วิทย์พยายามเดินริมขอบเนินที่อยู่ติดกับพื้นว่างเปล่าที่เคยเป็นทุ่งนาเก่า รอบๆ บริเวณหลังบ้านไม่มีบ้านของผู้ใดอีก จึงเป็นที่วางใจได้ว่าจะไม่มีผู้ใดเห็น
บ้านสองชั้นที่เป็นจุดหมายเปิดไฟสว่างไว้ที่ครัวท้ายบ้าน ไฟในห้องนอนปิดสนิท แต่เชื่อว่า'เธอ'คนนั้นยังตื่นอยู่ ตื่นเพื่อรอคอย
เมื่อมาถึงตำแหน่งที่ใกล้ที่สุดกับหน้าต่างวิทย์จึงขว้างก้อนหินเล็กๆ ขึ้นไป รอไม่นาน ก็มีเสียงกอกแกก และหน้าต่างก็เปิดออก หญิงสาวใส่ชุดนอนสีขาวชะโงกหน้าออกมา สายตามีแววจริงจัง เพราะเธอรู้ว่าชายหนุ่มวัยรุ่นมาหาเนื่องจากจุดประสงค์อันใด
วิทย์ปีนป่ายขึ้นไปยืนบนหลังคาห้องครัวซึ่งทำให้อยู่ในตำแหน่งที่พอดีกับหน้าต่าง
"คุณตัดสินใจได้รึยังครับ"
"
"
"คุณต้องรีบตัดสินใจ ถ้าหากคุณยังอยู่ในสภาพแบบนี้ล่ะก็คุณจะได้ตายไปพร้อมกับเขาแน่ๆ"
"แต่เธอต้องเข้าใจนะว่าความคิดของเธอออกจะบ้าระห่ำไปหน่อย"
"แต่มันจะช่วยชีวิตของคุณ และ
เอ่อ.. ลูกในท้องของคุณด้วย โธ่.. ขออย่าให้ลูกของคุณที่เกิดมาเหมือนสามีของคุณเลย"
"คุณพูดแบบนี้อีกแล้ว"
"ถึงแม้ผมจะอายุเพียงสิบห้าปี แต่ผมรักคุณจริง มันไม่สำคัญหรอกว่า คุณจะอายุยี่สิบห้าหรือเท่าไรก็ตาม แต่คุณเชื่อในรักแท้หรือเปล่า"
"ไม่สำคัญแม้ว่าฉันจะแต่งงานแล้วอย่างนั้นเหรอ"
"
.
ถ้าหากจะให้พูดจริงๆ ล่ะก็คือใช่ แต่ดูสามีคุณสิ คุณก็เป็นคนบอกเองว่าช่วงหลังๆ นี้เขาเริ่มกินเหล้าหนักขึ้นๆ แล้วทุบตีคุณอีก"
"แต่อย่าลืมนะ.. ว่าเขากำลังจะตาย"
เขาสองคนหยุดกันไปสักครู่ หญิงสาวจ้องหน้าชายหนุ่มที่กำลังหลบตาและครุ่นคิดหาคำตอบ
"ใช่เขากำลังจะตาย แต่ที่ผมรู้แน่ๆ ก็คือเขาจะพาคุณและลูกตายไปด้วยแน่ๆ ชาวบ้านแถวนี้ก็บอกว่าสามีรักคุณจนอยากจะตายไปพร้อมกับคุณ เขาแทบจะไม่อยากให้คุณได้ไปพบผู้ชายคนใหม่ เขาอยากจะขังคุณไว้ด้วยซ้ำ"
"ฉันเข้าใจว่าเธอมีความคิดเป็นผู้ใหญ่เกินตัว แต่ที่ฉันรู้สึกไม่ดีก็คือ.."
"ที่คุณมีความรักกับผมน่ะเหรอ ใช่ ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้มีอะไรกัน แต่เรารักกัน หรือคุณกังวลว่าผมอายุเพียงสิบห้าปี ยังเอาแน่อะไรไม่ได้ แต่ที่เราผ่านอะไรด้วยกันมาหนึ่งปีคุณจำไม่ได้เหรอว่าผมพิสูจน์ตัวเองมากแค่ไหน ผมยอมรับว่ามนุษย์เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ แต่คุณเชื่อผมได้ ผมบอกได้เพียงเท่านี้"
จากคำพูดทำให้หญิงสาวหวนคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา ใช่
หากคิดถึงการกระทำย่อมเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ดีว่าเขาเป็นผู้ใหญ่เกินตัวเหลือเกิน ตอนที่ย้ายบ้านมาใหม่ๆ สามีก็เป็นแค่ครูจนๆ ที่มีโรคร้ายติดตัว ตัวเธอเองก็เป็นเพียงแม่บ้าน ในช่วงแรกๆ ก็แทบจะไม่มีอะไรกินจนต้องไปนั่งร้องไห้กับชะตาชีวิตของตัวเอง เมื่อมองเห็นบ้านหลังใหญ่ของเศรษฐีอีกฟากหนึ่งของหมู่บ้าน ก็รู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยเสียเหลือเกิน แต่แล้วก็มีชายวัยรุ่นคนหนึ่งซึ่งก็คือวิทย์นี่เองที่บังเอิญได้เข้ามารู้จักเพราะชอบปั่นจักรยานเล่นแถวนั้นทุกวัน เห็นเหตุการณ์ ความขัดแย้ง ความยากจนของเธอจนเข้าใจดี แม้ตอนนั้นจะอายุเพียงสิบสี่แต่ดูเหมือนหนุ่มอายุสิบแปดเสียมากกว่า ด้วยความที่มีรูปร่างสูงใหญ่ และผิวพรรณ หน้าตาดี อีกทั้งเธอมาทราบภายหลังว่าวิทย์เป็นลูกของเศรษฐีบ้านหลังใหญ่นั้นนั่นเอง
ความสัมพันธ์ของพวกเขาเริ่มก่อตัวช้าๆ จากตอนแรกๆที่วิทย์มักจะซื้อข้าวสารและกับข้าวมาให้เมื่อเธอประสบความยากลำบากที่สามีต้องเอาเงินไปเป็นค่ารักษาโรคมะเร็งของตัวเอง หญิงสาวมักจะร้องไห้ทุกครั้งเมื่อระบายความทุกข์โศกให้วิทย์ฟัง แม้สามีของเธอจะเป็นคนที่ไม่ได้เลวร้ายจนเกินไป แต่ด้วยโรคและความยากจนกทำให้เกิดปัญหาได้มากมายอย่างไม่น่าเชื่อ อีกทั้งเธอก็มาตั้งครรภ์ ทำให้ปัญหาทุกอย่างดูรุนแรงขึ้น
และมาวันหนึ่งวิทย์ก็เปิดเผยความรู้สึกว่ารักเธอและผูกพันธ์กับเธอมากเพียงใด อีกทั้งก็เป็นความรู้สึเดียวกับหญิงสาว แผนการของการหลบหนีจึงเริ่มต้นขึ้น
แม้วิทย์จะอายุเพียงสิบห้าแต่พ่อของเขาก็อายุถึงแปดสิบแล้ว แม่และญาติพี่น้องส่วนใหญ่ได้เสียชีวิตไปกับเหตุการณ์อุบัติเหตุครั้งใหญ่เมื่อหกปีก่อน ตอนเดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัด จะเหลือก็เพียงแต่ลุงที่อยู่อีกจังหวัดหนึ่ง
พ่อของวิทย์ช่วงนี้ก็อยู่แต่ที่โรงพยาบาลแทบจะไม่ได้แข็งแรงเหมือนกับคนปกติ เพราะโรคชรารุมเร้ามากมาย หากพ่อของเขาเสียชีวิตลุงที่รู้จักวิทย์ดีบอกให้วิทย์ดูแลรักษาตัวเอง สมบัติที่มีอยู่ในเมื่อตอนนี้วิทย์ดูแลได้ เขาก็จะให้วิทย์ควบคุมเองแม้จะยังเด็กอยู่โดยจะเป็นผู้ปกครองเพียงในนามเท่านั้น เพราะลุงเองก็เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาและเข้าใจดีว่าวิทย์เป็นผู้ใหญ่เกินตัว
ในเมื่อเหตุการณ์เอื้ออำนวยอย่างไม่น่าเชื่อชายหนุ่มวัยรุ่นจึงวางแผนการชวนหญิงอันเป็นที่รักหนีไปเสียให้พ้นๆจากสามี เพราะกลัวเขาจะลุกขึ้นมาฆ่าเธอให้ตายเสียไปพร้อมกับเขา เงินที่มีและความอิสระต่อครอบครัวของวิทย์ทำให้เขาสามารถไปตั้งต้นเป็นสามีและสร้างครอบครัวให้ตัวเองได้อย่างสบายโดยไม่ต้องเรียนต่อหรือทำงาน และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่วิทย์มาดูการตัดสินใจของเธอ
"ผมคิดว่าเราควรจะหนีกันวันนี้ อีกตั้งสองสามวันเขาถึงจะกลับมา คุณจะรอให้เขากลับมาอย่างนั้นเหรอ"
"ไม่ใช่นะ.. เพียงแต่ว่ามันดูไม่น่าเชื่อนะว่ามั๊ย ว่าผู้หญิงคนหนึ่งแต่งงานแล้ว แถมมีครรภ์ จะหนีไปกับเด็กอายุสิบห้าที่มีทั้งเงินและอิสระ ถ้าใครมารู้เรื่องของเราเข้า เขาคงจะตกใจและที่สำคัญคงจะประณามฉัน"
"อ้อ
คุณกังวลใจเรื่องนี้เองสินะ ผมขอบอกคุณว่าหากไม่ต้องกังวลหรอก ตอนแรกพอเราย้ายไปที่อื่นอาจจะต้องบอกคนอื่นไปก่อนว่าเป็นพี่น้องกัน แต่มันสำคัญเหรอเพราะชีวิตคุณคงไม่ได้เลวร้ายไปกว่านี้แล้วล่ะ พอผมโตขึ้นอายุสักยี่สิบ เราก็อาจจะเปิดเผยได้หรือจะปิดบังต่อไปก็แล้วแต่คุณ"
"
"
"ผมเปลี่ยนใจแล้ว ผมจะบังคับให้คุณไปกับผมเดี๋ยวนี้ ไม่ต้องเอาเสื้อผ้าอะไรไปหรอก ค่อยไปซื้อใหม่"
เด็กหนุ่มคว้าข้อมือหญิงสาวแน่นเหมือนจะให้เธอปีนลงไปทางหน้าต่างเดี๋ยวนั้น
"ฉันขอถามเธออะไรข้อหนึ่ง"
"อะไรเหรอครับ"
"เด็กที่มีความคิดอย่างเธอทำไมถึงมารักฉัน"
"
ก็ได้
แต่ไปกับผมก่อนแล้วผมจะบอก"
*********************************
เขาและเธอก็ทำตามเป้าหมายโดยย้ายไปอยู่อีกจังหวัดหนึ่ง ไม่มีใครสนใจพี่น้องคู่นี้มากนัก ไม่มีใครมาติดตาม พ่อของวิทย์เสียชีวิตแล้ว ลุงก็โอนเงินมาให้ก้อนใหญ่ทุกเดือนและไม่ใคร่สนใจชีวิตส่วนตัวของเขาเพียงแต่คอยดูแลสมบัติที่วิทย์ไม่สามารถดูแลได้ตามกฏหมายเท่านั้น หญิงสาวคลอดลูกออกมาเป็นลูกชายซึ่งชายหนุ่มก็รักเหมือนเป็นลูกของตัวเอง
ในวันเกิดเมื่อวิทย์อายุครบสิบแปดปีหญิงสาวก็ถามขึ้นมาอีกครั้ง
"ที่เธอบอกว่า เมื่อฉันหนีตามเธอมาเธอจะบอกทำไมถึงมารักฉัน ตอนนี้บอกได้รึยัง"
"ได้สิ ก็เพราะคุณบริสุทธิ์ไง"
"บริสุทธิ์เหรอ มีลูกตั้งคนหนึ่งแล้วยังจะบอกว่าบริสุทธิ์อีกเหรอ"
"ไม่หรอก แต่ผมดูออกว่าคุณเป็นคนดี ผมไม่เคยพบใครอย่างคุณมาก่อน"
"ก็แน่ล่ะ อายุแค่สิบแปดเองนี่"
"จริงด้วยสินะ ผมนี่ตลกจริงๆ แต่เอาเป็นว่าผมดีใจที่ได้คุณมาเป็นภรรยาผม ไม่ว่าคุณจะแก่กว่าผม มีลูกติดหรืออะไรก็ตามพอใจรึยัง"
*************************
สามเดือนต่อมาชายหนุ่มทราบข่าวว่าสามีเก่าของภรรยาเขาเพิ่งเสียชีวิตลงอย่างโดดเดี่ยว ซึ่งถือว่ามีอายุยืนกว่าที่คิด และเขาไม่เคยแจ้งความหรือออกตามหาภรรยาของตนแต่อย่างใด บางทีอาจจะเป็นเพราะเขาคงอยากให้เธอไปมีชีวิตใหม่
หญิงสาวไม่ต้องการไปงานศพ แต่วิทย์ต้องการไปร่วมงานสักหน่อย เพราะอย่างน้อยคงไม่มีใครรู้จักเขา
ผู้คนในงานศพดูบางตามาก คงจะมีเฉพาะญาติๆ ของผู้ตาย เมื่อพระสวดเสร็จวิทย์ก็ว่าจะกลับเพราะคงไม่รอจนถึงวันเผาแค่มาขออโหสิกรรมก็น่าจะเพียงพอแล้ว แต่ขณะที่เดินเกือบจะพ้นบริเวณงาน ก็ได้ยินญาติผู้ตายคุยกัน
"น่าสงสารจริงๆ นะ ได้ข่าวว่าเมียก็หนีไปเป็นปีๆ แล้ว ไม่เคยกลับมาดูแลเลย ไม่รู้ไปตายที่ไหนหรือเปล่า"
"ใช่ เดี๋ยวนี้ผู้หญิงใจดำนะ ไม่รู้ได้ผัวใหม่รึยังก็ไม่รู้ เอ้อ ว่าแต่ว่ามีลูกติดไปรึเปล่าก็ไม่รู้"
วิทย์ยิ้มกริ่มที่แท้ก็เป็นเรื่องราวของพวกเขานี่เอง บางทีคนพวกนี้อาจจะไม่รู้ว่าหญิงสาวมีลูก ขณะเขากำลังละความสนใจไป พวกผู้หญิงสองคนนั้นก็พูดต่อมาว่า
"อ้าว ก็จะมีได้ยังไงล่ะ ไม่รู้เหรอว่าคนที่ตายเนี่ยเขาเป็นหมัน"
เท้าของเขาหยุดชะงัก 'อะไรกันนี่! แล้วเธอท้องกับใครกันล่ะ หรือว่านอกจากเขาแล้วยังมีใครคนอื่นอีก บางทีอาจเป็นไปได้ว่าคนเป็นหมันก็อาจมีลูกได้ ทุกอย่างมีข้อยกเว้นสิน่า'
แต่ถึงอย่างไรก็ตามวิทย์คิดว่าตนเองทำใจได้ มันไม่สำคัญหรอกจริงมั๊ยว่าเธอจะเคยมีความสัมพันธ์กับใคร ขอเพียงแต่รักแต่เขาในตอนนี้ เดี๋ยวนี้ก็เพียงพอ เรื่องนี้เขาเข้าใจดี ใช่
เพราะเขาเองก็เป็นหมันเขารู้ตั้งแต่ตรวจร่างกายเมื่อคราวก่อนเพื่อเช็คดูว่าทำไมเธอยังไม่ท้องเสียทีเพราะใจจริงก็อยากมีลูกของตัวเอง แต่ไม่กล้าบอกให้หญิงสาวรู้ ความจริงแล้วมันก็ไม่สำคัญอะไร เราก็เหมือนมีลูกด้วยกันอีกแล้ว เมื่อทำใจได้ดังนี้ชายหนุ่มจึงเดินต่อไป แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
"เป็นไงคะ งานศพเป็นยังไงบ้าง"
"ก็ไม่มีอะไรครับ ผมกำลังจะกลับแล้ว"
"เหรอคะ ดีค่ะ คือว่าวันนี้ฉันเพิ่งไปโรงพยาบาลมาน่ะค่ะ"
"อ้าวมีอะไรเหรอ"
เขารู้สึกว่าตัวเองร้อนอบอ้าว บางทีเธออาจจะรู้เรื่องที่เป็นหมัน เขาไม่อยากให้รู้ตอนนี้
"ลองเดาสิคะว่าฉันได้รู้ว่าอะไร"
"อะไรล่ะ"
"ก็
"
"ก็บอกมาสิ ผมจะได้รู้สักที" เขาเริ่มรู้สึกหงุดหงิดคิดว่าเรื่องแค่นี้ไม่น่าจะเอามาล้อเล่น
"ก็รู้ว่าฉันท้องไง ดีใจมั๊ยคะ"
*************************************************************************************
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W3814268/W3814268.html
แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 48 02:33:28
จากคุณ :
Cool_loop
- [
18 ต.ค. 48 23:35:13
]