วางสายตาเธอลงที่ฉันเถอะคนดี
โดย สายลมอิสระ
น้ำกาแฟสีเข้มถูกเทลงในถ้วยเซรามิคสีเทาเศร้าอย่างเชื่องช้า จนปริ่มถ้วยแล้วมือของชายหนุ่มนัยน์ตาพราวฝันจึงชะงักมือ ดวงตาของเขามองไปยังถ้วยเซรามิคทรงเดียวกันแต่สีน้ำเงินคว่ำอยู่ใกล้ ๆ เขาเอื้อมมือมาหงายมันขึ้นก่อนเทกาแฟลงในนั้นจนเกือบเต็ม เขาเอนตัวพิงพนักเก้าอี้มองดูที่ว่างเปล่าตรงข้าม ก่อนที่ดวงตาจะมองเหม่อออกไปนอกหน้าต่างห้อง อากาศยามเย็น แสงแดดอ่อน ๆ กระดาษเขียนหนังสือที่วางอยู่ตรงหน้าเขาขยับตามแรงที่สายลมพัดเข้ามาทักทาย สายลมหนาวมาเยือนแล้ว แต่คนที่จากไปไกล เมื่อไรจะกลับมา
นาวาขยับจะจับดินสอสองปีที่ใช้ประจำเขียนเรื่องสันของเขาที่เขียนค้างเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืนต่อ แต่ในหัวก็ว่างเปล่าเกินที่จะหยิบเอาอะไรมาสานต่อความฝันให้สิ้นสุดจบลง และส่งสำนักพิมพ์เพื่อจะได้เงินมาใช้จ่าย
ฐานนะของนาวาในขณะนี้ไม่ใช่ว่าจะยากจนตกอับอะไร ถึงขนาดต้องนั่งตะบี้ตะบั้นเขียนงานส่งขายสำนักพิมพ์ เพียงแต่เขารับปากว่าจะทำเรื่องให้ และก็ใกล้กำหนดเวลาที่เขาต้องส่งงานให้เขาแล้ว
แต่หัวใจเขายังปฏิเสธการทำงานใด ๆ นอกเสียจากคิดถึง คิดถึงคนที่ห่างหายไปเนิ่นนาน แต่ไม่เคยออกไปจากลมหายใจของเขาเลย ทั้งที่เมื่ออาทิตย์ก่อนเขาพึ่งได้รับจดหมายสีน้ำตาลขนาดหนาจากเธอมาถึงมือของเขา มันไม่ได้ทำให้เขาคิดถึงเธอน้อยลง ห่วงใยเธอน้อยลง แต่กลับเพิ่มมากขึ้น แต่อย่างน้อยเธอก็ยังติดต่อเขาบ้าง ให้รู้ว่ายังไม่ลืมกัน
นาวาตัดสินใจลุกขึ้นไปหยิบซองสีน้ำตาลของเธอมาดูอีกครั้ง ถ้อยคำแห่งบทกวีกว่าหกสิบบทถูกเขียนขึ้นด้วยลายมือหวัด ๆ ที่เขาแสนคุ้นเคยเป็นอย่างดี กระดาษแผ่นหนึ่งบอกเล่าอย่างสั้น ๆ ว่าฝากงามาให้เขาช่วยดู และส่งสำนักพิมพ์ไหนก็ได้เพื่อตีพิมพ์มัน
แม้ลายมือจะหวัด แต่ถ้อยคำของเธอก็ยังสวยงามและงดงามเสมอ เธอเป็นนักเดินทางที่ประกาศตนเป็นนักแสวงหาแก่นแห่งชีวิต เขาชื่นชมในความกล้าหาญของเธอ เด็กสาวรุ่นน้องที่ไม่ยอมเรียกเขาว่าพี่สักคำ อย่างดีก็เรียกคุณ หรือไม่ก็นาย แต่เขาก็ไม่เคยถือเรื่องเหล่านั้นสักครั้ง
และก็นาน...นานจนเขาไม่รู้ตัวว่าความรู้สึกพิเศษลึก ๆ ที่มีให้กับเธอเมื่อไรกัน ตั้งแต่ได้เห็นหน้าตาเธอครั้งแรก ในวันที่พี่บรรณาธิการคนหนึ่งแนะนำให้รู้จักกับเด็กสาวท่าทางก้าวร้าวแต่นัยน์ตาอ่อนโยน เธอฝึกเขียนหนังสือในขณะนั้น เขาเป็นหนุ่มปีอบอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยมีหนังสือรวมเล่มออกมาหลายเล่ม แต่ละเล่มล้วนได้รับความนิยมมากมาย หากแต่สายตาของเธอที่มองเขาในเวลานั้นคล้ายจะว่างเปล่าและชาเฉย แตกต่างกับทุกคนจนเขาเองเป็นฝ่ายที่อยากจะรู้จักเธอก่อน
เขายังจำได้ว่าเธอแนะนำตัวด้วยท่าทางเรียบ ๆ ง่าย ๆ เหมือนกับการแต่งตัวของเธอเอง ผมยาวถึงกลางหลังถูกปล่อยให้เป็นอิสระ เสื้อเซิ้ตลายสก๊อตตัวใหญ่ กับกางเกงยืนส์สีซีดร้องเท้าผ้าใบดูเซอร์ ๆ แต่ก็น่ารักไปอีกแบบ
หลังจากนั้นเขาก็แวะไปหาเธอที่คณะบ่อยครั้ง จนใคร ๆ แซวว่าเขากำลังจีบทอม เขาเองก็ได้แต่ยิ้ม ๆ เวลานั้นเขาอยู่ปีสุดท้ายในขณะที่เธอพึ่งเป็นนิสิตใหม่ จนสาวห้าวไว้ใจในตัวเขาและมาอาศัยอยู่ที่บ้านของเขาแทนการเช่าหอพักที่เธอมักมีปัญหาเรื่องการกลับหอพักไม่ทันเวลาปิดประตู เธอต้องไปหางานทำพิเศษเพื่อมาจ่ายค่าเรียนและเรื่องส่วนตัว เพราะทางบ้านไม่ส่งให้เธอเรียน
เธออยู่ที่ไหนกันนะเป้ ชายหนุ่มรำพึงออกมาคล้ายละเมอเห็นภาพเธอเหมือนอยู่ใกล้ ๆ เขาเองก็ทำอะไรพิเศษหลาย ๆ อย่างให้เธอ เธอเป็นคนฉลาด ดูออกเสมอว่าเขาคิดอย่างไรกับเธอ ถึงตัวเขาเองจะไม่เคยบอกว่ารักกับเธอ แต่ดวงตาของเขามันฟ้อง ประกาศก้องว่าเธอคือลมหายใจของเขา
แต่นาวาก็ไม่เคยห้ามให้เธอไปในทางที่เธออยากไป เธอยังสนุกกับการเดินทาง ขึ้นป่าขึ้นเขา เที่ยวทะเลมีสมุดบันทึกกับปากกาหมึกสีน้ำทะเล กล้องถ่ายรูปตัวโปรดที่คล้องคอของเธอเสมอ เธอส่งรูปที่ถ่ายตามสถานที่ต่าง ๆ มาให้เขาดูอยู่บ่อย ๆ ถึงตัวเขาเองจะรู้สึกอิจฉาอยู่ลึก ๆ ที่ไม่ได้ไปกับเธอด้วย แต่มันคงจะดีกว่า ถ้าเขาอยู่อย่างนี้ อย่างที่พร้อมจะรอเธอกลับมา ไม่ว่าเธอจะเจอกับสิ่งใดในชีวิต
นาวาขยับตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที เมื่อได้ยินเสียงออดที่หน้าบ้านดัง ฝนโปรยปรายลงมาเมื่อไร เขาเองก็ไม่รู้ตัว ท้องฟ้าแปลเปลี่ยนเป็นสีดำกำมะหยี่แล้ว เขารีบเดินออกไปพร้อมกับร่มในมือ
ร่างที่หนาวสั่นสะท้านอยู่กลางสายฝนทำเอาเขาแทบอึ้ง ปิดเปลือกตาแล้วสะบัดหัวไปมาอย่างไม่เชื่อสายตาของตนเอง ว่าคนที่คิดถึงมายืนอยู่ตรงหน้าในเวลานี้
เข้าไปได้ไหม
เป้ เขาเรียกชื่อเธอ ก่อนที่จะเปิดประตูรั้วให้เธอเดินเข้ามา เขาโอบกอดเธอเบา ๆ ตัวเธอเย็นเฉียบริมฝีปากซีด ท่าทางคล้ายจะเดินไม่ถึงในตัวบ้านด้วยซ้ำ
ไม่เป็นไรหรอก
เธอยังใจแข็งเหมือนเดิม เดินเข้าไปในบ้านเอง โดยที่เขาไม่ต้องพยุง กระเป่าใบเก๋าของเธอเปียกปอน เสื้อผ้าของเธอเองก็ชื่นหมด จนนาวาต้องเอาเสื้อผ้าของเขาให้เธอเปลี่ยน
เป็นอย่างไรบ้าง นาวาถามพลางยื่นถ้วยกาแฟอุ่น ๆ ส่งให้เธอนั่งกอดเขาปากสั่นอยู่บนโซฟาตัวยาวใหญ่กลางห้องนั่งเล่นของเขา
ดีขึ้นแล้วหละ เธอรับถ้วยกาแฟจากเขามาจิบทีละนิดแล้วระบายลมหายใจออกมาช้า ๆ ให้คล้ายหนาว
ฝนหลงฤดูหรือไงนะ หน้าหนาวแล้วนี่ เขาบ่นพึมพำ ขณะคลี่ฟ้าห่มคลุมร่างของเธอ
คนยังหลงทางนับประสาอะไรกับฝนหลงฤดู
ทำไมเป้ไม่บอกก่อนว่าจะมา จะได้ออกไปรับ ห้องนอนของเป้ยังไม่ได้ทำความสะอาดเลย
ไม่ต้องยุ่งยากหรอก ว่าแต่ได้รับงานของเป้หรือยัง
ได้แล้วคิดว่าอีกสองสามวันจะให้ทางโน้นดูให้ เธอบอกพร้อมกับยืนมือไปอังที่หน้าผากของเธอ เธอเบือนหน้าหนี แต่สายตาของเขาก็จ้องที่ใบหน้าของเธอตลอด
เจ็บหรือเปล่า เขาถามเมื่อมือทั้งสองข้างของเขาสัมผัสและกดลงเบา ๆ ที่ใต้คางทั้งสองข้างของหญิงสาวที่นั่งอยู่บนโซฟา
เจ็บ
อ้าปากซิ เขาสั่ง เธอทำหน้าเบ้แต่พอเจอสายตาดุ ๆ ก็จำยอมแต่โดยดี
คอแดงเชียวเดียวจะหายาให้กินนะ
นาวาลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ตู้ยาที่ตั้งอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง โดยมีสายตาของเป้ หญิงสาวที่นั่งสั่นอยู่บนโซฟาติดตามเขาตลอด
...นานแล้วที่เธอไม่ได้กลับมานั่งอยู่บนโซฟาตัวนี้ เธอไม่อยากนับวันเวลาที่ห่างเหินบ้านหลังนี้ไปนาน แต่ทุกอย่างในนี้ยังดูคงเดิม เขาวางทุกอย่างไว้อย่างเดิม คล้ายจะรอใครบางคนกลับมาหาอีกครั้ง
ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าทำไม เธอเองก็ไปไหนต่อไหนได้โดยไม่มีผู้ชายคนนี้ แต่ไม่ว่าจะไปไหน ๆ ก็จะมีภาพของเขาติดตามไปด้วยเสมอ ๆ ยิ่งอยากหนีก็ยิ่งพบเจอกับอยู่ทุกครั้งยามหลับตา ดวงตาที่อบอุ่นอ่อนโยนที่เธอไม่เคยได้รับจากใครในฝั่งอยู่ในกายเธอ ในวิญญาณและความรู้สึกทุกส่วนของเธอ และสุดท้ายเธอก็ต้องพาตัวเองมายืนอยู่หน้าบ้านของเขานานเพราะไม่กล้าที่จะกดออดเรียก จวบจนความรู้สึกมันเพรียกหาให้เธอต้องทำ
ทานยาซะหน่อยนะ เดี๋ยวก็ดีขึ้น เธออยากวิ่งหนียาในมือของเขา แต่ก็ไม่มีแรงพอที่จะทำแบบนั้น ในที่สุดยาขม ๆ สองเม็ดก็ถูกกลืนลงคอ
คิดถึงนะ นาวาเอื้อมมือไปจับมือของเธออย่างแผ่วเบา แต่ความอบอุ่นก็ผ่านมาถึงหัวใจของเธอที่เคยเย็นชา หากเป็นเมื่อก่อนสมัยที่ยังเรียนอยู่ นายนาวาคงถูกถีบกระเด็น แต่เวลานี้เธออยากให้เขากุมมือเอไว้นาน ๆ
เจออะไรบ้างระหว่างการเดินทาง เขาขยับตัวมานั่งข้าง ๆ เธอเอียงตัวตามแรงผลักเบา ๆ ของเขาให้อิงอยู่ที่หัวไหล่ เวลานี้เธอรู้สึกหายใจโล่งขึ้น แต่นัยน์ตาคล้ายจะปิดลง
เจอแต่ความเวิ้งว้างว่างเปล่า ไกลแสนไกล เป้เคยอยากอยู่ อยากเสรี ไม่มีคำว่าครอบครัวมาผูกมัด เป้ไม่มีบ้านมานานแล้ว แต่วันนี้เป้กลับวิ่งหาสิ่งที่ตัวเองไม่เคยมี แต่เป้ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน บ้านของเป้
ก็อยู่ในตัวเป้ อยู่ในเวลานี้ เป้จะไปไหม นาวาเอ่ยเบา ๆ เมื่อเห็นดวงตาของเธอปิดลง
ไม่รู้ เป้ไปไกล แต่เป้ไม่เห็นอะไรหรือเป้ตาบอด มืดบอดต่อการแสวงหาแล้ว เธอยังพึมพำ
อยู่ใกล้ ๆ เป้ตรงนี้ตลอด แต่เป้ไม่เคยมองดูเลยต่างหาก
ดวงตาของเธอเปิดขึ้นอีกครั้งเห็นรอบยิ้มอบอุ่นคุ้นเคยอีกแล้ว รอยยิ้มแบบนี้ดวงตาแบบนี้ ที่เฝ้าเวียนวายอยู่ข้างตัวเธอมาตลอดตั้งแต่เริ่มเรียนมหาวิทยาลัยจนจบมาปีกว่าแล้ว ดวงตาแบบนี้ก็ยังไม่เคยเปลี่ยนเลย
รู้อยู่ว่าเป้ต้องการค้นหาบางอย่างที่ขาดหายไปในชีวิต ยากห้ามเป้ไม่ให้ไป แต่ก็รู้ว่าทำไม่ได้รอเป้อยู่เสมอรู้ตัวหรือเปล่า
เธอรู้สึกเย็น ๆ ที่นิ้วข้างซ้าย แหวนสีเงินคล้ายจะมีอะไรสักอย่างส่งแสงแวววาวอยู่ตรงกลางแหวนนั้น ทำให้เธอพยายามลืมตาขึ้นเต็ม ๆ แต่ก็มองได้ไม่ชัด ภาพนันพร่าเบลอ แต่เธอกลับรู้สึกว่าน้ำตาเอ่อคลอ เหมือนกับรอคอยอะไรมานาน และได้ในสิ่งนั้นแล้ว
เป้จะไปไหนก็ได้แต่ขอหัวใจเป้อยู่กับนาวานะ ขอชีวิตของเป้ให้นาวาดูแล อยากให้สายตาของเป้หยุดแสวงหาใครอื่น และวางลงตรงที่ผู้ชายคนนี้ได้ไหม
เขาเอ่ยประโยคที่รอคอยมานานแสนนาน แหวนวงนี้ก็ทำให้เธอมานาเหลือเกินจนแทบจะหมดแรงใจว่าเธอจะไม่กลับมาให้เขาได้สวมนิ้วให้
หญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนไม่ตอบ แต่ข้างในของเธอตอบรับแล้ว และรู้ดีว่าเธอได้พบเจอกับสิ่งล่ำค่าของชีวิต อีกบทหนึ่งของชีวิต
...ชีวิตเป็นของเธอนะคนดี
ไม่ว่านาทีนี้หรือนาทีไหน
ฉันขอเป็นส่วนหนึ่งของลมหายใจ
และวางสายตาเธอแสวงหาของเธอไว้ ที่ตัวฉัน คนเดียว...
บทกวีถูกเอ่ยขึ้นแผ่วเบากลางท่วงทำนองเสียงเพลงของสายฝนหลงฤดู ริมฝีปากบาง ๆ ของเธอสัมผัสกับของเขาแผ่วเบาแทนคำตอบทั้งหมด
นาทีนี่เธอปิดเปลือกตาอีกครั้ง เธอหลับอยู่ในอ้อมแขนของเขาที่เฝ้าโหยหามานาน และต่างก็รอคอยว่าพรุ่งนี้ จะได้กล่าวอรุณสวัสดิ์ทักทายดวงตาของเธอเป็นคนแรก ในวันที่ฟ้างาม.....
เชิญอ่านงานเขียนในมุม(มอง)ของสายลม(อิสระ)ได้แล้วค่ะ www.samewaymag.com/saylom.htm
แก้ไขเมื่อ 28 ต.ค. 48 17:54:46
จากคุณ :
สายลมอิสระ
- [
22 ต.ค. 48 11:51:46
]