-1-
ตั้งแต่ขนของย้ายออกจากบ้าน มาซื้อคอนโดฯที่นี่อยู่--เมื่อสงกรานต์ปีที่แล้ว ที่โครงการนี้ยังมีร้านขายอาหารอยู่น้อยมาก จะมีอยู่ก็เพียงเจ้า-สองเจ้าเท่านั้น...รสชาติน่ะหรือไม่ต้องพูดถึง ผมไม่รับประทานก็แล้วกัน...ไม่ต้องไพล่พูดไปถึงหมาแมวมันหรอก!
ร้านขนม-มินิมาร์ท..ที่นี่มีขนมขายประเภทไอศครีม กูลิโกะ--ขนมสำเร็จรูป น่าเบื่อ!
สมัยเด็กผมมักจะได้ยินพ่อเรียกขนมจำพวกนี้ว่า 'ขนมหลอกเด็ก'!
หนึ่งนั้นเป็นเพราะว่า พ่อเราต้องเดือดร้อนเป็นทุกทีเมื่อเราอยากจะกิน 'กูลิโกะป็อกกี้' นึกแล้วก็ขำ แต่ในช่วงเวลานั้นพ่อคงไม่ขำด้วยแน่ พ่อเลยไม่ค่อยตามใจซื้อให้กิน...เราก็เลยร้องไห้งอแง!
'จากินป๊อกกี้..'
แต่มีขนมอย่างหนึ่งที่พ่อมักจะซื้อ หรือให้เงินเราไปซื้อ นั่นคือ-
'โรตี'!!
พ่อเคยบอกว่าเขาไม่เรียกโรตีว่าขนม แต่เราเป็นเด็ก อะไรก็ตามที่ไม่ได้กินกับข้าวเรามักจะเรียกมันว่า 'ขนม'--
พ่อบอกว่า 'คนแขก' เขากินโรตีแทนข้าว..หมายถึงแทนที่เขาจะกินข้าวเหมือนคนไทยเราเขากลับใช้โรตีกินแทน ต้องกินกับพวกแกงมัสมั่น แกงไก่เนื้อ..พ่อบอกว่าอร่อย..พ่อบอกว่าพ่อเคยกินและเอาไว้ว่างๆพ่อจะพาเราไปกินบ้าง-กินด้วยกันกับพ่อ
แต่ถึงวันนี้ยังไม่ได้กินเสียที--พ่อบอกว่าโตแล้วไปหากินเองก็ได้...
- โธ่! พ่อก็..ไปกินคนเดียวมันไม่เหมือนกินกับพ่อนี่ครับ
-2-
เด็กบังขายโรตีที่คอนโดฯ อายุสิบแปด หน้าตาดี แลดูทะเล้นทะลึ่งตึงตังตามแบบฉบับเด็กแขก
เด็กบังบอกว่าตัวเขานั้นมาจากประเทศปากีสถาน พูดไทยชัด พอที่จะฟังรู้เรื่อง
เด็กบังไม่ได้เข้ามาขายที่นี่คอนโดฯนี้ที่เดียว เขาขายทั้งวันโดยการเข็นรถเข็นไปตามเส้นทางที่เขาได้จัด-แบ่งเอาไว้ให้
'เขา'--คือใคร!?
เด็กบังทำหน้าตาเฉยเมยเหมือนไม่ได้ยินคำถามจากผม--มันไม่ตอบ ผมก็เลยพาลคิดเอาเองว่าคงเป็นคนที่มาอยู่ก่อน หรืออาจจะเรียกว่า 'ผู้ใหญ่' ซึ่งก็น่าที่จะเป็นพวกคนแขกเหมือนกัน
- คุณลองสังเกตดูสิว่า แถวบ้านคุณมีแขกขายโรตีกี่เจ้า?
- ไม่เกินสอง..ไม่มาเวลาเดียวกัน และจะแยกกันขาย!
พวกแขกเขาจัดระบบได้ดีกว่าเราหรือเปล่า? เพราะผมมักสังเกตเห็นคนไทยนึกอยากจะขายอะไรก็มักจะขายเหมือนกัน..ขายใกล้กัน แล้วก็แวะมานั่งคุยกัน!
- นั่นคือสิ่งที่ผมสังเกตเห็นมาตลอด.
..............................
"ส่าย-ย-ยไข่ไหม?" เด็กบังร้องถาม
"ไม่! ใส่ไข่ได้อันเดียว ไม่ใส่ได้สองอัน"
เด็กบังทำหน้างงงวย
"ก็ธรรมดาห้าบาท ใส่ไข่สิบบาทใช่ไหม เรามีสิบบาท เราจะกินสองอัน--แป้งก็แป้งเท่ากันใช่ไหมบัง" ผมยิ้มหลังชี้แจงคำตอบ
เด็กบังก็ฉีกยิ้มกว้าง--
"บังรู้ไหมสมัยเราเด็กๆพ่อชอบซื้อโรตีให้กิน..กินเกือบทุกวัน กินหลังกินข้าว เมื่อก่อนเรากินใส่ไข่ทุกวัน...ธรรมดาสิบสตางค์ ถ้าใส่ไข่ก็ห้าบาท--" ผมเกือบหลุดปากพูดไปว่า 'ห้าบาทเอง' แต่ก็ต้องหยุดเอาไว้แค่นั้น ด้วยคิดเอาว่าสมัยโน้นกับสมัยนี้ค่าของเงินมันต่างกันลิบลิ่วไปแล้ว
"ทำไมถูกจัง" เด็กบังร้องถาม พลางนวดแป้งโรตีแผ่นต่อไป
"ไม่ถูกเท่าไหร่หรอก เพียงแค่ค่าครองชีพมันต่างกันราวฟ้ากับเหว"-
"นายอายุเท่าหล่า-ย-ย.."
"ยี่สิบแปด"
"นานเหมือนกันนา..ชอบกินโรตี?" เขาพูดพลางทอดแผ่นแป้งพลางอย่างชำนาญแคล่วคล่อง
"กินด้วย ชอบดูเขาทำด้วย--เดี๋ยวเรามาเอาที่สั่งนะ" ว่าแล้วผมก็เดินไปซื้อบุหรี่
"ได้แล้วครับนายโรตี" เด็กบังบอกเมื่อผมกลับมาที่รถเข็นเขาอีกครั้ง
ผมยื่นแบงก์สิบพร้อมกับบุหรี่สองมวนให้เขา ผมไม่สนใจหรอกว่าเขายังเป็นเด็กหรือไม่เด็ก ผมรู้ดแต่เพียงว่าการที่คนสูบบุหรี่รายได้น้อยอย่างเด็กบังจะมาฟุ่มเฟือยกับรายจ่ายตรงส่วนนี้นั้นทำได้น้อยเต็มที
หนึ่งมวนบุหรี่ของผมนั้นมันไม่มีค่าอะไรเลย เพราะผมไม่เคยคิดที่จะเรียกร้องต้องการได้สิ่งตอบแทนอะไรจากเขากลับมา...อย่างน้อยก็มีแต่เพียงค่าของความรู้สึกดีๆที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับผมก็เท่านั้น-กับเด็กบัง
- คนเราอยู่ร่วมโลกใบเดียวกัน--ผืนแผ่นดินเดียวกัน แบ่งปันอะไรกันได้ก็น่าที่จะแบ่งปันมิใช่หรือ.
-3-
"ซื้อโรตีมาเหรอ?" หญิงสาวของบ้านร้องถามเข้ามาขณะที่ผมกำลังอาบน้ำ
"เขากินอันที่ใส่ไข่นะ"
"มีกี่อันน่ะ?" ผมสงสัยกับวาจากล่าวขานของเธอ
"ก็สองอันไง ก็เธอซื้อมาสองอันไม่ใช่เหรอ.."
?!?!--
ผมส่าย-ย-ยหน้าอย่างงุนงง
เฮ้อ--บังนะบัง เอาไว้เงินเดือนออกนะ ฉันจะซื้อโรตีส่า-ย-ยไข่ของนาย--
แต่นายต้องขายราคาเท่าเดิมรู้มั้ย!
-วันนี้-
สมองผมมึน-เบลอ สัปดาห์ที่ผ่านมาทั้งสัปดาห์ไม่มีเรื่องอะไรมากระทบต่อมความรู้สึกนึกคิด เดินกลับบ้านวันนี้เห็นแขกขายโรตีอยู่สองสามเจ้า--
เปล่า--วันนี้ไม่ได้อยากนึกกินโรตี แต่คิดถึง 'เด็กบังขายโรตี'..
สามปีแล้วที่ผมไม่เคยเจอเขาอีกเลย--
ด้วยมิตรภาพ.
กรกฎาคม 2545 / ตุลาคม 2548
จากคุณ :
อานันท์-โจนาธาน
- [
17 ต.ค. 48 23:55:21
]