CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ความนัยของไส้ติ่ง (เรื่องสั้นทดลองเขียน แนวรักโรแมนติก...มั้ง)

    หญิงสาวมองข้อความบนผนังสีขาว ผนังซึ่งไร้แผ่น กระเบื้องสีสวยประดับ เห็นเพียงเนื้อปูนตะปุ่มตะป่ำราวคางคก ที่ถูกฉาบอย่างผิวเผินด้วยสีทาบ้านสีขาว ถึงแม้ว่าจะมีเนื้อสีมาปิดทับ ก็ยังคงเห็นรอยสีร่อนออกมาจนเห็นเนื้อแท้สีเทาหม่น

    หญิงสาวขมวดคิ้ว พยายามตีความหมายของถ้อยคำปริศนาคำหนึ่งที่อยู่บนผนัง มันถูกสร้างมาจากปากกาเคมีสีดำหัวใหญ่ เมื่อประมาณสองอาทิตย์ก่อน ถ้อยคำนั้นสะดุดตาเธอมาก

    “ไส้ติ่ง”

    มันเป็นเพียงคำสั้นๆ แต่แฝงความหมายลึกลับบางประการ

    เธอเห็นคำนี้ทุกครั้งที่เข้ามาทำภารกิจส่วนตัว เธอไม่รู้ว่าคนที่เขียนคำนี้มีจุดประสงค์อะไร แต่เธอก็พอรู้ตัวการของคนที่สร้างคำนี้ มันไม่สำคัญหรอกว่าใครจะเป็นคนเขียน

    สิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือ คนที่เขียนคำนี้มีเหตุผลอะไร ทำไมต้องเป็นคำนี้

    เธอส่ายหน้าขจัดความงุนงงทิ้ง ในขณะที่มือทั้งสองขยับกางเกงให้เข้าที่ ก่อนจะปลดกลอน แล้วก้าวขาออกไป

    -----------------------------------------------------------

    มันเป็นวันที่โชคร้ายที่สุดในโลก สำหรับผู้ชายที่ดูไร้ค่าในสายตาของหญิงสาวคนหนึ่ง หญิงสาวที่ดูสูงส่งเหมือนดวงดาวที่ผมไม่มีวันเอื้อมไปถึง ผมกับเธอเข้ากันไม่ได้ สุดท้ายเราต้องแยกทางกัน ที่ซ้ำร้ายไปกว่านั้น ผมถูกเธอบอกเลิกในวันเกิดของเธอเอง!

    ความสัมพันธ์ของเราเริ่มสั่นคลอน เมื่อเธอได้เจอชายหนุ่มที่เหมาะสมกว่า ดูดีกว่า เรียนเก่งกว่าผมหลายเท่านัก ผู้ชายคนนี้กำลังจะมีตำแหน่งนำหน้าชื่อว่านายแพทย์ในไม่ช้า แฟนของผม ไม่สิ อดีตแฟนของผม ว่าที่นางพยาบาลไปหลงรักหมอนั่นอย่างหัวปักหัวปำ หมอกับพยาบาลเป็นคู่ที่เหมาะสมกันตั้งแต่โบราณกาลแล้ว

    ไม่มีทางหรอกที่นางฟ้าชุดขาวจะบินลงมาปลอบใจชายไร้อนาคตอย่างผม ที่ภายในช่องท้องมันแห้งเหี่ยวแฟบพอกันกับกระเป๋าสตางค์ที่แบนลีบ ผมมันคนไส้แห้ง เป็นศิลปินแต่งตัวบ้าๆ บอๆ ที่เมื่อก่อนเธอเห็นเป็นเพียงแค่ของแปลกเท่านั้น เธอแค่เคยหลงใหลในรูปกายภายนอกของผมเฉยๆ ไม่ได้หลงรักภายในจิตใจเลย

    ไอ้ไส้ติ่งอย่างผมมันจะมีค่าอะไร ใช่! ผมมันคนไร้ค่า เธอคงไม่สนใจคนอย่างผมอยู่แล้ว

    โว้ย!!! จะระบายกับใครดีเว้ย!

    ผมร้องตะโกนในใจ แล้วในขณะนั้นเอง สวรรค์ก็ชี้ทางสว่างให้กับผม

    ใช่สิ ! ผมเรียนศิลปะ ผมเป็นศิลปิน ผมน่าจะเอาอารมณ์ของผมในตอนนี้สร้างสรรค์ผลงานชนิดที่ทุกคนเห็นแล้วจะต้องทึ่ง ผมเป็นคนมีความสามารถ ไม่ใช่ไอ้ไส้ติ่ง คนไม่มีค่าอย่างที่คุณคิด

    ผมหยิบปากกาเคมีหัวใหญ่ที่อยู่ในกระเป๋าสะพายสีดำ แล้วก็เริ่ม...วาด

    ที่ประตูห้องน้ำชายทุกแห่งในมหาลัยจะต้องมีรูปวาดของผมอยู่ ผมกำลังแสดงให้เธอดูเป็นขวัญตาว่า ไอ้ไส้ติ่งคนนี้มันก็มีดีเหมือนกัน

    เมื่อผลงานการสร้างสรรค์ของผมเริ่มปรากฏในห้องน้ำสาธารณะ ไม่นานนักก็มีคนสืบทอดเจคนารมณ์ของผมต่อด้วยข้อความที่เขียนข้างล่างรูปวาดอันเปี่ยมอารมณ์ศิลป์ของผมว่า

    “ไอ้บ้า”

    เป็นคอนเซ็ปต์ใหม่ที่ฟังดูดีเอาการ ผมถือว่านั่นเป็นคำชม บางทีก็มีคำวิจารณ์ รวมทั้งคำแนะนำมาบ้างเหมือนกัน

    “อยากวาดก็ไปวาดที่บ้านของแกเซ่!”

    นั่นก็เป็นความคิดที่ฟังดูเข้าที ที่นั่นผมรู้สึกว่าผมมีความเป็นส่วนตัวมากกว่า ที่บ้านของผม ห้องน้ำของผม โลกของผม ผมไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย

    แล้วสุดท้าย ผมก็กลับมาในโลกส่วนตัวของผมตามคำแนะนำนั้น ตอนนี้ผมกำลังนึกภาพที่ผมอยากจะวาด แต่ผมนึกไม่ออกแล้ว ไอเดียที่มีอยู่ในหัวถูกใช้จนหมดเกลี้ยง  มีแต่สิ่งเดียวที่ฝังแน่นอยู่ในหัวของผม มันคือคำว่า

    “ไส้ติ่ง”

    ผมเขียนคำนี้ออกมา แล้วก็รู้สึกได้ถึงความโล่งโปร่งสบาย ความในใจของผมได้ถูกระบายออกไปแล้ว ในห้องน้ำของนายไส้ติ่ง มนุษย์ไส้แห้งอย่างผม

    “ไอ้ยุทธ แกหลับอยู่รึไง พี่จะเข้าห้องน้ำ ปวดแล้ว!”

    พี่สาวของผมที่ชื่อแตนมายืนตะโกนโหวกเหวกอยู่หน้าห้องส่วนตัวของผม เธอคงปวดมากจริงๆ ผมรีบเก็บปากกาใส่กระเป๋า จัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อนที่จะมอบโลกส่วนตัวของผมให้พี่สาวต่อไป...

    -----------------------------------------------------------

    “แจ็ค คุณดูหน้าซีดมากเลย ไหวรึเปล่า” วรวรรณแฟนสาวของพงษ์ศักดิ์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานแสดงถึงความห่วงใย แววตาอันอ่อนโยนของเธอจับจ้องไปยังใบหน้าของเขาอย่างกังวล พงษ์ศักดิ์ถอนหายใจดังเฮือก พลางเอาแขนเสื้อเชิ้ตสีขาวซับเหงื่อที่เกาะพราวใบหน้า แล้วฝืนยิ้มออกมา

    “ผมไม่เป็นไรหรอกครับ  แค่ปวดท้องนิดหน่อย”

    “นิดหน่อยของคุณถึงกับเข้าห้องน้ำห้ารอบเชียว!”

    “ก็...”

    พงษ์ศักดิ์หยุดประโยคไว้แค่นั้น เพราะเกรงว่าถ้าพูดความจริงออกมา แฟนสาวของเขาคงต้องเสียใจแน่ สำหรับอาหารมื้อกลางวันที่เธออุตส่าห์เลี้ยงเขาเนื่องในวันครบรอยวันเกิดของเขาในวันนี้ อาหารจานนั้นที่เขาทานคือ ส้มตำใส่ปู เป็นอาหารที่ทำพิษกับระบบการขับถ่ายของเขาเป็นอย่างมาก และเป็นอาหารจานโปรดของแฟนสาวเขาด้วย

    ถึงแม้ว่ามันจะไม่ถูกสุขอนามัยเท่าไหร่ แต่เขาก็ยินดีที่จะทานมันด้วยความเต็มใจ ผลตอบแทนที่เขาได้รับก็เป็นอย่างที่เธอเห็น
     
    “โถ! แจ็ค คุณน่าจะยอกฉันไปเลยนะคะ ว่าคุณไม่ถูกกับมัน ฉันจะได้พาคุณไปทานอย่างอื่น ฉันเพิ่งรู้นะคะว่าคุณแพ้ของแบบนี้ ฉันต้องขอโทษคุณจริงๆ” วรวรรณพูดต่อประโยคที่ค้างไว้อย่างรู้ใจ ทั้งที่อีกฝ่ายยังไม่ทันได้ตอบอะไรเลย

    “ปะ... เปล่านะครับ ที่จริงปล้วมันไม่ใช่ความผิดของคุณฟ้าเลยนะ คือ...” พงษ์ศักดิ์พูดแล้วก็เอามือจับท้องขวาของตัวเอง หลังงอเล็กน้อย

    “ผมแค่ปวดท้องข้างขวานิดหน่อย ไม่มีอะไรหรอก”
     
    “ปวดท้องข้างขวา?”

    “ครับ” พงษ์ศักดิ์ตอบด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยอ่อน ไม่รู้ว่าเขาจะทำได้สำเร็จหรือเปล่าที่เฉไฉไปว่าเขาปวดอย่างอื่น ไม่ใช่ท้องเสียเพราะฤทธิ์ส้มตำ

    เพราะรูปวาดในห้องน้ำนั้นแท้ๆ ที่ทำให้เขาเกิดไอเดียนี้ขึ้นมา แต่ว่ามันยิ่งเพิ่มระดับความกังวลให้กับวรวรรณมากยิ่งขึ้นไปอีก

    “ปวดท้องข้างขวา ตรงตำแหน่งไส้ติ่งนี่คุณ อันตรายนะคะ ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ คุณต้องรีบไป...”

    ทันใดนั้น สายตาของเธอต้องหยุดชะงักลงตรงร่างของชายหนุ่มที่ไม่ได้รับเชิญ ในขณะที่ทั้งสองกำลังเดินออกจากอาคารสีขาว 9 ชั้นของคณะสาธารณะสุข ไม่เพียงแค่เธอที่จ้องดูเขา คนที่เดินผ่านไปผ่านมาแถวนั้นก็เช่นกัน เหล่าสาวๆ เริ่มจับกลุ่มกระซิบกระซาบ วิจารณ์ถึงสารรูปที่ดูไม่ได้ของชายผู้นั้น เขาแต่งตัวกระเซิงเหมือนผี ผมเผ้าดูรุงรัว ชายเสื้อปล่อยออกนอกกางเกง เขาใส่กางเกงยีนส์ขาดๆ สีซีดกับรองเท้าแตะคู่เก่า เดินมุ่งหน้าไปยังตัวอาคารอย่างรีบเร่ง

    แม้มองมาจากระยะไกล แต่วรวรรณก็รับรู้ได้ทันทีว่าชายผู้นี้เป็นใคร เธอกำลังสงสัย เขามาทำอะไรที่นี่ ในคณะของเธอ

    “มีอะไรหรือครับ” พงษ์ศักดิ์ถามขณะที่จับตามองดูชายหนุ่มผู้นั้นตามแฟนสาว
     
    “นั่นเพื่อนคุณนี่!”

    “ไม่ใช่หรอกค่ะ แค่เคยเป็น” วรวรรณตอบอย่างฉุนๆ แต่กลับมองดูชายหนุ่มคนนั้นอย่างไม่ละสายตา จนเขาลับตาหายเข้าห้องน้ำชายไป

    ดูเหมือนว่าเธอจะลืมห่วงอาการของแฟนหนุ่มเสียสนิท เพราะหลังจากนั้นเธอก็ปั้นหน้าบึ้ง สาวเท้าก้าวฉับๆ จนดูเหมือนวิ่งออกมาจากตัวอาคาร ทิ้งแฟนหนุ่มให้เดินหายใจหอบอยู่เบื้องหลัง ปากเธอบ่นพึมพัมตลอดทาง

    “นายไส้ติ่ง จะกลับมาอีกทำไม”
     
    “ฟ้าโมโหใครอยู่เหรอครับ”
     
    “อย่าไปสนใจเลยค่ะ เรื่องแบบนี้มันไส้ติ่งค่ะคุณ ไม่มีประโยชน์ที่จะต้องไปใส่ใจกับมัน เสียเวลา” คำพูดของวรวรรณแฝงด้วยความนัยปริศนาที่พงษ์ศักดิ์ฟังแล้วไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย

    เขาได้แต่เกาหัว “ไส้ติ่ง” เป็นคำศัพท์บัญญัติใหม่หรืออย่างไร สงสัยคงได้รับอิทธิพลจากศิลปินเด็กแนว แฟนเก่าของเธอแน่แท้

    ศิลปะกับนารีเป็นอะไรที่เข้าใจยากพอๆ กัน

    -----------------------------------------------------------

    จากคุณ : รัตน์ดา - [ 17 ต.ค. 48 15:48:38 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป