ศักราชที่412* เดือนตุลาคม วันที่ 16
ณ พรมแดนด้านทิศตะวันตกของจักรวรรดิโฮลี่เอ็มไพร์ มันเป็นช่วงสายที่อึมครึมยิ่งนัก มิใช่ด้วยเมฆมัวบนท้องฟ้าเพียงอย่างเดียว หากแต่เกิดจากสิ่งที่อยู่ในใจของคนกว่าร้อยคน ต่างคนต่างก็คิดกันไปต่างๆนานาทั้งเหนื่อยหน่ายจากการรอคอย และหวาดกังวลต่อสิ่งที่จะเกิด เช่นเดียวกับทุกคน โจเอล เอนฮาร์ท ชายหนุ่มวัยเพียงสิบเจ็ดปีผู้ซึ่งรับหน้าที่บังคับบัญชาคนกว่าร้อย แม้ว่าดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของเขาจะดูสงบนิ่ง แต่แท้ที่จริงแล้วในใจของเขากลับครุ่นคิดอยู่อย่างกระวนกระวาย
ในจำนวนคนกว่าร้อยคนนั้น สามสิบคนในนั้นอยู่ใต้บังคับบัญชาของดไวเซนอัศวินหนุ่มที่ผู้แทนพระองค์ให้มาช่วยในการศึกครั้งนี้ หรือไม่ก็อาจจะให้มาคอยควบคุมไม่ให้ทหารบ้านนอกเหล่านี้หนีทัพก็เป็นได้ เพราะทัพของดไวเซนนั้นตั้งอยู่ทางด้านหลังถือทวนยาวคุมเชิงอยู่
เยื้องไปทางด้านซ้ายคือทัพของดารูเกนซ์ที่คุมกำลังพลอีกสามสิบ ซึ่งมาเพราะคำสั่งของผู้แทนพระองค์เช่นเดียวกับดไวเซน ดารูเกนซ์มีตำแหน่งเป็นอัศวินมังกร อันถือได้ว่าเป็นของแปลกหายากกว่าอัศวินทั่วไป มีเพียงพวกทางเหนือเท่านั้นที่จะฝึกจะเป็นได้ แต่ก็มิได้ถือว่ามีบรรดาศักดิ์เหนือกว่าชั้นอัศวิน ถึงแม้จะเรียกว่าอัศวินมังกร แต่มังกรที่เป็นพาหนะของดไวเซนนั้นไม่มีปีก และไม่สามารถพ่นไฟได้เหมือนที่เคยฟังๆจากในนิทาน บางคนจึงเรียกมันว่า กิ้งก่าตัวใหญ่ พวกทหารบ้านนอกต่างชำเลืองมองมันอยู่เป็นระยะแล้วก็พากันซุบซิบ
ในระหว่างที่กองทัพเหล่านี้กำลังรอคอยบางสิ่งอยู่นั้น เราจะขอย้อนไปยังช่วงเวลาก่อนหน้านี้เพื่อจะทราบสาเหตุที่ผู้คนเหล่านี้ได้มาชุมนุมทัพกัน
_________________________________________
เย็นวันก่อน ณ ฟอร์ทอังเคิลที่พำนักของโจเอล หมู่บ้านในชนบทที่อยู่ห่างไกลนี้เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรอารีอัสอาณาจักรแห่งแกะ เหมือนชื่อของมัน อาณาจักรแห่งนี้เลี้ยงแกะกันอย่างกว้างขวาง รวมกับพวกที่เร่ร่อนทั่วไปแล้วก็อาจจะมากกว่าผู้คนก็เป็นได้ ชาวบ้านหลายคนกำลังเดินทางกลับบ้านหลังจากการฝึกซ้อมอาวุธประจำสัปดาห์ ฟอร์ทอังเคิลเป็นดินแดนที่อยู่ห่างไกลและค่อนข้างยากจน นายบ้านอย่างโจเอลไม่มีเงินจะจ้างทหารประจำมากพอ จึงมีความจำเป็นต้องให้ชาวบ้านได้ฝึกใช้อาวุธสัปดาห์ละหนึ่งวัน เพื่อจะสามารถป้องกันตนเองได้ ขณะที่หลายคนกำลังเดินทางกลับก็มีทหารกลุ่มหนึ่งสวนทางจนชาวบ้านต้องวิ่งวุ่นหลบเข้าข้างทาง
เฮ้ย...มาจากไหนกันวะเนี่ย? ชาวบ้านคนหนึ่งถามขึ้น เมื่อเห็นกองทหารเคลื่อนผ่านไปแล้ว
ไม่รู้เหมือนกันว่ะ ร้อยวันพันปีไม่ยักเห็นจ้าวใหญ่นายโตที่ไหนผ่านมาแถวนี้สักคน ชาวบ้านอีกคนตอบ ต่างคนต่างมองขบวนทหารที่เคลื่อนผ่านไปอย่างฉงนสนเท่ห์
เฮ้อ...หวังว่าคงเป็นเรื่องดีนะ ชาวบ้านคนแรกตัดบทโดยที่ไม่รู้เลย ว่าวันพรุ่งนี้พวกตนจะต้องเจอกับเรื่องราวใดๆบ้าง
บริเวณประตูด้านหน้าของฟอร์ทอังเคิล กองทหารกลุ่มนี้ได้หยุดอยู่เพียงแค่นั้นเพื่อรอให้ทหารรับใช้เข้าไปบอกแก่ผู้ดูแลป้อม ไม่นานนักนายบ้านพร้อมกับทหารจำนวนหนึ่งจึงได้ออกมาต้อนรับ แสดงว่าผู้ที่มาเยือนนั้นต้องมีตำแหน่งสูงกว่า เขาจึงต้องออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง
ข้าพเจ้าโจเอล เอนฮาร์ท นายบ้านผู้ดูแลฟอร์ทอังเคิล ขอต้อนรับผู้แทนองค์จักรพรรดิ์ นายบ้านผู้นั้นกล่าวเชื้อเชิญผู้มาเยือน เขาเป็นชายหนุ่มที่มีรูปร่างสมส่วน จมูกโด่งใบหน้าดูคมสันทว่ายังคงความอ่อนเยาว์ของหนุ่มรุ่น ดูท่วงทีแล้วดูเหมือนผู้มีสกุลรุนชาติอยู่มิใช้น้อย ผิดแต่ผิวพรรณนั้นออกจะเข้มอยู่สักหน่อยตามประสาผู้ที่ได้ออกกำลังอยู่เป็นนิจแต่ไม่สู้คล้ำนัก จากนั้นชายผู้หนึ่งจึงก้าวลงมาจากรถม้า
ไม่ต้องมากพิธีรีตองนัก เรามิได้มาอย่างเป็นทางการ เราคือเฟเดอริกซ์ เสตอร์นผู้แทนพระองค์แห่งจักรพรรดิเฟอร์ดินัน จักรพรรดิ์องค์ที่9แห่งจักรวรรดิโฮลี่เอ็มไพร์ และเป็นกษัตริย์องค์ที่14แห่งอาณาจักรดราโกเนียซึ่ง เจ้าคงได้ทราบจากจดหมายแนะนำ ที่ทหารรับใช้ของเราได้แจงแก่เจ้าแล้ว... ชายผู้นั้นหยุดกล่าวก่อนจะเดินเข้ามาใกล้โจเอล แล้วจึงพูดด้วยเสียงอันเบา
เราได้นำราชโองการ อันเป็นความลับจากองค์จักรพรรดิมามอบแก่เจ้า เราคงต้องหาที่ที่จะได้คุยกันอย่างเป็นการส่วนตัว...
เช่นนั้น ข้าพเจ้าขอเชิญท่านยังส่วนบนสุดของป้อม เพื่อจะได้ชมภูมิประเทศโดยรอบ ข้าพเจ้าจะขอนำท่านไปเอง ส่วนโมเกอร์ผู้ช่วยของข้าพเจ้าจะเป็นผู้จัดการที่พักให้กับผู้ติดตามของท่านเอง โจเอลผายมือไปยังโมเกอร์ผู้ช่วยของเขาเพื่อเป็นการแนะนำ แต่สีหน้าของเฟเดอริกซ์กลับฉายแววรังเกียจออกมาเล็กน้อย นั่นเพราะชายที่ชื่อโมเกอร์นั้น มีร่างกายเตี้ยล่ำ ขาโก่ง หลังงองุ้ม ใบหูใหญ่และผิวสีน้ำเงิน ลักษณะดังกล่าวเพียงพอที่จะทำให้ผู้พบเห็นได้ทราบว่าเป็นชาวการ์กอน คนที่ป้อมแห่งนี้คุ้นชินแล้วกับการที่เห็นโมเกอร์ไปไหนมาไหน แต่ในที่อื่นของจักรวรรดิก็ยังถือว่าเป็นเรื่องแปลกอยู่ดี โดยเฉพาะการที่ไว้ใจให้ชาวการ์กอนทำหน้าที่สำคัญๆ ตัวโมเกอร์เองก็พอจะคะเนปฏิกริยาของผู้ที่พบเห็นเขาเป็นครั้งแรกได้ดี จึงมิได้สะทกสะท้านใดๆ
ในระหว่างที่นำทางไปยังหอคอยนั้น โจเอลได้สังเกตบุคลิกลักษณะของเฟเดอริกซ์อย่างคร่าวๆ โดยมิให้ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกว่าเสียมารยาท ชายผู้นี้มีลักษณะค่อนข้างสูงใหญ่ดูองอาจผึ่งผาย ใบหน้านั้นดูเรียบเฉย แต่หว่างคิ้วเข้มมีรอยยับย่นจากการขมวดคิ้วอยู่เป็นนิจ ผมสีเงินบ่งบอกว่าเจ้าของนั้นได้ผ่านวัยกลางคนมาพอสมควรแล้ว จมูกโด่งงุ้มเล็กน้อย ขณะที่ริมฝีปากนั้นเหยียดตรง ราวกับว่าไม่เคยมีรอยยิ้มประทับลงบนใบหน้ามานานมากแล้ว
นอกจากนี้ยังมีชายอีกสองคนที่ติดตามเฟเดอริกซ์ขึ้นมาได้แก่ ดไวเซนอัศวินหนุ่มผู้มีท่าทีองอาจ นัยน์ตาแข็งกร้าวของเขาแฝงความเด็ดเดี่ยวและภูมิใจในเกียรติของตนอย่างเต็มที่ อีกคนหนึ่งคือดารูเกนซ์ อัศวินมังกรในวัยไล่เลี่ยกับดไวเซน ถึงจะมีร่างกายที่ผึ่งผายเช่นกัน แต่กลับไม่มีท่าทีผยองออกมาจากชายผู้นี้ อาจเป็นเพราะตราประจำตัวของเขาที่มีลายพาดขวาง ซึ่งแสดงว่าเป็นทายาทนอกสมรสก็เป็นได้
บนหอคอยโจเอลได้สั่งให้ทหารยามลงไปข้างล่าง แล้วสั่งไม่ให้ใครขึ้นมาตามเมื่อเสร็จธุระแล้วจะลงไปเอง เฟเดอริกซ์มองไปยังภูมิประเทศรอบๆ ก่อนจะเป็นฝ่ายเริ่มสนทนาขึ้น
หลายวันมานี่... ท่านเห็นผู้ใดแปลกหน้าผ่านมาบ้างหรือไม่?
โจเอลนิ่งนึกถึงสหายคนหนึ่งของตน แต่คิดว่าคงไม่ใช่คนที่เฟเดอริกซ์ถามถึงจึงตอบกลับไป
เท่าที่ข้าพเจ้าทราบ ในหลายวันมานี้ หาได้มีคนแปลกหน้าผ่านไปผ่านมาแถวนี้ดังที่ท่านกล่าวถึงไม่
เช่นนั้นรึ ?... เฟเดอริกซ์เงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะพูดต่อ แต่เราได้รับรายงานที่น่าเชื่อถือ ว่ามีขโมยผู้หนึ่งผ่านมาทางนี้ เพื่อมุ่งหน้าไปสู่...
สู่ ? โจเอลย้ำคำ เมื่อเห็นว่าเฟเดอริกซ์เงียบไป
สู่แดนการ์กอร์น เฟเดอริกซ์พูดด้วยเสียงอันเบา เมื่อได้เอ่ยถึงชื่ออันเป็นอัปมงคล
--------------------------------------------------------------------------------------
*เริ่มนับศักราชตั้งแต่ปีที่จักรพรรดิ์องค์แรกสถาปนาจักรวรรดิ์
แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 48 15:37:44
แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 48 00:09:50
จากคุณ :
masked v
- [
15 ต.ค. 48 14:03:37
]