CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    คุณ..... คุณเขียนอะไรอยู่ ?

    คุณ!
    คุณ!!
    คุณนั่นแหละ เป็นใครไปไม่ได้นอกจากคุณ

    คุณเคยเด็กกว่าวันนี้ ส่วนวันนี้คุณโตกว่าเมื่อวาน คุณเคยว่างเปล่าร้างฝัน วันหนึ่ง ฝันก่อเกิด แต่คุณกลับยังรู้สึกว่างเปล่าในบางหน

    คุณเคยหัดอ่านหนังสือ เมื่ออ่านคล่อง คุณเริ่มสนุกไปกับการอ่าน ความสนุกเลยเถิดไปจนถึงการเห่อเหิมคิดอยากเขียน คุณจึงเริ่มหัดเขียน

    คุณรู้ว่าโลกนี้มีเรื่องราวให้เขียนไม่มีวันหมด แต่คุณกลับไม่รู้จะเขียนถึงอะไรดี คุณเคยถามตัวเองว่า ต้องเผชิญอารมณ์หลากลาญสักเพียงใด ถึงจะสร้างงานเขียนดีๆขึ้นมาได้ คุณรู้สึกว่าเหมือนถามคำถามนี้ขึ้นเมื่อวาน ดังนั้นวันนี้ยังเร็วไปที่จะได้คำตอบ

    คุณมองดูทุกสิ่งรอบข้าง คุณลังเล แต่แล้วกลับค่อยๆละเลียดรายละเอียด เฟ้นเก็บวันละนิดละน้อย คุณเริ่มเขียนอะไรสั้นๆออกมา ตัวหนังสือของคุณแม้ไม่เจ๋งจั๋งดั่งมืออาชีพที่เคยอ่าน แต่มีความฮึกเหิมอยู่ในนั้น ความสดของมือใหม่ สิ่งที่ไม่มีใครสามารถขโมยหรือลอกเลียนได้ ความรู้สึกครั้งแรกของการเริ่มต้น

    คุณเชื่อในคำกล่าวที่ว่า แค่ศรัทธาในชีวิตตัวเอง แล้วเขียนสิ่งที่คุณรู้ออกมา


    คุณเขียนและอ่าน อ่านและเขียน เคียงควบกันไปแบบนี้ จนชั่วขณะหนึ่ง เริ่มรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่าง เมื่อพิจดูงานเขียนของตนเอง คุณพบความคิดเห็นต่างๆอยู่ในนั้น ความคิดนั่นมันคือ ข้อคิดคำพูดของใครต่อใครที่คุณอ่านพบ นั่นเหมารวมทั้งภาษาและลีลาคละเคล้าปนเปกันอยู่ คุณอยากถอยหนี ความสับสนกำลังเล่นเจ้าล่อเอาเถิดกับความมั่นใจ

    คุณเคยผยอง แต่วันหนึ่งคุณถึงเพิ่งรู้ว่า ตัวเองเป็นแค่อึ่งอ่างน้อยในกะลาคว่ำใบจิ๋ว คุณรู้สึกอึ้งตะลึงในความงั่งงันของตน แต่แล้วคุณก็ยิ้มออกมา คุณรู้สึกดีที่ได้รู้ขนาดของกะลาที่ครอบคุณอยู่ คุณจึงวิ่งหนีจากกะลาจิ๋วใบเดิมๆ คุณรู้ดีว่าถึงจะหนีจากใบเดิมได้ แต่อาจติดตรึงได้อีกในกะลาอีกใบ แต่คุณไม่สน คุณสนเพียงแค่ว่า ขอให้กะลาที่ครอบนั้น ใบใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้นทุกครั้งที่คุณรู้ตัวว่าโดนครอบ

    คุณจึงยังเขียน และเขียน เรียนรู้ที่จะเขียน


    วันที่ผ่านมา คนที่ผ่านมา อารมณ์ที่ผ่านมา ความคิดที่ผ่านมา ผ่านมา ผ่านแล้ว ผ่านไป รู้ตัวอีกที คุณก็กำลังเขียนไม่ออกเสียแล้ว ไม่รู้จะเขียนถึงอะไร ไม่มีประเด็นติดค้างในใจคุณ คุณรู้สึกว่าความสำนึกรู้ในสิ่งต่างๆของคุณกำลังจะหายไป

    คุณกำลังคิดว่าตัวเองถูกความเบื่อหน่ายขนาดมหึมาขบเคี้ยว แต่เป็นตัวคุณเองต่างหากที่กำลังเคี้ยวกลืนความเบื่อหน่ายขนาดมหึมานั่นทุกวี่วัน

    คุณรู้สึกตันตึ้บ ผงคาร์บอนในดินสอมิได้ป้ายลงบนกระดาษแม้เพียงน้อย คุณกำลังถูกความเฉื่อยเนือยกัดกิน คุณเพรียกหาลูกบ้าที่เคยมี คุณนึกอยากทำอะไรห่ามๆ แต่คุณไม่ใช่คนแบบนั้น คนพันธุ์มันๆที่ชอบสิ่งแปลกใหม่ท้าทาย คุณมันพวกย่ำต๊อก แต่คุณต้องการอะไรสักอย่างมาฉุดขึ้นไปจากดปลักตมนี้ การกระทำผิดแปลกเท่าที่คุณคิดสรรค์ได้

    คุณคิดอยากลองเดินเข้าไปฝากเงินในธนาคารโดยสวมหมวกกันน็อก
    คุณอยากเปิดร้านข้าวมันไก่แต่แขวนเป็ดพะโล้ไว้เต็มตู้กระจกหน้าร้านหรือกลับกันโดยเปิดร้านข้าวหน้าเป็ดแต่แขวนไก่ต้มไว้แทน
    คุณอยากแก้ผ้าคาบนกหวีดไว้ในปากแล้วยืนโบกรถกลางสี่แยกไฟแดง

    หมดแล้ว คุณคิดอะไรห่ามๆได้เท่านี้ แล้วคุณก็กลับไปนั่งจ๋อย เค้นเขียนอะไรสักอย่าง เรื่องราวของความอ่อนแอ คุณอยากเผื่อแผ่อารมณ์ขี้แพ้ให้คนรอบข้างได้สัมผัส คุณหวังว่าเขาจะเห็นใจ แต่เปล่าเลย ทุกคนต่างส่ายหน้าด้วยความเบื่อหน่ายและเอือมระอา


    คุณเบื่อประโยคที่ว่าหากท้อแท้ ให้มองดูผู้คนที่ย่ำแย่กว่าตัวเอง คุณไม่ชอบใจเอาเสียเลย คุณคิดว่ามันเป็นความคิดในแบบยกตนข่มท่าน แล้วคุณก็นั่งมองดูโลกใบนี้ ความทุกข์อันเกลื่อนกล่น ความผิดหวังสิ้นท่า โศกนาฏกรรมความตายอันหลากหลาย คุณมองดูแต่ไม่ได้หวังบรรลุเพื่อลอยพ้นลับขึ้นไปตรงทางช้างเผือก คุณรู้ตัวว่ายังมีกิเลส คุณเรียกมันเพื่อเอาใจตนเองว่า กิเลสบริสุทธิ์ ความมุ่งหวังในการเขียน


    คุณไม่อยากคิดว่าดีกว่าคนอื่น คุณอยากคิดแค่ว่า เราแตกต่างกันเท่านั้นเอง เผชิญโลกผจญปัญหาของใครของมัน คุณคิดอยู่เสมอๆว่า คนปกติธรรมดาเกิดมาครบถ้วนนี่แหละที่มักท้อแท้กว่าคนอีกหลายคนที่ร่างกายขาดตกบกพร่อง คุณคิดว่า คนที่เกิดมาแบบนั้นต้องมีใจฮึดสู้กว่าคนธรรมดาหลายเท่านัก ร่างกายที่ต่างไปนั้นคงไม่เหลือที่ว่างให้ความทดถ้อมาประจุไว้มากนัก

    คุณครุ่นคิด และเลิกครุ่นคิด ช่วงชีวิตบางตอน คุณรู้ดีว่า บางเรื่องราวเขียนได้เฉพาะบางช่วงเวลาเท่านั้น


    ในวันที่ดินสอไม่ถูกลาก จะทำอย่างไรได้เล่า ? หลับตาหรือลืมตา คุณรู้ตัวว่ากำลังใช้ชีวิตอยู่แต่กลับรู้สึกเหมือนไม่ได้ใช้ชีวิตทำอะไรเลย การเริ่มต้นผ่านมาแล้ว การหยุดนิ่ง คุณก็ได้ลิ้มลองมาแล้ว และคุณรู้ว่ายังมิได้ก้าวไปไหนเลย

    เวลานี้แม้ไม่รู้ว่าจะใช้ชีวิตอย่างไร แต่เวลาข้างหน้าไม่แน่ อาจผ่อนคลายหรือตีบตันมากขึ้น ใครจะไปสู่รู้ได้ ก็แค่เขียน เขียนไว้ในความคิด หรือเขียนไว้บนกระดาษ


    ก็แค่ก้าว ย่ำโลกหรือหยุดนิ่ง ถ้าขาแข็งก้าวไม่ออกก็นั่งพัก บางทีระหว่างพัก คุณอาจใช้เวลานั่งเหลาดินสอไปพลางๆ และคุณอาจนึกถึงเวลาที่ผ่านมา และรับรู้ว่าคุณไม่ได้เคลื่อนที่ไปไหนเลย คุณคงอยากเคลื่อนที่บ้าง เคลื่อนที่จากความอ้างว้างไปหาความสับสน เคลื่อนที่ไปหาหุบเหว แม่น้ำ ผู้คนแปลกหน้า เมืองต่างแดน ทุ่งราบในห้อมแหนหุบเขา เคลื่อนที่ไป อาจจมลงสู่ความว่างเปล่าหรือพุ่งขึ้นสนทนากับความสับสน

    แต่พอคุณได้พิกัดเหมาะๆ ปัดฝุ่นโต๊ะ เก้าอี้ ที่แบกมา คุณก็ได้ฤกษ์ นั่งเอ้เต้ ควักดินสอแหลมๆขึ้นมากับกระดาษ... . .

    เมื่อนั้น คุณคงรู้นี่ว่าควรทำเยี่ยงไร ?

    .......................................

    จากคุณ : อุปกรณ์ประกอบฉาก - [ 28 ต.ค. 48 10:22:25 A:203.113.81.38 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป