วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่มีจดหมายสีชมพูอยู่ในตู้รับจดหมาย ฉันได้รับจดหมายสีชมพูมาสี่อาทิตย์ติดกันแล้ว ในจดหมายบรรยายถึงความรักที่ต้องแอบซ่อนของชายผู้ไม่กล้าเปิดเผยตัวตั้งแต่เมื่อครั้งยังเรียนโรงเรียนเดียวกันเมื่อร่วมสิบปีก่อน และรักนั้นยังคงอยู่จนถึงปัจจุบัน
แม้ว่าจะรู้สึกแปลกใจเพราะไม่เคยได้รับจดหมายในลักษณะนี้ แต่อดที่จะภูมิใจและดีใจไม่ได้ที่คนธรรมดาอย่างเราจะมีคนมาแอบชอบ
จดหมายฉบับนี้บอกว่าอยากให้ฉันเขียนตอบจดหมายบ้าง หากมีใจ
ลงท้ายด้วยที่อยู่ของเขา วิธีการเขียนจดหมายก็ทำให้ทุกอย่างดูโรแมนติกดี แต่นี่ก็เป็นโอกาสดีที่จะตามไปดูหน้าตาว่าเป็นเช่นไร ความรักที่หยาดเยิ้มในซองจดหมายฉบับก่อนๆ เหมือนไฟกระตุ้นให้อยากรู้จักผู้ชายคนนี้มากขึ้น
พอกลับจากบริษัทเมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว จึงไม่รอช้าที่จะนั่งรถไปยังจุดหมายที่ระบุไว้ในซอง การเดินทางค่อนข้างใช้เวลานาน เพราะหนทางไกลเหลือเกิน เมื่อฟ้าเริ่มมืดลงแต่ไม่สนิท ก็มาถึงหมู่บ้านหนึ่งที่ถูกออกแบบมาอย่างดี ดูไปคล้ายกับบ้านของพวกฝรั่งในต่างประเทศที่มักจะมีสนามหน้าบ้านแต่ไม่มีรั้วกั้น คาดว่าเขาคนนั้นน่าจะมีเงินพอตัว
บ้านเลขที่ 15/2 ห่างออกสักหน่อย แต่เดินเข้าไปไม่ยาก บนทางเท้ามีพ่อแม่เข็นรถเด็กทารก เด็กผู้ชายผู้หญิงเล่นกระโดดเชือกกัน หรือวิ่งซนกันอยู่ตลอดทาง ดูแล้วเป็นหมู่บ้านที่น่าอยู่มาก
พอถึงบ้านเลขที่ 15/1 ฉันจึงหยุดเฝ้ามองบ้านหลังถัดไป มันเหมือนกับบ้านหลังอื่นๆ ที่สะอาดสะอ้านและตกแต่งอย่างดี มีแสงไฟลอดออกมาแสดงว่ามีคนอยู่บ้าน อีกทั้งมีเงาของการเคลื่อนไหวไปมา เมื่อมองมาที่หน้าบ้านก็เห็นรถสีดำจอดอยู่
เมื่อเดินไปหยุดที่หน้าบ้านจึงเห็นชายคนหนึ่งกำลังเดินออกมา สายเกินไปที่จะหลบหน้า เมื่อเราสบตากันไม่มีใครพูดอะไร เขาดูไม่คุ้นตา แต่หน้าตาดี ร่างกายมีมัดกล้าม และรูปร่างสูงใหญ่
อาจจะไม่ใช่คนนี้ก็เป็นได้
ดูดีเกินไป
ชายคนนี้เดินผ่านไป ไม่มีปฏิกิริยาตกใจที่เห็นฉัน ในบ้านไฟก็มืดสนิท บางทีนี่อาจเป็นน้องชายของเขา
เมื่อยืนมองเขาเดินจากไปจึงตัดสินใจกลับบ้าน พร้อมพบจดหมายสีชมพู เขียนมีใจความว่า เขาจะมาหาที่ทำงานตอนพักเที่ยงพรุ่งนี้ไม่ว่าฉันอยากจะพบเขาหรือไม่ก็ตาม
เมื่อถึงเวลาพักเที่ยงของวันรุ่งขึ้น ฉันจึงไปรอเขาที่หน้าบริษัท ผู้คนแถวนั้นผ่านไปมาพลุกพล่าน ไม่กล้าเดาว่าเป็นคนไหนที่กำลังเดินมา ถ้าหากเมื่อวานเป็นน้องชาย หน้าตาคงไม่ต่างกันมากนัก ก็แสดงว่าอาจจะหน้าตาดี คงไม่ผ่าเหล่าผ่ากอมากนัก
และฉันก็เห็นผู้ชายเมื่อวานตรงรี่เข้ามาอย่างมั่นใจ วันนี้ใส่ชุดสูทสีดำ ดูท่าทางภูมิฐานและดูดีมาก เขาหยุดอยู่ข้างๆ ไม่มีการกล่าวเอ่ยคำทักทาย และหันหน้าไปยังถนน บางทีอาจไม่เห็นผู้หญิงที่ยืนข้างๆ เขาเลยก็ได้
สิ่งที่ผุดขึ้นมาในสมองก็คือ นี่อาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด คนเราชื่อซ้ำกันได้ บางทีเขาอาจจะเช็คชื่อนามสกุลจากที่ไหนสักแห่งแล้วคิดว่าใช่ผู้หญิงคนที่เขาแอบชอบ แต่บังเอิญชื่อและนามสกุลเหมือนกัน จดหมายจึงอยู่ถูกส่งไปถึงฉัน และนี่เป็นโอกาสที่จะแก้การเข้าใจผิด
"ขอโทษนะคะคุณคือคุณมาณพหรือเปล่าคะ"
"ใช่ครับ"
"ดิฉันบัวแก้วค่ะ"
"ครับ"
"เอ่อ
คุณมารอคนชื่อบัวแก้วหรือเปล่าคะ"
"ใช่ครับ"
"บางทีนี่อาจเป็นการเข้าใจผิดแต่จดหมายของคุณส่งไปถึงที่บ้านดิฉันน่ะค่ะ"
"เหรอครับ"
"ค่ะ"
"งั้นคุณก็คือคุณบัวแก้วสินะครับ คงจะเป็นการเข้าใจผิดจริงๆ ด้วยนะครับ เพราะคุณไม่ใช่คนที่ผมรู้จัก"
"ค่ะ ดิฉันก็คิดอย่างนั้น คนชื่อนามสกุลซ้ำกันก็มีพอสมควร"
จากนั้นเขาก็ขอโทษขอโพย แล้วจากไป หลักจากนั้นสามเดือนระหว่างทางกลับบ้าน จึงได้เห็นเขายืนรอรถประจำทางอยู่หน้าสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ฉันจึงเข้าไปทัก
"สวัสดีค่ะ จำดิฉันได้หรือเปล่าคะ"
"จำได้สิครับ แบบคุณจำไม่ยากหรอก
เอ่อ
ผมไม่ได้ตั้งใจจะพูดกระทบอะไรคุณนะครับ ขอโทษด้วย"
"ดิฉันเข้าใจค่ะ"
"ขอบคุณครับ"
"ว่าแต่คุณเจอผู้หญิงในจดหมายหรือยังคะ"
"ผมไปเจอมาอีกสองคนครับ แต่พวกเขาก็ยังไม่ใช่เธออยู่ดี"
"คุณคงอยากเจอเธอมากสินะคะ"
"ใช่ครับ เธอเป็นรักครั้งแรกของผม บางทีอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายหากผมมีวาสนาได้เจอ"
"เธอมีอะไรที่ทำให้คุณประทับใจเหรอคะ"
"ไม่มีอะไรเลยครับ ไม่มีเหตุผล"
"อ๋อ.. ที่เขาบอกกันว่ารักไม่มีเหตุผลคงจะเป็นอย่างนี้สินะคะ"
แล้วเราก็หัวเราะกัน แล้วฉันจึงถามถึงว่าเขาและเธอคนนั้นจบโรงเรียนอะไรกันมา ปรากฏว่าเป็นโรงเรียนเดียวกับฉัน และเธอคนนั้นก็อยู่ในห้องเดียวกับฉันอีกด้วย
"เอ่อ
ดิฉันขอเบอร์โทรศัพท์คุณได้มั๊ยคะ คือดิฉันคิดว่าสามารถจะพาผู้หญิงคนนั้นมาหาคุณได้น่ะค่ะ แต่ว่าในอีกหนึ่งปีข้างหน้านะคะ"
"ทำไมต้องอีกหนึ่งปีล่ะครับ"
"มีเหตุจำเป็นน่ะค่ะ"
ถึงแม้เขาจะทำท่าทางไม่เข้าใจนักแต่เราก็แลกเบอร์โทรศัพท์กัน เมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งปี ฉันจึงนัดเขาไปเจอที่หน้าสวนสาธารณะที่เดิมเพื่อให้เธอคนนั้นไปพบ
"สวัสดีครับ คุณจริงๆด้วย ผมไม่คิดว่า เธอจะทำได้"
"สวัสดีค่ะ เธอคนไหนเหรอคะ"
"ก็เพื่อนของคุณบอกผมไว้เมื่อปีก่อนว่าจะพาคุณมาพบผม ไม่น่าเชื่อหลังจากที่ผมตามหาคุณมานาน ผมก็ได้พบคุณ ต้องขอบคุณเพื่อนคุณจริงๆ แล้วคุณคนนั้นไม่มาด้วยเหรอครับผมจะได้ขอบคุณเขา"
"เพื่อนคนไหนเหรอคะ"
"ก็เพื่อนคุณคนที่อ้วนๆ ไงครับ ผมไม่แน่ใจ แต่อาจอ้วนถึงร้อยสามสิบกิโลก็ได้ นึกออกยังครับ"
"อ๋อ.. ฉันไม่มีเพื่อนอย่างนั้นหรอกค่ะ เพียงแต่
"
"เพียงแต่.. อะไรเหรอครับ"
"คนนั้นเป็นฉันเองน่ะค่ะ"
จากคุณ :
Cool_loop
- [
17 ต.ค. 48 22:37:21
]