CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    อยู่ที่เธอ...คนดี >>เรื่องสั้นหวานๆรับลมหนาว^____^

    อยู่ที่เธอ...คนดี
    โดย “สายลมอิสระ”

    “เฮ้ย...หลบ หลบก่อน”
    เจ้าของจักยานสีเงินวาวตะโกนร้องดังลั่น ไม่รู้ว่าสั่งใครที่เดินอยู่ริมถนนสายเล็ก ๆ ของหมู่บ้านแถบชานเมือง ชาวบ้านที่เดินอยู่ต่างกระโดดหลบ รถจักยานที่มาอย่างรวดเร็ว แต่คนที่เดินออกมาจากทางโค้งพอดีนั้นหลบไม่ทัน

    ชารีหลับตาปี๋อย่างไม่รู้จะทำอะไร เธอรู้แต่มันต้องชน...ชนอะไรสักอย่างแน่ ๆ แล้วตัวเธอก็กลิ้งไปคนละทางกับรถจักยานที่ไม่มีเบรกของเธอเอง

    “เป็นไงบ้าง” พอชารีรู้สึกตัวก็ถูกพยุงขึ้นนั่งก็พบกับสายตาของคนแปลกหน้าที่จ้องมองมาที่ตัวของเธอ

              “เจ็บ” เธอบอกพลางยกแขนขวาขึ้นดู เห็นเป็นรอยแผลยาว ๆ เพราะกิ่งไม้ข่วน ชายแปลกหน้าที่ดวงตาสวยยิ้มจาง ๆ แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าเสื้อ เช็ดใบหน้าที่มอมแมมเปื้อนฝุ่นของชารีเบา ๆ แล้วจับแขนข้างที่เธอว่าเจ็บขึ้นดู
    “แผลถลอกเฉย ๆ ไม่ถึงกับหักหรอกครับ”

    ชารีขมวดคิ้วเข้าหากัน ก็เธอบอกว่าเจ็บนี่นะ แต่ไม่ได้บอกให้เขามาวิจารณ์แล้วก็ทำราวกับว่าเธอเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ ที่เอาแต่นั่งร้องไห้งอแงอย่างนั้นนะ

    “ชารีเป็นอย่างไรบ้าง” เสียงเรียกชื่อของเธอดังขึ้นพร้อมกับที่รถกระบะสีเขียวเข้มมาจอดอยู่ใกล้ ๆ

    “พี่ชัย...” ชารีทำน้ำเสียงอ่อนหวาน ทั้ง ๆ ที่ตัวจริงเธอจะแสนห้าว คนเป็นพี่ฟังแล้วรู้สึกขนลุกขึ้นเฉย ๆ แต่ก็เดินลงมาดูอาการของน้องสาว

    “รถไม่มีเบรกยังปั่นสะเร็ว”
                    คนเป็นพี่ดุ เมื่อพยุงน้องสาวของตนลุกขึ้นยืน เสียงหัวเราะของคนแปลกหน้าทำให้ชารีหันไปมองด้วยสายตาไม่พอใจ เรื่องอะไรมาหัวเราะใส่หน้าคนเจ็บอย่างเธอ
    “อ้าวหมอพลเองหรือ” คนเป็นพี่ทักคนที่กำลังหัวเราะอยู่
    “แล้วคุณชัยวันนี้ไม่ได้ไปดูไร่หรือครับ”
    “ไปครับ แต่ต้องไปส่งยายชารีนี่ก่อน น้องสาวผมเองครับพึ่งมาจากกรุงเทพ” พี่ชายแนะนำให้รู้จัก ชารีมองเมินเจ็บใจที่เขามาหัวเราะใส่ ที่แท้ก็เป็นหมอ แต่หมอที่นี่ทำไมหน้าเด็กอย่างไรไม่รู้
    “ให้ผมดูแผลของน้องสาวคุณก่อนไหมครับ พอคุณกลับมาจากไร่ก็มารับน้องสาวคุณได้พอดี”
    “ดีเลยครับ สายมากแล้ว ฝากด้วยหละกันครับคุณหมอ”
    “พี่ชัย” ชารีเรียกแต่พี่ชายไม่ฟัง เดินไปยกจักยานไว้หลังรถแล้วรีบขับไปปล่อยให้คนที่เป็นน้องสาวยืนทำอะไรไม่ถูกอยู่ตรงนั้น จนมือใหญ่ ๆ มาโอบไหล่เธอ ชารีจึงตวาดเสียงดัง
    “อย่ามาถูกตัวฉันนะ”
    “ผมแค่กลัวว่าคุณจะล้ม” เขาบอกตรง ๆ ยิ้มขัน ๆ กับท่าทางของเธอ “อนามัยอยู่ข้างหน้านี่เองครับ”

    ชารีเดินกะเผลก ๆ ไปตามทางที่หมอหนุ่มชี้ ไม่สนใจว่าเขาจะหัวเราะเรื่องอะไรอยู่ถึงอยากกับบ้าน
    เธอก็กลับไม่ถูก นานหลายปีแล้วที่เธอไม่ได้มาหาพี่ชายของเธอเลย ตั้งแต่ที่พี่ชายมาแต่งงานกับลูกสาวผู้ใหญ่บ้านที่นี่ เธอเคยมาครั้งเดียว ตอนที่พี่ชายมาอยู่ที่นี่เมื่อครั้งแต่งงานใหม่ ๆ แต่ที่แน่ ๆ พี่ชายมีลูกสองคนอายุของคนโตก็หกขวดกว่า ๆ แล้ว

    อนามัยเก่าแต่ไม่ถึงกับโทรมอยู่ตรงหน้าชารี เธอมองอย่างไม่แน่ใจว่าที่นี่เป็นสถานพยาบาลที่พี่ชายบอกว่าดีที่สุดในหมู่บ้านนี้เท่าไร จนเมื่อหมอใหญ่เดินนำหน้าเธอเข้าไปข้างใน

    ชารีนั่งอยู่ในห้องพยาบาลเล็ก ๆ แล้วก็สะดุ้งเมื่อถูกแอลกอฮอร์เช็ดที่แผล

    “แสบนะ” ชารีว่าจะดึงแขนกลับ แต่มือของเขาก็ยึดไว้แน่น
    “ไหนดูสิมีแผลที่อื่นอีกหรือเปล่า” คนเป็นหมอถามแล้วพับแขนเสื้อของเธอขึ้น พลางมองสำรวจตามเนื้อตัวของเธอจนชารีรู้สึกเขินกับสายตาที่มองมาคู่นั้น
    “หน้าแดง ๆ เป็นไข้หรือเปล่า” เขาอังมือที่หน้าผากของเธอ ชารีรีบดึงมือเขาออกทันที
    “เปล่าไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้นหละ” เธอเดินออกมาจากตรงนั้น รู้สึกเจ็บที่ข้อเท้าจะก้มดูก็ห่วงว่าเขากำลังมองดูอยู่ และคงจะเตรียมหัวเราะเมื่อเธอล้มลง
    “ยาแก้ปวดครับ” เขาส่งหลอดยาที่เป็นเนื้อครีมให้เธอแล้วยิ้มบาง ๆ ชารีรับมาแล้วเดินออกมานั่งที่ข้างนอก รอดูที่ถนนว่าเมื่อไรพี่ชายจะมารับเสียที

    พลมองดูเด็กสาวที่ท่าทางหยิ่ง ๆ แล้วอดขำไม่ได้ คนอะไรเจ็บแล้วยังไม่รู้จักเจ็บยังจะมาทำเก่งใส่หน้าหมออีก แต่ก็ดูน่ารักไปอีกแบบ...แบบที่หัวใจของเขาสั่งให้สายตามองเธอนาน ๆ

    ชารีรู้สึกเหมือนว่าตนเองถูกมองอยู่ แต่ไม่กล้าหันไป จนเมื่อได้ยินเสียงขอพยาบาลท่าทางมีอายุพอ ๆ กับแม่ตนเองเข้ามาเรียกหมอ เธอจึงได้หันไป

    ความจริงในที่แบบนี้ควรจะมีสถานพยาบาลที่มีอุปการณ์พร้อม  แต่กลับดูเหมือนว่า ถ้าเกิดชาวบ้านคนไหนที่เป็นอะไรหนัก ๆ ขึ้นมา คงต้องส่งไปโรงพยาบาลในเมืองอย่างเดียว

    พอเริ่มเย็น ๆ หน่อย ก็มีคนเข้ามาใช้บริการที่อนามัยมากขึ้น จนที่ ๆ ชารีนั่งอยู่ ต้องสละให้กับคนแก่ที่เข้ามาหาหมอ

    ชารีมองดูที่ถนน แต่พี่ชายของเธอก็ยังไม่มารับเสียที จะแกล้งกันหรือไงนะ

    “ช่วยไหม” ชารีเดินเข้าไปหาหมอที่ยุ่ง ๆ อยู่เขาเงยหน้าขึ้นมาใบหน้าที่เธอเห็นมีแต่เหงื่อเกาะพราว เขายิ้มละไมก่อนถาม “ช่วยอะไรหละ”

    “ฉันเคยไปอบรมที่สาธารณะสุขจัดขึ้นมานะ อย่าดูถูกกันสิ”

    สรุปว่าวันนี้ชารีเป็นทั้งคนเจ็บและต้องรักษาคนเจ็บด้วย จวบจนเย็นท้องฟ้าครึม พยาบาลคนเดียวในอนามัยก็กลับบ้านไปดูแลลูกและสามี

    เหลือแต่หมอหนุ่มและชารีที่ยังคอยพี่ชายอยู่ ชารีนึกแช่งชักหักกระดูดพี่ชายของเธอในใจ

    “พี่ชัยของคุณกลับเย็นเสมอหละครับ ถ้าเขาไปไร่ก็ต้องดูแลคนงานตั้งมาก กลับช้าเสมอหละครับ”

    “รู้จักพี่ชายของฉันดีจังเลยนะคะ” ชารีอดค้อนไม่ได้

    “ไม่ครับพึ่งรู้ว่ามีน้องสาวสวยและเก่งแบบนี้”

    ชารีแสร้งหันไปมองทางอื่น ไม่กล้าสบตากับคนที่มองอยู่

    “ผมไปส่งที่บ้านดีกว่านะครับ”

    ชารีจำใจต้องเดินตามแผ่นหลังกว้าง ๆ ของเขาลงมาที่ชั้นล่าง เพราะเขาปิดไฟหมดแล้ว คุณหมอเดินไปเข็นรถจักยานมารอ ชารีลังเลนิดหน่อยก่อนที่จะขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายเกาะเอวของหมอ ระยะทางที่เธอปั้นจักยานมาก็ไกลไม่ใช่เล่น

    หมอพลรู้สึกว่ามือเล็ก ๆ ที่เกาะเอวเขาอยู่นั้นสั่นน้อย ๆ ทั้ง ๆ ที่อากาศไม่ได้หนาวเย็นอะไรสักนิด เขาได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากตัวของเด็กสาวที่อยู่ข้างหลัง

    “หมอพลไม่มีคนอื่นมาช่วยงานบ้างหรือคะ”
    “มีเท่าที่คุณเห็นหละครับ” เขาตอบสายตายังมองอยู่ข้างหน้าเสมอ แม้จะอยากมองใบหน้าของคนถามอยู่ก็ตามเถอะ

    "แล้วหมอไม่เหนื่อยหรือคะ” ขารีถามอย่างจริงใจ
    “ก็เหนื่อยครับ...แต่วันนี้มีคนช่วยเลยไม่ค่อยเหนื่อยเท่าไร”
    “แล้วทำไมไม่หาคนมาช่วยหละคะ”
    “ที่ชนบทแบบนี้ ไม่มีใครอยากมาอยู่หรอกครับ” เขามองดูไปรอบ ๆ ที่มีแต่ทุ่งกว้าง
    “อากาศดี ๆ แบบนี้น่าอยู่ออกคะ ชารีอยู่ที่โน้นไม่เห็นสบายแบบที่นี่เลย”น้ำเสียงจริงจังของจนเขาเองอยากรู้ว่า...ถ้าจะให้เธออยู่ที่นี่ตลอดทั้งชีวิตเธอจะอยู่ไหม
    “ชารีชอบนะคะ แต่อีกสี่ห้าวันชารีก็จะกลับแล้ว” เธอพูดแล้วมองดูดอกหญ้าที่พลิ้วไหอยู่กลางทุ่งกว้างสองข้างทาง คนฟังรู้สึกใจหาย

    หมอพลจอดจักยานที่หน้าบ้านสองชั้นที่หลังใหญ่ที่สุดในหมู่บ้านนี้ ชารีลงจากรถมองสีหน้าของอีกฝ่ายที่มองมายังเธอ

    ชารีไม่รู้จะอาลัยสายตาของหมอหนุ่มคนนี้อย่างไร ทั้ง ๆ ที่พึ่งพบกันไม่นานเท่าไร และเธอก็ไม่อยากถูกมองว่าใจง่ายเกินไป ถ้าจะแอบสนใจหมอหนุ่มคนนี้

    “ขอบคุณคะ เอ่อ...พรุ่งนี้ให้ชารีไปช่วยที่อนามัยอีกนะคะ จนกว่าจะกลับกรุงเทพ”

    “ครับ...ด้วยความยินดีครับ”

    หมอหนุ่มยิ้มกว้างก่อนจะที่ปั้นจักยานอกไป และรถของพี่ชายชารีเพิ่มจะเข้ามาจอดอยู่ที่หน้าบ้าน

    “บอกให้รอไง”

    “รออะไรไปตั้งชาติหนึ่ง” น้องสาวงอนเดินเข้าไปในบ้าน ไม่รอดูสีหน้าของพี่ชาย

    พี่ชายหัวเราะเสียงดัง ก็เขาเองนั้นหละที่ไม่มารับตามเวลานัด ก็เพราะอยากให้น้องสาวที่มีชีวิตอยู่แต่ในเมืองรู้ถึงความเป็นอยู่ของชนบทว่าความจริงมันก็ไม่ได้มีอะไรเลวร้ายกว่าที่คิด แล้วจะรู้ว่าทำไมเขาถึงตัดสินใจมามีครอบครัวอยู่ที่นี่

    แต่คงนานกว่าที่น้องสาวขี้งอแงของเขาจะรู้ว่าการมีชีวิตครอบครัวนั้นเป็นอย่างไร.....

    ....END....


    เชิญอ่านงานเขียนในมุม(มอง)ของสายลม(อิสระ)ได้แล้วค่ะwww.samewaymag.com/saylom.htm

    จากคุณ : สายลมอิสระ - [ 25 ต.ค. 48 19:22:31 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป