ตอนที่ 22
เกาะขนาดใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางของทะเลสาบน้ำจืดที่มีพื้นที่กว้างขวางเป็นสถานที่ๆสามารถมองเห็นได้รอบด้านจากฝั่ง หากมองจากด้านบน เกาะนี้เป็นรูปวงกลม ใจกลางเป็นกระโจมผ้าสักหลาดขนาดใหญ่ที่ไร้ร่องรอยของการประดับประดา ดูเรียบจนไม่น่าสนใจ แต่ก็เป็นรูปทรงที่แปลกตากว่า และมั่นคงแข็งแรงกว่ากระโจมทรงกรวยคว่ำในกลาตาโกลา กระโจมใหญ่นี้มีสองกระโจมติดกันโดยมีทางเชื่อมถึงกันอยู่ ห่างออกไปหลายสิบวาเป็นกระโจมขนาดเล็กกว่ารูปทรงธรรมดาเรียงรายอยู่ และถัดออกไปอีกเป็นกระโจมสำหรับม้า
กระโจมขนาดใหญ่ที่สุดซึ่งอยู่ใจกลางเป็นที่พำนักของลีออง...ร่างทรงแห่งแม่พระธรณี...เป็นกระโจมที่ใช้ไม้ต่อขึ้นเป็นโครงสร้างเป็นรูปวงกลมสูงขึ้นไปราวสามวา และถัดขึ้นไปจากสามวาก็เป็นหลังคาทรงกรวยคว่ำ ตรงกึ่งกลางของกระโจมมีช่องระบายอากาศเช่นกระโจมอื่นๆ และถูกค้ำด้วยท่อนไม้ใหญ่สองท่อน ภายในกว้างขวาง สามารถจุคนได้เป็นสามสิบคนทีเดียว เมื่อเปิดประตูซึ่งเป็นรอยแหวกของผ้า ก็จะพบทางเดินแคบๆทำจากต่อขึ้นด้วยไม้ห่มด้วยหนังควายซึ่งต่อเชื่อมกับกระโจมใหญ่อีกกระโจมหนึ่งซึ่งมีลักษณะคล้ายกัน กระโจมด้านในจัดเป็นที่รโหฐาน และทำพิธีของลีออง และกระโจมที่อยู่ด้านนอกสำหรับใช้ต้อนรับผู้ต้องการเข้าพบ และเป็นที่ๆผู้รับใช้ลีอองจะทำงาน
กระโจมที่อยู่รอบนอกออกไปเป็นกระโจมที่ไม่ใหญ่มากนัก เป็นรูปทรงกรวยคว่ำธรรมดาๆเช่นเดียวกับกระโจมอื่นที่อยู่บนฝั่งแผ่นดิน กระโจมเหล่านี้เป็นที่พำนักของผู้ปวารณาตัวอยู่รับใช้ลีออง ซึ่งเป็นตัวแทนจากแต่ละเผ่าจะสลับกันไปอยู่ในกระโจมใหญ่ด้านนอกเพื่อทำงานให้แก่ลีออง ส่วนกระโจมม้าเป็นกระโจมกองกลางสำหรับการขึ้นไปบนฝั่งแผ่นดิน และเป็นที่พักม้าของผู้มาเยือนที่เกาะแห่งนี้ด้วย ที่ต้องมีกระโจมสำหรับม้าก็เนื่องจากข้อตกลงร่วมกันของแต่ละเผ่าว่าจะไม่ใช้เรือพายในโดก้า เพราะถือว่าเป็นการลบหลู่ลีออง และนั่นหมายถึงการลบหลู่แม่พระธรณีด้วยเช่นกัน
ภายใต้แสงแดดที่ลอดผ่านลงมาจากช่องกลางกระโจมขนาดใหญ่นั้นบอกให้รู้ว่าเวลานี้คือบ่ายแก่แล้ว เด็กสาวคนหนึ่งซึ่งมีผมดำตรงยาวสลายเต็มแผ่นหลัง ดวงหน้าของนางกระจ่าง ใต้ดวงตาที่ปิดสนิทของนางมีรอยสักเป็นเส้นโค้งตารูปของนัยน์ตา ริมฝีปากหยักของนางเรียบเฉยกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ภายในกระโจมโดยไม่รับรู้ถึงความหนาวเย็นของอากาศเวลาผลัดเปลี่ยน (ฤดูใบไม้ร่วง) ร่างของนางยังนิ่งสงบอยู่จนกระทั่งเสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างอ่อนอกอ่อนใจ
ลีออง...พอก่อนก็ได้...
ผู้ที่ได้รับการเรียกขานว่า ลีออง จึงค่อยๆลืมตาขึ้น นัยน์ตาสีดำของนางสุกใสอย่างชอบใจ ใบหน้าเรียบเฉยเมื่อครู่นี้ปรากฏรอยยิ้มสดใส ซุกซน
ยอมให้ข้าไปได้แล้วใช่ไหม?
เจ้านี่ชอบทำตัวเป็นอย่างนี้อยู่เรื่อย ดูแลมาก็ 299 คน มาก็คนที่ 300 นี่เองที่ผิดเพี้ยนไปจากคนอื่นเขา... เสียงนั้นบ่น
น่า...ข้ายอมลงทุนนั่งนิ่งๆ สวดคำร้อง สวดคำสอนของเจ้ามาตั้งสองคืนกับสองวันกว่าๆแล้วนะ เจ้ายอมให้ข้าออกไปดีกว่า เด็กสาวต่อรองอย่างมั่นใจว่าอีกฝ่ายจะต้องทำตามแน่นอน
เจ้าประท้วงข้ามากกว่า แล้วเจ้าก็รู้ว่าข้าต้องยอม... เสียงนั้นทอดถอนส่งผลให้นางยิ่งยิ้มมากขึ้น
ไม่ต้องมายิ้มดีไป เจ้าเล่นไม่แตะอาหารแตะน้ำ ถึงจิตของเจ้าจะไม่รู้สึกรู้สม แต่ร่างกายของเจ้าย่ำแย่แน่ๆ ไม่เห็นแก่ตัวเองก็เห็นแก่กลาตาโกลา เห็นแก่ผู้ที่ดูแลเจ้าเสียบ้าง
เสียงเอ็ดนั่นทำให้เด็กสาวหน้าม่อยลง อีกฝ่ายจึงอดใจอ่อนไม่ได้ ในที่สุดก็เอ่ยปากอนุญาตในที่สุด
เจ้าไปก็ได้ แต่รอเย็นกว่านี้หน่อย กินข้าวก่อนออกไปเสียด้วย ถ้าออกไปตอนนี้เจ้าจะหน้ามืดเสียเปล่าๆ กลับมาก็อย่าลืมบทสรรเสริญล่ะ...
ได้...
เด็กสาวรับปาก และค่อยๆลุกขึ้นอย่างระมัดระวัง ชุดผ้าลินินเนื้อหนารุ่มร่ามเสียจนนางต้องรวบเป็นกระจุกเพื่อก้าวลงจากแคร่ไม้ซึ่งต่อขึ้นเป็นรูปวงกลม และมีพื้นที่พอให้คนเดียวนั่งเท่านั้น เด็กสาวค่อยๆหยั่งเท้าลงกับพื้นต่อด้วยไม้แล้วปูด้วยพรมทอมือสีเข้มลวดลายงดงามของดวงดาวแห่งผืนฟ้ายามค่ำคืนเพราะรู้ดีว่าการไม่ได้ขยับเขยื้อนไปที่ใดเป็นเวลาสองวันเต็มๆย่อมส่งผลกับร่างกายเป็นแน่ นางจึงยืนอย่างค่อยเป็นค่อยไป
สำรวมหน่อยสิ ต่อให้ไม่มีคนอื่นอยู่ก็เถอะ ข้าเตือนจนปากเปียกปากแฉะแล้ว...
เด็กสาวขี้เกียจเถียงจึงปล่อยให้ชายกระโปรงที่ตนเองขยุ้มเอาไว้เป็นก้อนๆลงเรี่ยพื้น แล้วนางก็นึกขึ้นได้ว่าชุดของตนเองไม่เหมาะที่จะออกไปภายนอก นางจึงเรียกคนที่อยู่ด้านนอกเบาๆผ่านปากของเสียงลึกลับที่นางคุยด้วย
ซู...สัตว์คุ้มครองแห่งลีออง
ปาเช่...
เป็นอย่างที่นางคิด...เขารออยู่ด้านนอกจริงๆ
ชายวัยกลางคนผิวดำเผ่าปาเช่อยู่ในชุดขาวเหมือนเมื่อครั้งแรกที่นางได้พบเขาในกระโจมของตนเมื่อ 5 ปีก่อน ชายชุดขาวเดินผ่านรอยแหวกของม่านที่ใช้ต่างประตูเข้ามา ค้อมศีรษะรับคำสั่งอย่างสงบ โดยมากผู้ที่มาจากหลายเผ่าคัดเลือกส่งมา จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาดูแลดูแลนาง แต่ส่วนมากคนที่เป็นตัวหลักในการดูแลคือ ชายวัยกลางคนผู้นี้ ซึ่งเคยเป็นผู้ดูแลลีอองแต่ละคนมาแล้ว 4 คน
เย็นนี้ข้าพเจ้าจะไปยิงธนู ชุดนี้รุ่มร่ามเกินไป
ซูกล่าวความต้องการของลีอองให้อีกฝ่ายรับรู้
เอ่อ...แต่ว่า... อีกฝ่ายอึกอัก
ซูอนุญาตแล้ว ลีอองเข้าใจกิริยาของอีกฝ่ายว่าอย่างนั้น
มิได้ลีออง... เขาตกใจกับความเข้าใจของนาง จึงรีบละล่ำละลักปฏิเสธ
ข้าคิดว่าท่านเพิ่งจะ...เอ่อ...กลับมาเอง ข้าเกรงว่าร่างกายของท่านอาจจะไม่พร้อม
ข้าพเจ้าสบายดี ถ้ากังวลจะ...กินก่อนก็ได้ ไม่ได้รับฝีมือกับข้าวปาเช่หลายวัน...คิดถึง
ลีอองยิ้มประจบให้อีกฝ่ายซึ่งทำหน้าปลื้มกับคำกล่าวของนาง แล้วรีบกุลีกุจอออกนอกกระโจมไปเพื่อจัดการตามคำสั่งของนางทันที
ปากหวานจังนะ ลีออง เสียงของซูฟังดูขวางๆ
เอาน่า...
ลีอองตอบเพียงแค่นั้น ไม่นานชายชาวปาเช่ก็กลับมาพร้อมกับชุดเก่งที่ลีอองมักใช้ใส่ไปยิงธนู เป็นชุดตัดเย็บบุขนสัตว์เพื่อป้องกันความหนาวเย็น และผู้ที่ตัดเย็บให้ก็ไม่ใช่ใครอื่น เป็นคนที่นางเรียกขานว่า ปาเช่ โดยไม่มีวันรู้ว่าชื่อจริงๆของเขาคืออะไร ชายผิวดำเลี่ยงออกไป ปล่อยให้นางเปลี่ยนเสื้อโดยไม่ได้ช่วยเหลือเหมือนอย่างที่เขาเคยช่วยลีอองคนอื่นๆ
ข้าเปลี่ยนเองได้
นั่นเป็นคำพูดคำแรกที่นางกล่าวหลังจากที่ได้รับเชิญให้มาอยู่เกาะกลางโดก้า ไม่สนใจกับคำอธิบาย และท่าทางเดือดร้อนของเหล่าข้ารับใช้ซึ่งเป็นผู้ชายทั้งหมด เพราะได้รับการสั่งสอนกันมายาวนานว่าควรต้องรับใช้ช่วยเหลือผู้มีอำนาจในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัว เรื่องอาหาร หรือแม้แต่เรื่องที่อยู่ นี่เป็นครั้งแรกของอาการดื้อดึงของลีอองที่สามร้อย และเมื่ออยู่นานไป ผู้รับใช้ลีอองจะรู้กันเองว่า ลีอองไม่ชอบให้ใครแตะต้องร่างกายของนาง ทุกคนก็จะพยายามหลีกเลี่ยง
เมื่อเด็กสาวเปลี่ยนชุดเรียบร้อย ก็กลับออกไปสู่กระโจมด้านนอกซึ่งมีเหล่าผู้รับใช้ทำความสะอาดกันอยู่ ทุกคนตกใจ ไม่คิดว่าลีอองจะเดินออกมาเอง จึงหยุดการกระทำทั้งมวลแล้วนั่งลงด้วยกิริยาสงบเสงี่ยม ที่แต่ละคนสงบได้ ไม่เหมือนกับครั้งแรกๆที่โกลาหลกันทั่วเห็นจะเป็นเพราะเริ่มเคยชินกับลีอองผู้ไม่เคยสนใจจะเก็บเนื้อเก็บตัวตามธรรมเนียม บางวันหากนางนึกจะเดินออกมาก็ไม่มีใครห้ามปรามได้ คนที่ลีอองฟังก็มีเพียงสัตว์คุ้มครองกาย แต่ยิ่งนานวันอินทรีก็คร้านจะตำหนิ เตือนลีอองแล้วเหมือนกัน
ชาวปาเช่เดินเข้ามาพร้อมสำรับอาหาร เขาแปลกใจเมื่อเห็นลีอองเดินออกมากระโจมด้านนอก และข้ารับใช้คนอื่นๆอยู่นั่งอยู่กับพื้นเรียบร้อยจึงเอ่ยถามนางว่า
ท่านต้องการจะรับประทานที่กระโจมนี้หรือขอรับ
ตอนแรกตั้งใจว่าอย่างนั้น แต่ไม่คิดว่าจะทำความสะอาดกันอยู่ ขอโทษที่ทำให้ยุ่งยาก ข้าพเจ้าจะเข้าไปกินข้างใน นางใช้เสียงของตัวเองเอ่ยวาจาโดยไม่ผ่านอินทรีคุ้มครองกาย นั่นทำให้ข้ารับใช้แต่ละคนส่ายหน้าอย่างไม่ได้นัดหมาย เพื่อปฏิเสธพร้อมกับรีบหมอบตัวลงกับพื้นทันที
แม้ว่านิสัยของลีอองคนนี้จะไม่เหมือนลีอองคนอื่นๆ นางมักจะทำตามใจจนไม่มีใครตามทันก็จริง แต่ก็ไม่มีใครรู้สึกไม่ชอบกับการกระทำของนาง เพราะยามที่นางทำผิด นางก็เอ่ยปากขอโทษด้วยตัวนางเอง และหากใครทำอะไรให้นางก็จะบอกขอบคุณโดยไม่สนใจจะสงวนท่าที
ภายในหมู่ผู้รับใช้มักมีเรื่องให้พูดถึงเกี่ยวกับตัวของลีอองกันอยู่ทุกวัน ในตอนแรกมีผู้รับใช้ชายชาวเดอลีผิวขาวตัวสั่นเมื่อตนเองกำลังจะแหวกประตูเดินเข้ามาภายในกระโจม แต่ลีอองซึ่งเดินผ่านออกมาชนเข้าพอดี อย่างที่รู้กันว่าลีอองไม่ชอบให้ใครถูกต้องตัว ชาวเดอลีผู้นั้นจึงรีบทรุดตัวลงคุกเข่าขอขมาอย่างรวดเร็ว และแทนที่ลีอองจะพยักหน้าแล้วเดินผ่านไปเช่นลีอองคนก่อน นางกลับนั่งยองๆ มองชาวเดอลีผู้นั้นในระนาบเสมอกัน
ข้าก็ขอโทษ
นางพูดด้วยเสียงของตัวเอง ไม่ได้ผ่านสัตว์คุ้มครองกาย ยิ่งทำให้อีกฝ่ายตีหน้าไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรกังวลหรือปลื้มใจดี ข้อห้ามหนึ่งของลีอองคือการไม่กล่าวสนทนากับใครด้วยเสียงของตน เขากลัวว่าตนเองเป็นผู้ทำให้ลีอองละเมิดกฎนั้น แต่เมื่อเขากลับมาบอกเล่าให้เพื่อนผู้รับใช้ฟัง แต่ละคนก็บอกว่า ตนเองก็เคยได้ยินเสียงของนาง แต่ส่วนมากแล้วจะเป็นคำขอบคุณ ขอโทษ จะไม่ค่อยมีคำอื่นออกมาจากปากของนางอีก
ข้าบอกแล้วใช่ไหมว่าลีอองไม่สมควรกล่าววาจาใดกับใครโดยตรง ควรให้ข้าเป็นผู้ทำหน้าที่! ซูเคยเอ่ยตำหนินางในเรื่องนี้เช่นกัน พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลรอบที่ร้อยให้นางฟัง
การปฏิสัมพันธ์จะทำให้เจ้าไม่อาจปล่อยวางได้ อย่าลืมสิ...หน้าที่ของเจ้าคือภาชนะแห่งพระแม่ธรณี
แล้วเจ้าว่ามันไม่แปลกหรือที่ให้คนอื่นขอโทษกับขอบคุณแทนตัวเอง ลีอองจึงย้อนถามกลับ
ซูจึงอนุโลมให้ในนางในกรณีนี้
ลีอองเดินนำปาเช่กลับเข้ามาในกระโจมชั้นในของตน ยืนมองเขาจัดสำรับของนางอย่างคล่องแคล่วเพราะคุ้นเคยกับงานของตนดี จากนั้นก็เชื้อเชิญให้นางนั่งลงบนพรมที่นุ่มๆที่ทำจากขนสัตว์ซึ่งวางอยู่ติดกับโต๊ะไม้เตี้ยๆ บนโต๊ะมีอาหารเตรียมไว้แล้ว เมื่อได้เห็นลีอองก็บ่น
ข้าพเจ้าบอกปาเช่ว่าไม่ต้องหาอาหารดีๆเช่นนี้ให้ข้าพเจ้า เราต้องเก็บอาหารไว้สำหรับฤดูธรณีโศกที่จะมาในเดือนหน้า อาหารเช่นนี้เหมาะควรแก่เด็กทารกที่จะเติบโตเป็นนักรบเก่งฉกาจในอนาคตมากกกว่า...
ลีอองโปรดอย่ากังวลไปเลย สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ชาวกลาตาโกลาทั้งแผ่นดินสามารถตอบแทนให้ท่านได้ โปรดรับน้ำใจจากพวกเราไว้เถอะนะขอรับ...
อาหารจากหลายเผ่าเช่น ข้าวโพดของชาวโฮซอน มันสำปะหลังของโลมดา มันเทศของเดอลี ถั่วของปาเช่ นมแพะของเผ่าคาโทผิวเหลือง ฯลฯ แม้แต่เผ่าวานรยังนำกล้วยเป็นเครือมาให้ หรือเมล็ดพืชบางอย่างที่เผ่าวิหคปันมา ฯลฯ แท้ที่จริงไม่ใช่เป็นแค่เป็นอาหารสำหรับลีออง แต่เป็นอาหารสำหรับผู้รับใช้คนอื่นที่อุทิศตนเพื่อดูแลนางด้วย จัดว่าเป็นการตอบแทนเท่าที่แต่ละเผ่าพึงจะทำให้ได้
ในแต่ละเดือนผู้รับใช้จะออกไปรับอาหารปันเหล่านี้ที่แผ่นดินสักครั้ง เป็นข้อห้ามของผู้รับใช้ที่จะกล่าวถึงลีออง หรือการใช้ชีวิตของนาง แต่ธรรมชาติของมนุษย์ทำให้อดไม่ได้ที่จะ กระซิบ บอกความเสียบ้างกับญาติสนิทมิตรสหายของตน ทำให้เรื่องเกี่ยวกับลีอองไม่ใช่ความลับเสมอไป แต่ก็ไม่มีการโจษจันอย่างโจ่งแจ้งเท่านั้นเอง แต่ก็ดีอยู่บ้างตรงที่นิสัยส่วนตัวของลีออง และความเข้มงวดของซูทำให้ไม่ค่อยมีใครรับรู้เรื่องน่าติฉินนินทาของลีออง สิ่งที่แย่ที่สุดที่ออกจากปากของพวกเขาก็คือ
ลีอองชอบฝึกอาวุธ
ลีอองไม่ค่อยเก็บตัว
แต่ทว่าเรื่องการใช้มีดดาบหอกธนู และอาการทำตามใจตนเองของลีอองอาจจะทำให้คนตกใจ แปลกใจ บางส่วนไม่พอใจระคนกังวลว่าพระแม่ธรณีอาจไม่ยอมรับในช่วงแรกๆ แต่อุปนิสัยของเผ่านาฮอนก็เป็นกิติศัพท์อยู่แล้วเกี่ยวกับเรื่องคลั่งการต่อสู้ และไม่ใส่ใจกฎเกณฑ์ การที่จะดับพฤติกรรมที่มาแต่อ้อนแต่ออก รวมทั้งวัฒนธรรมที่ใครสักคนหนึ่งคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็กไม่ใช่เรื่องง่าย นานวันไปคนก็เริ่มทำใจยอมรับ ประกอบกับนิสัยง่ายๆของนางกลับทำให้ผู้คนพอใจมากขึ้น และสุดท้ายเรื่องเล่าเกี่ยวกับนางก็แปรเป็นความชื่นชมในที่สุด
จากคุณ :
peiNing
- [
22 ต.ค. 48 21:53:21
]