กิจวัตรที่ฉันทำทุกๆวัน ซ้ำไปซ้ำมาด้วยจังหวะคงที่แน่นอน ตื่นแปดโมงห้าสิบ นอนขลุกตัวอำลาความขี้เซาสิบนาทีไม่ขาดไม่เกิน ลุกจากเตียงเก้าโมงเช้า บีบยาสีฟันยาวหนึ่งเซนติเมตร บ้วนปากสามสิบวินาที ยิ้มให้ตัวเองในกระจกหนึ่งครั้งเพื่อสำรวจความสะอาดของฟัน ล้างหน้าแล้วนำครีมไปเก็บวางที่ตำแหน่งเดิมเอียงทำมุมสี่สิบห้าองศากับขวดครีมบำรุง ขวดต่างๆถูกจัดวางให้เว้นช่องไฟห่างกันสองเซนติเมตรพอดิบพอดี ความเป็นระเบียบเรียบร้อยถูกที่ถูกทางและกิจวัตรที่ซ้ำเดิมทุกวันทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัย
จริงๆแล้วงานการกำกับตัวอักษรที่ฉันทำอยู่นับเป็นงานที่ให้อิสระเสรีมากระดับหนึ่ง ฉันเองก็ไม่ชอบการอยู่ใต้ระเบียบกฏเกณฑ์ที่ถูกกำหนดโดยคนอื่น แต่กลับมีความสุขที่ได้ใช้ชีวิตภายใต้กฎระเบียบที่กำหนดขึ้นเองภายใต้ความอิสระของชีวิต
กาแฟดำที่เพิ่งถูกกลั่นออกมาจากเมล็ดกาแฟคั่วเสร็จส่งกลิ่นหอมมาเตะจมูก เหมือนเป็นสัญญาณบอกฉันว่าพร้อมแล้วที่จะมอบพลังชีวิตในวันนี้ให้กับฉัน กาแฟเป็นเครื่องดื่มแห่งความขัดแย้ง กระแสหนึ่งว่ากาแฟเป็นเครื่องดื่มที่พระเจ้าประทานให้เป็นของขวัญแก่มนุษย์ อีกกระแสกลับว่ากาแฟเป็นสารกระตุ้นที่ไม่มีประโยชน์อันใดกับร่างกาย แต่สำหรับฉัน กาแฟเป็นน้ำมันหล่อลื่นชั้นดีให้กับสมองอันฝืดเคืองในยามเช้า โดยเฉพาะกาแฟดำ อันเปรียบเสมือนน้ำมันบริสุทธิ์ที่ปราศจากการปรุงแต่ง
น้ำมันหล่อลื่นหมดไปสองแก้วใหญ่ เข็มสั้นของนาฬิกาเดินทำมุมเป็นระยะทางเกือบสี่สิบห้าองศาแล้ว ฉันก็ยังไม่สามารถปลุกปั้นตัวอักษรให้มาร้อยเรียงกันอย่างใจอยากได้ ฉันเชื่อว่าพยัญชนะไทยสี่สิบสี่ตัวที่อยู่ในมือของนักเขียนแต่ละคนมีคุณสมบัติไม่ต่างกัน แต่การจัดเรียงลำดับตัวอักษรในมือบางคน สามารถสร้างผลงานที่อ่อนหวาน ขำขัน หรือเกรี้ยวกราดอย่างทรงพลังได้น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ในขณะที่นักเขียนบางคน ไม่สามารถสื่อสารให้ตัวอักษรแสดงได้อย่างใจ ไม่ต่างอะไรกับฉันในขณะนี้ หลังจากอ่านทวนย่อหน้าแรกของเรื่อง อันเป็นย่อหน้าสุดท้ายที่ฉันเขียนค้างไว้เป็นรอบที่ห้าสิบหก ฉันจึงตัดสินใจหยุดพัก เป็นอันว่าการร่ายเวทย์มนตร์เรียกตัวอักษรมาต่อแถวกันเป็นเรื่องราวในเช้าวันนี้ไม่เป็นผลสำเร็จ
ยามที่หัวสมองตีบตัน ฉันชอบที่จะหาเรื่องออกไปเดินเล่นเพื่อให้อากาศได้พัดผ่าน เผื่อว่าจะมีความคิดใหม่ๆระบายออกจากสมองบ้าง สำหรับเที่ยงวันนี้ ฉันตั้งใจจะลงลิฟท์จากห้องพักบนชั้นสามสิบสองไปยังร้านขายของชำด้านล่างสุดของตึกคอนโด เพื่อจะไปซื้อบะหมี่สำเร็จรูปซึ่งจริงๆแล้วฉันมีเก็บไว้อยู่อีกสองโหลในบ้าน และนำบะหมี่นั้นขึ้นไปรับประทานที่สวนจำลองบนชั้นสี่สิบอันเป็นดาดฟ้าของตึก อาจเป็นแผนการเดินทางที่ฟังดูแล้วไม่มีเหตุผล แต่จริงๆแล้วมีเหตุผลหลายข้อในตัวเอง หนึ่งก็คือ ฉันจะรู้สึกมั่นคงและปลอดภัยเมื่อมีบะหมี่สำเร็จรูปสำรองไว้เป็นเสบียงไม่ต่ำกว่าสองโหล สองคือ การเดินทางจากชั้นสามสิบสองลงไปชั้นหนึ่ง และจากชั้นหนึ่งขึ้นไปชั้นสี่สิบ เป็นการหาเรื่องเพิ่มระยะทางการ เดินเล่น ตามแนวดิ่ง เพื่อเปิดโอกาสให้สมองได้อู้นานขึ้นอีกนิดหนึ่ง และสุดท้ายคือ แม้ความเขียวร่มรื่นบนชั้นดาดฟ้า จะเป็นความเขียวจำลอง แต่ก็เปรียบเสมือนโอเอซิสของตึกใหญ่ที่ฉันอาศัยอยู่ น่าจะมีความหนาแน่นของออกซิเจนให้สมองได้สูดดมมากกว่าในห้องพักเล็กๆของฉัน
ก่อนออกจากบ้าน ฉันไม่ลืมที่จะเดินกลับไปตรวจลูกบิดประตูซ้ำเป็นครั้งที่สองให้แน่ใจว่าลงกลอนแล้ว อันเป็นอีกหนึ่งกิจวัตรที่ฉันทำเสมอ
ฉันก้าวเท้าเข้าไปในลิฟท์ด้วยเสื้อยืดย้วยๆสีขาวกับกางเกงวอร์มสีดำ อันเป็นเสมือนชุดเครื่องแบบของการอยู่บ้าน ในลิฟท์ขนาดสองคูณสองจุดห้าเมตรมีชายหนุ่มอายุราวสามสิบยืนอยู่ที่มุมหนึ่ง ฉันกดลิฟท์ด้วยสันข้อนิ้วกลาง ด้วยไม่อยากให้ปลายนิ้วมือต้องสัมผัสกับสิ่งสกปรกที่ปุ่มกด แล้วจึงเข้าไปยืนประจำตำแหน่งที่อีกมุมหนึ่ง ชายหนุ่มแปลกหน้าหันมายิ้มให้ฉันเล็กน้อย รอยยิ้มที่ถูกส่งผ่านริมฝีปากบางๆคู่นั้นดูแฝงความหมายมากกว่าการยิ้มทักทายตามปกติ ฉันรู้สึกว่าเขากำลังยิ้มขบขันกับท่วงท่าการกดลิฟท์ของฉัน อย่างไรก็ตาม เขานับว่าเป็นชายหนุ่มที่หน้าตาได้รูป ฉันยิ้มตอบ
ชายหนุ่มแปลกหน้าคงมีฟีโรโมนบางอย่างปล่อยออกมากระตุ้นให้หัวใจฉันเต้นด้วยจังหวะที่เร็วผิดปกติ ความเงียบสงบภายในพื้นที่ปิดรูปลูกบาศก์ขนาดเล็กแฝงไว้ด้วยความร้อนที่ถูกปะทุออกมาเพียงวูบที่สายตาของฉันกับเขาปะทะกัน ฉันต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการบังคับให้เสียงหายใจเป็นไปอย่างแผ่วเบาและเนิบนาบ ฉันอยากยืดเวลาของการเดินทางตามแนวโน้มถ่วงของโลกครั้งนี้ให้ยาวนานออกไป จะได้มีเวลาให้ฉันได้รู้จักกับเพื่อนร่วมทางมากกว่านี้
คำขอของฉันเป็นผล จู่ๆลิฟท์ก็หยุดนิ่งเหมือนติดเบรกเอบีเอส พร้อมๆกับไฟที่ดับวูบลง เพื่อนร่วมชะตากรรมของฉันอุทานเสียงดัง ในขณะที่ฉันนิ่งเงียบ
ขอโทษครับ ... เอ่อ คือ ไม่ตกใจเลยเหรอ เสียงของเขาลอยมาในความมืด
นิดหน่อยค่ะ ฉันโกหก จะให้ตกใจได้อย่างไร ก็ฉันตั้งใจอธิษฐานให้เกิดสถานการณ์แบบนี้ขี้นมาเอง
เดี๋ยวผมจะกดปุ่มเรียกคนมาช่วย ฉันได้ยินเสียงร่างกายเขาขยับไปมา รู้สึกว่าร่างกายของเขาน่าจะห่างจากฉันไม่เกินหนึ่งช่วงศอก กลิ่นของเขาโชยมาเตะจมูก
เวลาเดินไปหลายนาที ขณะที่เราทั้งคู่อยู่กันตามลำพังในความมืดมิด หัวใจของฉันยังเต้นรัว ฉันกลัวว่าเสียงหัวใจเต้นจะแทรกผ่านความเงียบไปกระทบหูเผยพิรุธให้เขารู้
ฉันจึงพูดขึ้นทำลายกำแพงความเงียบนั้นเสีย เมื่อกี้ คุณยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไร ตอนฉันเข้ามาในลิฟท์
หือ ... เปล่านี่ครับ ก็ยิ้มทักทายตามปกติ คุณสงสัยอะไรเหรอ ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงแฝงความเจ้าเล่ห์
เราอาจจะขาดอากาศตายในลิฟท์ด้วยกันวันนี้ก็ได้นะ พูดตามตรงออกมาดีกว่า
ฮ่า ฮ่า เอางั้นเลยเหรอครับ เดี๋ยวก็มีคนมาช่วยแล้ว แต่เอาเหอะ ผมบอกตามตรงก็ได้ ฉันรู้สึกได้ถึงไออุ่นในตัวเขาที่ขยับเข้ามาใกล้
ผมยิ้มท่ากดลิฟท์ของคุณนะ น่ารักดี แล้วพอคุณยิ้มตอบผมก็ ... เขาทำท่าเหมือนช่างใจว่าจะพูดต่อดีหรือไม่
หลังจากม่านตาของฉันเริ่มปรับให้เข้ากับความมืด ฉันก็เริ่มเห็นใบหน้าของเขารางๆ สีหน้ากรุ้มกริ่มของเขาชวนให้ค้นหายิ่งนัก ฉันอยากให้ช่วงเวลาแห่งความน่าอึดอัดนี้คงอยู่ไปนานๆ
ก็ ... อะไรเหรอคะ ฉันคาดคั้น รู้สึกไปเองถึงปฏิกริยาเคมีที่เกิดขึ้นระหว่างฉันกับเขา
ยังไม่ทันที่เขาจะตอบ ลำแสงสว่างจ้าก็ถูกส่องออกมาจากช่องว่างระหว่างประตูลิฟท์ที่ถูกเผยอขึ้นด้านบน ลำแสงนั้นพาดผ่านกลางระหว่างเราทั้งสอง
มาช่วยแล้วครับ เสียงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ฉันไม่อยากได้ยินดังแสบหู
ชายหนุ่มยิ้มกว้าง พอคุณยิ้มตอบ ทั้งกลิ่นและภาพก็ฟ้องผมว่า คุณคงเพิ่งกินกาแฟดำมา คือ ... ผมเป็นหมอฟันน่ะครับ เลยช่างสังเกตุแต่เรื่องพวกนี้
ฉันนิ่งอึ้งกับคำตอบ รู้สึกหัวเบาโหวง เขาหันมายิ้มให้อีกครั้งแล้วเดินจากฉันไป
ฉันปล่อยให้น้ำจากฝักบัวสายฝนไหลพาดผ่านตัว ชำระล้างคราบความสกปรกตามแขนขาที่ติดมาจากการปีนออกจากลิฟท์เมื่อครู่ หวนคิดไปถึงช่วงเวลาประมาณห้านาทีที่ฉันกับชายหนุ่มแปลกหน้าถูกขังอยู่ด้วยกันในห้องสี่เหลี่ยม แม้ฉากจบจะไม่สวยหรูดั่งฝัน แต่เมื่อคิดถึงกลิ่นกายของเขา ความรู้สึกตื่นเต้นวาบหวามก็ไหลหลั่งมา ฉันค่อยๆขยับข้อมือขึ้นลงไปมา แววตาขี้เล่น จมูกโด่งเป็นสัน ต้นคอที่หนาแน่นทำให้ฉันหวั่นไหวจนต้องกดน้ำหนักมือแรงขึ้น ฉันค่อยๆเร่งจังหวะเร็วขึ้นเรื่อยๆเมื่อคิดถึงรอยยิ้มของเขา ฉันขยับข้อมือแรงขึ้น แรงขึ้นจนเริ่มเจ็บ ในที่สุดฉันก็บ้วนปาก แล้วตั้งใจว่า ต่อไปนี้ จะแปรงฟันให้สะอาดแบบนี้ทุกครั้งหลังกินกาแฟดำ
======================
แวะเยี่ยมชมต่อได้ในblogนะคะ มีเรื่องสั้น และ ความเรียงอิงเพลงโปรด
ขอบคุณสำหรับคำติชม เพื่อการปรับปรุงค่ะ
จากคุณ :
Cafe_noir
- [
27 ต.ค. 48 10:57:28
]