โดยดี
และเมื่อนักมวยเห็นหน้ากรรมการ ทั้งสองฝ่ายก็ปรี่เข้ามาหาและแย่งกันปล่อยหมัดใส่กรรมการที่ยังไม่ตื่นดีด้วยการฟ้อง ฟ้อง และฟ้อง
นึกอยากจะอุดหู ส่ายหน้า สะบัดแขน หรือลงไปทิ้งตัวกับพื้นอย่างขัดอกขัดใจ อ้อ ใช่ ต้องไม่ลืมร้องกรี๊ดๆๆ แล้วดิ้นปัดๆ ไปด้วย
ให้ตายเถอะ ตั้งแต่แต่งงานกันมา จะมีสักวันมั้ยที่อยู่กันแบบสงบๆ ก่อนไปทำงานน่ะ หา! แบบที่บ้านอื่นเขาทำกันน่ะ ทำเป็นมั้ย โอ๊ยยย ฉันล่ะอยากจะบ้าต๊ายยย
ทั้งสองฝ่ายยังคงหาเรื่องแขวะกันอย่างต่อเนื่อง หูฉันอื้ออึงจนจับใจความอะไรไม่ได้ถนัดอีกตามเคย และแล้วท้องก็เริ่มร้องประท้วง
โธ่ถัง กะละมัง ชีวิตน้อยๆ ของข้อย ข้าวก็ยังไม่ได้กิน นอนก็น้อย
เสียงล้งเล้งยังดังอยู่เนืองๆ มีการพักหอบกันบ้างเล็กน้อย แต่ก็สมกันดีนะ พอฝ่ายหนึ่งพัก อีกฝ่ายก็จะเริ่มตีรวน แล้วจากเรื่องหนึ่งก็ลามไปสู่อีกเรื่อง ฉันเป็นอย่างนั้น เธอเป็นอย่างโน้น เรื่องนู้นเรื่องนี้เอามาบ่นมาค่อนแคะกระแนะกระแหนไม่ยอมจบเสียที กรรมการก็ยกมือขึ้นเป็นปางห้ามญาติไปอย่างเปล่าประโยชน์ เพราะนอกจากจะไม่ได้ผลแล้ว น้ำลายยังกระเซ็นมาโดนจนเปียกอีกด้วย เฮ่อ...
เมื่อเห็นว่าชักจะบานปลายไปกันใหญ่ ฉันจึงถอนหายใจเฮ่อฮ่าอย่างหนัก แล้วบุ้ยใบ้ไปทางนาฬิกาเงียบๆ ตัวเลขบนหน้าปัดบอกความจริงให้นักมวยทั้งคู่รู้ตัว
ระฆังหมดยก เจ็ดโมงแล้วค่ะ เธอทั้งคู่ยืนเถียงกันให้ฉันฟังมาร่วมชั่วโมงโดยไม่รู้ตัวกันเลย ทั้งสองฝ่ายหันไปมองนาฬิกาพร้อมกันโดยไม่ได้นัด หันมามองหน้ากันหนึ่งรอบก่อนจะสะบัดหน้ากันไปคนละทางและแข่งกันเดินไปหยิบกุญแจรถ จากนั้นก็แข่งกันเดินไปเปิดประตูบ้าน (ไม่วิ่งซะเลยล่ะคะคุณๆ นี่ก็คล้ายๆ แข่งเดินเร็วแล้วนี่) ซึ่งวันนี้พี่สาวฉันชนะค่ะ และตามกฎที่ฉันตั้งไว้จากการต่อสู้คราวที่แล้ว ฉันกำหนดว่า ใครที่ไปถึงประตูก่อนจะได้ขับรถออกจากบ้านก่อน และคนที่ไปทีหลังต้องเป็นคนปิดประตูรั้วให้เรียบร้อย
ฉันเดินไปพิงกรอบประตูเพื่อดูความเรียบร้อยอีกครั้ง ไม่ดูไม่ได้หรอกค่ะ เดี๋ยวสองคนมัวแต่ค้อนกันก็ไม่ต้องไปทำงานพอดี และจริงดังคาด พี่เขยจัดการจอดรถขวางรถเจ๊เอาไว้ ทำให้พี่เขยได้เคลื่อนรถออกจากบ้านก่อน พอเจ๊ออกจากบ้านได้มั่งก็หันหน้ามาเยาะเย้ยเมื่อพี่เขยต้องย้อนกลับมาปิดรั้ว
สำหรับอายุของพี่สาวฉันและพี่เขยหรือคะ สามขวบ เอ๊ย จะสามสิบแล้วค่ะ
แหม๊...พี่เขยก่อนแต่งงานก็ดูสุขุ๊ม สุขุมนะคะ เงียบๆ เอาการเอางาน ความรับผิดชอบสูง ขนาดแม่ฉันเห็นยังประทับใจ พ่อก็ดูจะเข้าขากับพี่ได้ดี (เพราะบ้าต้นไม้เหมือนกัน)
คร้ายยย ใครมันจะไปนึกว่าแกขี้งอน ขี้น้อยใจ ขี้หึง ขี้อิจฉา ขี้สารพัดจะขี้...(หยาบคายไปมั้ยคะ แต่ก็น่าเต๊ะ น่าเตะอย่างเอ็นดูนะคะ พี่เขยฉันเนี่ย คนอะไรอิจฉากระทั่งแมวของเมีย)
ปู้โธ้ แล้วเวรกรรมจริงจริ๊ง ที่ยัยพี่สาวฉันก็คล้ายๆ กัน แต่รายนี้จะงอนเงียบๆ ไม่งอนโฉ่งฉ่างเหมือนพี่เขย เวลาพี่เขยงอน ราวกับแกต้องการประกาศให้คนรู้ว่าแกงอน แกจะเอะอะมาก ปึงปัง แล้วก็ค้อน...เอ๊ะ ผู้ชายเขาค้อนกันหรือเปล่าคะ อ่า...เอาเป็นว่าแกทำท่าคล้ายๆ อย่างนั้นก็แล้วกัน
อืมม คิดไปคิดมาเหมือนสวรรค์ส่งมาให้มาแต่งงานกันเลยแฮะ นิสัยแบบนี้ทั้งคู่
แหม แต่เดี๋ยวจะหาว่าเขาไม่แหววกันเลย ตอนแต่งงานใหม่ๆ ก็แหววค่ะ หวานซะจนน้องเนิ้งเลี่ยนกันไปหมด ตอนนั้นออกแนวโดนมดกัด (น้ำตาลเยอะเกิน) แต่ตอนนี้โดนคนกัดค่ะ
เมื่อรถสองคันลับสายตาไปได้ครู่หนึ่ง ฉันก็เดินกลับห้องนอนไปเพียงเพื่อจะพบว่าแมวและหมาที่หย่าศึกกันได้ซักพักเกิดอาการมองหน้ากันอย่างไม่ไว้วางใจเล็กๆ
ฉันถอนหายใจออกมาอีกรอบ เสร็จศึกคน ต้องมาผจญศึกหมา อนิจจาชีวิต...
ฉันชะโงกหน้าไปดูพื้นที่ระหว่างเจ้าตัวดีทั้งสองตัวที่ยึดมุมเตียงคนละด้านเป็นฐานที่มั่น แล้วก็เห็นตัวการ
อ้อ ตุ๊กตาผ้านิ่มๆ หนึ่งตัวนั่นเอง ให้ตายเถอะ นี่มันตุ๊กติ๊กของฉันนะ หล่อนสองตัวจะมาแย่งกันหาสวรรค์วิมานอะไร ไม่ให้ว้อยยยย ยังไงก็ไม่ให้...
ผ่านไปสามสิบนาที ฉันมายืนไว้อาลัยอย่างสงบให้กับน้องตุ๊กติ๊กที่ไอ้ไมโลเอาไปกัดซะวิ่นและยังขบๆ อยู่อย่างเมามันในอารมณ์ (ไอ้หมาโรคจิต) ในขณะที่ฉันก็ต้องไปหาของเล่นแมวมาเขี่ยๆ เอาใจลูกชิ้นที่มันพลาดตุ๊กตาตัวนั้นไป
พอเล่นได้ซักพัก ไอ้สองจุ้นนี่ก็เปลี่ยนเป้าหมาย เลิกล่งเลิกเล่นแล้ว ของเล่น ไรไม่รู้ จอกว่ะ หันมาจะเล่นฉันแทน
อุ๊ยตาย หมาดีนะคะ หมาใครไม่รู้ กรอดดดด หิวข้าวแล้วมางับกางเกงคนให้ข้าว เดี๊ยะๆ
แหม แมวนี่ก็อีกตัว นิสัยเหมือนเจ้าของเชี๊ยะ พอไม่ได้ดังใจแล้วหงุดหงิด เอาเล็บคมๆ ไปข่วนโต๊ะเล่นแก้เซ็งซะงั้น แนะ ทำท่าจะกระโจนขึ้นไปทำลายข้าวของบนโต๊ะด้วย นั่นงานฉันทั้งนั้นนะยะ
ไอ้แมวนิสัยเสียเจ้าของไม่ยอมสั่งสอน... (เอ๊ะ กระทบฉันด้วยรึเปล่าเนี่ย แต่เราไม่ใช่เจ้าของโดยตรง ถือว่าอภัยให้ได้ๆ)
ฉันจัดการเดินลากขาไปที่โต๊ะ (นังไมโลมันยังกัดขากางเกงอยู่ค่ะ เลยต้องลากนังน้องม้านี่ไปด้วย) หิ้วคอเจ้าตัวแสบขึ้นมาแล้วเดินออกจากห้องทันที
หลังจากหันไปล็อกประตูห้องนอนแล้ว ก็เห็นเจ้าสองตัววิ่งเริ่ดไปรอที่ครัวก่อนอื่นใด
ทียังงี้ล่ะฉลาด แหมเรื่องปากท้องนี่นะ ฉลาดเสมอ
ฉันเดินตามไปสมทบที่ห้องครัวแล้วลูบท้องตัวเองเบาๆ โอย อย่าว่าแต่แมวกะหมาหิว คนก็หิวค่ะ หรือเราจะทำกินเองก่อนดี...พอหยุดคิดปุ๊บ หันไปมองสองศรีพี่น้องต่างพันธุ์ที่ผนึกกำลังกันอีกแล้ว
แง้ววว ง้าววว / งี้ดๆๆ แง่มๆ โฮ่งๆ (เชิญแปลเสียงร้องนี้ได้ตามอัธยาศัยค่ะ) ส่วนฉัน เมื่อได้ยินก็ได้แต่ยกธงขาวยอมแพ้อย่างอ่อนใจ
เออๆ ทำข้าวให้กินก่อนก็ได้วะ แล้วค่อยทำให้ตัวเองกิน
อะไรนะคะ ไหนใครสปอยล์ ไม่มี๊ เอาจง เอาใจอะไร หมาแมวอะไรก็ไม่ใช่ของตัว แต่มันหิวนี่คะ ยังไงก็...ต้องทามห้ายกินก่อนนน ฮ้าววว แจ๊บๆๆ ง่วงชิบ เฮ่อ...
พอท้องแมวและหมาอิ่ม ท่านทั้งสองต่างก็เมินกันไปคนละทาง จัดการหามุมสงบของแต่ละตัว และหย่อนใจด้วยการหลับ
เฮ่อ....ค่อยยังชั่ว และเมื่อเบาสบายหูแล้ว เราก็ต้องมาเบาสบายท้องกันต่อ ฉันเดินไปที่ตู้เย็นเพื่อควานหาของที่จะมาใช้ทำกับข้าว กับปลา...แอ๊ะ
จากคุณ :
surudee
- [
12 ต.ค. 48 17:22:06
]