CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ลี่หยุนกับขุนศึก ..... ( เรื่องสั้นแนวเกย์ ) เขียนโดย ด๋ง

    ติดตามอ่านผลงานเรื่องอื่นๆของด๋ง ได้ที่นี่ http://misterpolice.bloggang.com/
    และที่นี่ครับ http://www.misterpolice.com

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


    ลี่หยุนกับขุนศึก

    โดย  ด๋ง



             เสียงฝีเท้าอันฉกาจฉกรรจ์เหยียบย้ำผืนหญ้ามาอย่างว่องไว ราวกับเจ้าของฝีเท้าผู้นั้นกำลังหลบหนีผู้ใดผู้หนึ่ง
             เด็กน้อยวัยสิบขวบในชุดอันสกปรกและขาดวิ่นวิ่งฝ่าต้นหญ้ามุ่งเข้าสู่ป่ารกชัดด้วยทีท่าตระหนก เด็กชายผู้นี้มีนามว่า ลี่หยุน เขากำลังหลบหนีการไล่ล่าของจอมมารผู้ชั่วร้ายซึ่งหมายจะเอาชีวิต
             ลี่หยุนหลบหลีกเข้าป่าหมายใช้ต้นไม้อันสูงใหญ่บดบังกายา เด็กน้อยซ่อนตัวอยู่ในซอกหลืบอันมีพุ่มไม้ปกคลุม
             บัดดลกันนั้น บังเกิดเสียงหัวเราะอันน่าสะพรึงกลัวก้องไปทั่วป่า ตามด้วยร่างแห่งจอมมารเหินทะยานผ่านแนวต้นไม้มาอย่างช้าๆด้วยวรยุทธ์อันล้ำลึกพลางสอดส่ายสายตามองหาเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย
             " ฮะ ฮะ ฮะ ฮ่า ลี่หยุน.... เจ้าเด็กน้อยเอ๋ย หากแม้นข้าจับเจ้าได้เมื่อใด ร่างเจ้าจะแหลกเป็นชิ้นๆ "
             โดยมิทันระวัง ลี่หยุนขยับกาย ยังผลให้พุ่มไม้สั่นไหว จอมมารรับรู้ได้ถึงความเคลื่อนไหว ณ ที่แห่งนั้นมันจึงควงร่างพุ่งกายไปยังจุดหมายในทันที ลี่หยุนเผยกายกระโจนออกแล้ววิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต จอมมารลั่นหัวเราะพลางพุ่งตัวติดตามลี่หยุนมาอย่างต่อเนื่อง แต่แล้ว โชคร้ายก็มาเยือน ลี่หยุนสะดุดขอนไม้ล้มลงแล้วถลาไถลไปตามผืนหญ้า จอมมารโถมกายเข้าหาอย่างฉับพลัน ฝ่ามืออันเกรี้ยวกราดของมันโหมกระหน่ำลงมาอย่างไม่ยั้ง
             ครากระนั้นเอง...
             พลันบังเกิดเกลียวร่างสีทองอร่ามตาพุ่งสอดด้ามกระบี่ปัดฝ่ามือจอมมารออก พร้อมซัดพลังปราณเข้าใส่กลางอกจนร่างจอมมารควงทะยานกลับลอยละลิ่วพุ่งชนต้นไม้หักโค่นลงต้นหนึ่ง
             จอมมารกลิ้งไถลไปตามพื้นอยู่ครู่ ก่อนจะทรงตัวลุกขึ้นด้วยโลหิตกระอักปาก มือของมันกุมกระชับแน่นไว้กลางอก
             " เจ้า... เจ้าเป็นผู้ใดกัน บังอาจลอบทำร้ายข้า "
             สายตาจอมมารจ้องมายังบุรุษร่างสูงสง่าในชุดเสื้อเกราะสีทองอร่ามตาอย่างขุนศึกจากเมืองหลวง บุรุษหนุ่มผู้มีใบหน้าคมสันห้าวหาญได้เอ่ยปากตอบไป
             " ข้าเป็นใครไม่สำคัญ แต่เจ้า... ทำร้ายเด็กไร้ทางสู้มิสมเป็นผู้เยี่ยมวรยุทธ์
             " โอหัง... ปากดีนัก ข้าจะสั่งสอนเจ้าให้รู้สำนึกว่ากำลังพูดอยู่กับผู้ใด "
             ลี่หยุนจ้องมองดูชายในชุดขุนศึกด้วยสายตาอ่อนโยน ชายผู้นั้นลดตัวลงพลางลูบศีรษะลี่หยุนคราหนึ่งจึงว่า
             " ข้าจะช่วยขจัดความหวาดกลัวให้เจ้าเอง บุรุษน้อย "
             ฉับพลัน จอมมารถีบทะยานร่างขึ้นฟ้าพลางเผยฝ่ามือทั้งสองออก ขุนศึกรูปงามยืดตัวตรงก่อนหันขวับมาพลางยื่นแขนขวาออกรับฝ่ามือจอมมารไว้พลางตวัดร่างจอมมารให้ลอยละลิ่วออกไป ก่อนจะร่ายกระบี่ทั้งฝักเข้าหา
             สองวรยุทธ์เข้าห้ำหั่นกันด้วยลีลาเหี้ยมหาญ ลี่หยุนจ้องมองดูด้วยความสะพรึงกลัว เพลงยุทธ์ดำเนินไปไม่นาน จอมมารมิอาจต้านทานกำลังอันกล้าแกร่งแห่งขุนศึกได้จึงพลาดท่า ขุนศึกควงร่างขึ้นสู่เบื้องบนพลางโลมพลังฝ่ามืออันหนักหน่วงเข้าใส่ที่กลางกระหม่อมของจอมมารอย่างแรง
             พลังปราณถ่ายทอดลงสู่เบื้องล่าง ยังผลให้จอมมารนัยน์ตาเหลือกค้างเป็นสีขาว โลหิตทะลักพรั่งพรูออกจากทวารทั้งเจ็ดอย่างสยดสยอง ลี่หยุนยกมือขึ้นปิดตาของตนเองแน่น ขุนศึกร่อนกายลงสู่พื้นพลางผ่อนพลังปราณลง เขาสามารถกำจัดจอมมารผู้โฉดเขลาได้โดยที่กระบี่ยังไม่ออกจากฝัก เขาลดตัวลงข้างๆลี่หยุนพลางปลอบโยนเด็กน้อยให้คลายความหวาดกลัว
             " เจ้าเป็นอิสระแล้ว บ้านเจ้าอยู่ที่ใด ข้าจะไปส่ง "
             บุรุษน้อยส่ายหน้าพลางส่งสายตาเว้าวอน
             " ข้าไม่มีบ้าน "
             " แล้วบิดามารดาของเจ้าละ "
             " ไม่มี... ข้าถูกจอมมารจับมาตั้งแต่เล็กๆ "
             " เช่นนั้นข้าก็จนปัญญา "
             ขุนศึกกล่าวจบก็ยืดตัวขึ้น ลี่หยุนจ้องมองเขาคราหนึ่งจึงเอ่ย
             " ให้ข้าติดตามท่านไปเถิด "
             " ไม่ได้หรอก... มันอันตรายมาก "
             " ได้โปรดเถิดท่านขุนศึก ข้าน้อยยินดีเป็นทาสรับใช้ของท่าน ข้าน้อยไม่มีที่ไปอีกแล้ว "
             ขุนศึกจ้องมองแววตาอันไร้เดียวสาและน่าสงสารของเด็กน้อยผ้นั้นด้วยความสับสนในจิตใจพลางคิด
             ..... เด็กน้อยผู้นี้ยังเล็กนัก หากแม้นเราจะปล่อยให้เขาต้องใช้ชีวิตเร่ร่อนเผชิญโชคชะตาไปอย่างไร้จุดหมายคงไม่ได้.....
             " ก็ได้... ข้าจะให้เจ้าติดตามข้าไปสักระยะหนึ่ง "
             เด็กน้อยเผยยิ้มออกมาอย่างร่าเริง และแล้ว ลี่หยุนกับขุนศึกก็มุ่งหน้าสู่เมืองหลวงอันเป็นจุดหมายปลายทางซึ่งขุนศึกรูปงามจะต้องไปปฏิบัติภาระกิจอันสำคัญ
             ในค่ำคืนวันนั้น ทั้งสองก็พักค้างแรมที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง ภายในห้องอันคับแคบราวกับห้องเก็บฟืนนั้น ขุนศึกให้ลี่หยุนนอนบนเตียง ส่วนตัวเขาเองก็เสียสละที่จะนอนบนเก้าอี้ที่เอามาเรียงต่อกัน ลี่หยุนรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของขุนศึกยิ่งนัก เขาลุกขึ้นจากเตียงนอนแล้วเดินมายังขุนศึกซึ่งกำลังเอนกายหลับใหลอย่างสงบ
             ลี่หยุนจ้องมองดวงหน้าของบุรุษรูปงามผู้นั้นด้วยจิตใจอันปั่นป่วน เขาดูคมเข้มและมีเสน่ห์ชวนหลงใหล องอาจห้าวหาญและสง่างามราวกับเทพเจ้าบนสรวงสวรรค์ ความรู้สึกของลี่หยุนนั้นล้วงรู้ว่าชายหนุ่มฉกรรจ์ผู้นี้ยังไม่หลับสนิท ดังนั้น เขาจึงเอ่ยปากไปว่า
             " น... ท่านขอรับ "
             ขุนศึกตอบกลับมาในขณะที่ยังหลับตานั้นว่า
             " มีเรื่องอะไรหรือ "
             ขุนศึกลืมตาขึ้นมองเด็กน้อยผู้นั้น
             " ข้า... ข้าขอบคุณท่านมากที่ท่านช่วยชีวิตข้า "
             " ไม่เป็นไรหรอก "
             ลี่หยุนก้มหน้าลง ดวงตาทั้งคู่ของเขามีน้ำตาคลออยู่จนเต็ม ขุนศึกหนุ่มผุดลุกขึ้นพลางพยุงร่างลี่หยุนขึ้นนั่งบนเก้าอี้พลางถามอีก
             " เจ้าร้องไห้ทำไม คิดถึงบ้านใช่ไหม "
             ลี่หยุนส่ายหน้า เขาจ้องมองดวงตาขุนศึกผู้นั้นพลางกล่าว
             " ยังมีอีกเรื่องที่ข้าอยากจะบอกท่าน "
             " เรื่องอะไรเหรอ "
             " ข้าถูกจอมมารข่มเหง "
             " อะไรนะ !! "
             ดวงตาทั้งคู่ของขุนศึกเบิกโพลง เขาไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องเช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเด็กน้อยผู้นี้ได้
             " จอมมารมิได้เป็นเช่นบุรุษธรรมดาๆ ทั่วๆไป มันชื่นชอบที่จะจับเด็กผู้ชายมาแล้วข่มเหง มันอ้างว่าจะทำให้วิชามารของมันนั้นกล้าแข็งยิ่งขึ้น และข้าก็เป็นหนึ่งในเด็กพวกนั้น ข้าพยายามที่จะหลบหนีหลายครั้ง แต่ก็ถูกมันจับได้ ซึ่งมันก็ลงโทษข้าด้วยการเฆี่ยนตีแล้วข่มเหงข้าจนเจ็บระบบมไปหมด "
             ขุนศึกดึงร่างเด็กน้อยเข้าไปโอบกอดไว้พลางลูบศีรษะเขาด้วยความเอ็นดู
             รุ่งเช้า ทั้งสองจึงเริ่มออกเดินทางมุ่งสู่เมืองหลวงอีกครั้ง ระยะทางนั้นยังอีกไกลนัก การเดินทางก็ลำบาก ต้องฝ่าเปลวแดดกลางทะเลทราย เผชิญอันตรายจากป่ารกที่เต็มไปด้วยสิงสาราสัตว์
             ทั้งสองหยุดพักการเดินทางที่ริมลำธารอันใสเย็น บริเวณนั้นเป็นป่าลึกเกินกว่าที่ชาวบ้านจะเข้ามาเพราะเกรงอันตรายจากสัตว์ป่า ขุนศึกเดินไปยังริมลำธารพลางปลดกระบี่และชุดเกราะออกเพื่อชำระล้างร่างกาย
             ลี่หยุนนั่งกอดเข่าจ้องมองชายผู้นี้ด้วยความพินิจพิเคราะห์พลางยิ้มอยู่ในใจ เรือนร่างภายใต้ชุดเกราะสีทองของเขานั้นช่างงดงามสุดบรรยาย
             หลังจากวันนั้น ทั้งสองก็เดินทางสู่เมืองหลวง ขุนศึกได้ฝากฝังลี่หยุนไว้กับญาติสนิทคนหนึ่งซึ่งเขาไว้วางใจ ส่วนตัวเขาก็เดินทางเข้าไปปฏิบัติภาระกิจในเมืองจนเสร็จสรรพ
             โชคชะตาดลบันดาลให้ทั้งคู่ต้องพรัดพรากจากกัน ขุนศึกผู้นั้นได้รับพระบัญชาจากองค์จักรพรรดิให้เดินทางไปหัวเมืองซึ่งอยู่ไกลโพ้น ลี่หยุนไม่มีโอกาสได้พานพบกับขุนศึกผู้นั้นอีกเลย แม้แต่นาม เขาก็ไม่ยอมเปิดเผยให้ลี่หยุนทราบ
             10 ปี ผ่านไป
             ลี่หยุนลุล่วงเข้าสู่วัยหนุ่ม ร่างกายของเขาสูงขึ้นกว่าเดิมมาก ที่สำคัญ รูปโฉมของเขานั้นกลับดูงดงามสวยสะคราญราวกับอิสตรี จนเป็นที่เลื่องลือกระฉ่อนไปทั่ว เหล่าบุรุษมากมายจากทั่วทุกสารทิศต่างพากันเดินทางแวะเวียนมายลโฉมบุรุษนามลี่หยุนผู้นี้ซึ่งมีใบหน้างดงามกว่าอิสตรีเพศ จนสุดจะหาสตรีใดมาเทียบเทียม

    แก้ไขเมื่อ 23 ต.ค. 48 17:13:34

    แก้ไขเมื่อ 23 ต.ค. 48 17:12:59

    จากคุณ : misterpolice - [ วันปิยมหาราช 17:10:53 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป