ความคิดเห็นที่ 1
- วันที่ 1 -
สำราญล้วงเหรียญบาทออกจากกระเป๋ากางเกง ใช้นิ้วนับจนครบเจ็ดเหรียญแล้วยื่นให้กระเป๋ารถเมล์ที่ยืนส่ายไปมาตรงหน้า การขึ้นรถเมล์ของชาวกรุงเทพฯเป็นศิลปะชั้นสูงอย่างหนึ่ง ผู้โดยสารจะต้องเริ่มจากการยืนรอรถเมล์ที่ป้ายโทรมๆใกล้บ้านและคอยลุ้นว่ารถที่กำลังวิ่งมาแต่ไกลนั้นเป็นรถสายที่ตัวเองจะไปด้วยหรือไม่ และหากว่าใช่ก็จะต้องลุ้นอีกว่ารถคันนั้นจะจอดเลยป้ายให้วิ่งตามไปไกลแค่ไหน ต้องกระโดดขึ้นรถให้ทันก่อนที่คนขับจะเหยียบคันเร่งกระชากตัวออกเหมือนกับกำลังแสดงฉากเสี่ยงตายอยู่ ต้องใช้เทคนิคการทรงตัวเฉพาะบุคคลด้วยการขยับวางเท้าซ้ายขวาหน้าหลังให้พอดีเมื่อรถเบรกหรือปาดหน้ารถคันอื่นเข้าป้าย และยังเป็นเรื่องน่าแปลกที่กระเป๋ารถเมล์ชอบเดินมาเก็บเงินในจังหวะที่เราแทบจะจับราวไม่อยู่แล้วเสมอ ยังไม่นับเคล็ดวิชาตัวเบาในการสอดแทรกตัวเข้าไปในฝูงชนแออัดที่ร่วมชะตากรรมห้อยโหนด้วยกัน จากนั้นก็ลงจากรถให้ทันก่อนที่ล้อหลังจะหมุนตามมาทับให้ได้ การจะได้ไปทำงานทันหรือไม่ขึ้นอยู่กับขั้นตอนทั้งหมดนี้ แต่หลายคนก็ลงความเห็นว่านี่อาจจะเป็นหนึ่งในกิจกรรมไม่กี่อย่างที่พอจะเติมสีสันความตื่นเต้นให้กับชีวิตที่ซ้ำซากเหมือนหุ่นยนต์ในแต่ละวันได้บ้าง
สำราญเป็นอีกคนที่รู้สึกว่าตัวเองมีสภาพไม่แตกต่างจากหุ่นยนต์ รถเมล์เป็นเหมือนบ้านอีกหลังของเขา เวลาแต่ละวันของชายหนุ่มหมดไปกับการยืนโหนรถเมล์หลายชั่วโมง เส้นทางไปทำงานของเขาตรงเป็นทางเดียวจากปากทางลาดพร้าวไปยังบางกะปิทุกวันไม่เคยเปลี่ยนมายี่สิบปีแล้ว เช่นเดียวกับชีวิตของเขาที่ไม่เคยมีความซับซ้อนเลยตั้งแต่เริ่มได้งานทำ ตื่นนอนหกโมง ชงกาแฟหน้าทีวี อาบน้ำแต่งตัวสิบห้านาที (แน่นอน....เสื้อเชิ้ตขาว กางเกงดำ เนคไทสีแดงทุกวัน) โหนรถเมล์ไปทำงาน ทำงานกรอกข้อมูลคอมพิวเตอร์แปดโมงเช้าถึงห้าโมงเย็น (แน่นอน....อาหารเที่ยงคือข้าวราดกระเพราไก่ไข่ดาว) โหนรถเมล์กลับบ้าน ซื้อกับข้าวถุงไปนั่งกินหน้าทีวี อาบน้ำและเข้านอนห้าทุ่ม รอคอยวันหยุดเพื่อจะได้นั่งดูทีวีสบายๆตลอดทั้งวัน และยักไหล่เบื่อหน่ายเล็กน้อยเมื่อวันจันทร์มาถึงก่อนจะกลับไปทำงานเหมือนเดิม ชายหนุ่มทำทุกอย่างนี้ 365 วันสำหรับปีธรรมดา และ 366 วันสำหรับปีอธิกสุรทิน
พ่อของสำราญตั้งชื่อนี้ให้เขาเพราะพ่อเป็นคนสนุกสนาน และอยากให้ลูกชายโทนมีความสุขสำราญใจในชีวิตเหมือนตัวเอง น่าเสียดายที่สำราญไม่ได้รับมรดกนี้มาด้วย ตั้งแต่เด็กเขาใส่แว่นหนาเตอะ สวมเสื้อโปโลติดกระดุมบนกับกางเกงผู้ใหญ่ตัดขา หอบหนังสือเดินก้มหน้าไม่พูดจากับใคร ทำอะไรและไปไหนมาไหนคนเดียวเสมอ ชีวิตของเขาไม่มีเค้าว่าจะสำราญสมกับชื่อเลยสักนิด
วันหนึ่งสำราญได้ยินเด็กนักเรียนสองคนที่ยืนปัสสาวะโถติดกันในห้องน้ำสาธารณะคุยกันว่าวันก่อนขึ้นรถเมล์แล้วได้ตั๋วเลขที่ตรงกันสามหลัก เด็กนักเรียนคนนั้นควักตั๋วรถเมล์ที่ว่าให้เพื่อนดูอย่างภูมิใจทั้งที่ยังปัสสาวะไม่เสร็จ ส่วนเพื่อนพอเห็นเลขตั๋วใบนั้นก็ทำตาโตดีใจไปด้วย สำราญเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วครุ่นคิด ตั๋วรถเมล์ที่เป็นเพียงกระดาษแผ่นเล็กมีค่าและนำความสุขมาให้เด็กนักเรียนคนนั้นได้มากขนาดนี้เชียวหรือ หรือว่าเขาเองต่างหากที่มองข้ามมันไป
ตั้งแต่นั้นมาชายหนุ่มสังเกตหมายเลขตั๋วรถเมล์ทุกครั้งที่ใช้บริการ หวังว่าสักวันหนึ่งจะได้ตั๋วรถเมล์ที่มีเลขตรงกันหลายหลักบ้าง เผื่อว่าชีวิตของเขาจะมีความสุขมากกว่านี้
จากคุณ :
ธามาดา
- [
15 ต.ค. 48 20:24:22
]
|
|
|