บรรยากาศปลายเดือนตุลาคมปีนี้ยังคงอบอุ่น แม้ว่าในตอนเช้าจะมีหมอกเจือจางอยู่บ้างก็ตาม ผมนั่งเงียบอยู่ในรถตั้งแต่ขึ้นมา คนอื่นๆ ที่โดยสารมาก็เช่นเดียวกัน รถแล่นไปตามทางราดยางที่ร้างไร้ผู้คน มุ่งสู่จุดหมายอันลางเลือนเบื้องหน้า
ภารกิจนี้จะผิดพลาดไม่ได้ เสียงพูดของหัวหน้าหน่วยยังดังก้องในหัว หากพวกคุณไม่สามารถจับและนำอุปกรณ์ของ ด็อกเตอร์ เมฆล่อง มาได้ ก็ให้ทำลายทิ้งทั้งหมด
เพราะอะไรครับ เสียงของลูกหน่วยคนหนึ่งถามขึ้น ภารกิจส่วนใหญ่ที่พวกเขาทำนั้น ส่วนใหญ่ก็จะเป็นการลอบเร้นและทำลายเป้าหมายอย่างเงียบเฉียบ แต่ไม่มีเลยสักครั้งที่จะเอิกเริกเช่นนี้ เพราะการทำลายตึกทั้งตึกลงมานั้น ต้องใช้ระเบิดอนุภาพสูง และนั่นก็ยิ่งจะกลายเป็นเป้าสนใจได้
พวกคุณเคยได้ยินเกี่ยวกับทฤษฎีบิกแบง พอเห็นสีหน้าของลูกหน่วยทั้งหมด จึงหันไปพยักหน้าให้กับชายแก่ใส่แว่นอีกคนหนึ่ง ที่อยู่รอท่าอยู่ด้านข้าง
ผมขอสรุปสั้นๆ เกี่ยวกับทฤษฎีบิกแบง พอให้พวกคุณเข้าใจความสำคัญของงานนี้ก็แล้วกัน พลางหยิบแผ่นภาพขึ้นมาวางทาบกับกระดานปฏิบัติการด้านหลัง
ทฤษฎีบิกแบง เป็นทฤษฎีที่อธิบายกำเนิดของจักวาลที่เราอาศัยอยู่ โดยบอกว่าทุกอย่างที่เราเห็น ไม่ว่าจะเป็นดวงดาวต่างๆ กาแล็กซี หรือแม้แต่อนุภาคที่ตามองไม่เห็น ล้วนเกิดมาจากการระเบิดครั้งใหญ่จากจุดบนพื้นที่อันว่างเปล่า เหตุที่มีคนเชื่อกันทฤษฎีนี้กันหลายคน ก็เพราะมาจากการสังเกตการณ์ในปัจจุบัน พบว่าดาราจักรทั้งหลายที่เราเห็นกันอยู่บนท้องฟ้า กำลังเคลื่อนที่ห่างออกจากเราทุกที นั่นก็หมายความว่าพวกมันมีจุดเริ่มต้นมาจากจุดใดจุดหนึ่ง
ท่านศาสตราจารย์ช่วยสรุปให้สั้นลงหน่อยครับ หัวหน้าหน่วยส่งเสียงกระแอมขึ้นขัดจังหวะ
ผมกำลังสรุปอยู่ คุณอย่าเพิ่งขัดซิ มาต่อ
การระเบิดนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร นั่นก็มีหลายทฤษฎีที่มีคนคิดขึ้นมาอธิบาย แล้วก็มีตัวบทหนึ่งในควันตัมฟิสิกส์ บอกว่าปรากฏการณ์บิกแบงนั้นเกิดขึ้นมาจากความผันผวนทางควันตัมแบบสุงโต่ง โดยอธิบายว่าเมื่อรวมพลังงานในเอกภพทั้งหมดเข้าด้วยกัน จะมีค่าพลังงานเท่ากับ 0 หรือจะสรุปง่ายๆ ก็คือ จักรวาลทั้งมวลนั้นว่างเปล่าที่ไม่มีอะไรเลย
มันจะเป็นอย่างนั้นได้หรือครับ แล้วดวงอาทิตย์ ดวงดาวอื่นๆ ไม่ได้มีพลังงานหรือครับ ลูกหน่วยอีกคนหนึ่งขัดขึ้น ขณะที่ชายแก่ใส่แว่นแสดงสีหน้าไม่พอใจอีกครั้ง เมื่อถูกขัดจังหวะ
ผมบอกแล้วไง ให้ฟังผมพูดให้จบก่อนค่อยถาม อย่างที่คุณเข้าใจนั่นก็ถูกต้องแล้ว มวลของดาวต่างๆ ที่เราเห็นนั้น เกิดมาจากพลังงานบวก แต่ในขณะเดียวกันคุณอย่าลืมพลังงานอีกแบบหนึ่ง นั่นก็คือสนามพลังงานแรงโน้มถ่วง ซึ่งด้วยตัวของมันเองจะมีค่าติดลบ แรงโน้มถ่วงของวัตถุต่างๆ ในจักรวาลนั้นจะมีค่าผกผันยกกำลังสอง ดังนั้นเมื่อนำพลังงานของมวลจากวัตถุใดวัตถุหนึ่ง มาหักล้างกับค่าแรงโน้มถ่วงมันก็จะมีค่าเท่ากับ 0 ทีนี้มีอะไรสงสัยก็ถามมาได้
ผมก็ยังสงสัยอยู่ว่า มันเกี่ยวกับเรื่องภารกิจที่เราจะต้องไปทำอย่างไรครับ ลูกหน่วยคนเดิมถามขึ้น
เกี่ยวซิทำไมจะไม่เกี่ยว เพราะผลงานของ ด็อกเตอร์ เมฆล่อง ที่กำลังทำอยู่นั้น เป็นการสร้างเครื่องเร่งอนุภาคพลังงานสูง เพื่อรวมแรงทั้งสี่ในเอกภพเข้าด้วยกัน เพื่อจำลองเหตุการณ์บิกแบง แต่รู้ไหมที่น่าตลกก็คือ เครื่องนั่นไม่มีทางรวมแรงทั้งสี่ได้หรอก แต่จากการวิเคราะห์ของทีมวิจัยแล้ว พบว่ามันส่งผลตรงกันข้าม ผลที่ว่านั้นอาจจะนำหายนะมาสู่จักวาลทั้งหมดที่เราเห็นอยู่ ว่าแล้วก็หยุดอยู่ครู่หนึ่ง ครั้งนี้ไม่มีใครพูดขัดขึ้น
ด้วยตัวเครื่องเร่งอนุภาคที่ ด็อกเตอร์ เมฆล่อง สร้างขึ้นนั้น ไม่อาจจะสร้างพลังงานมากพอที่จะรวมแรงทั้งสี่ได้ แต่มันมากพอที่จะสร้างปรากฏการณ์การชนของเบรนซึ่งเป็นมิติซ้อนทับตามทฤษฎีได้ว่าไว้ การชนที่เกิดจากเครื่องนี้จะทำให้เกิดผลได้เพียงแค่สองอย่างคือ หนึ่งเกิดอนุภาคขนาดเล็กหนึ่งตัว หรืออีกทางก็เป็นการทำลายอนุภาคขนาดเล็กเพียงหนึ่งตัว
อ้าว
แล้วแบบนี้มันก็ไม่สงผลกระทบอะไรเลยซิครับ ลูกหน่วยอีกคนหนึ่งถามขึ้น เพราะดูจากผลการทำงานของเครื่องอะไรนั่นแล้ว ก็ไม่น่าจะส่งผลกระทบมากมายนัก
ผิดถนัด นั่นกลับเป็นหายนะแห่งจักรวาลที่แท้จริง อย่างที่ผมพูดไปแล้วในตอนแรกพลังงานในจักรวาลเมื่อรวมกับมีค่าเท่ากับ 0 ดังนั้นหากเกิดอนุภาคหรือการทำลายอนุภาคเพียงตัวเดียว เพียงตัวเดียวเท่านั้น เขากล่าวย้ำ ทุกอย่างที่เราเห็นกันอยู่จะเปลี่ยนแปลงไปหมด เพราะค่ารวมของพลังงานจะไม่เป็น 0 อีกต่อไป ทีนี้เข้าใจหรือยัง
แล้วผลที่จะเกิดล่ะครับ ถ้า ด็อกเตอร์ เมฆล่อง เปิดเครื่องนั่นได้สำเร็จ ลูกหน่วยคนหนึ่งถามขึ้นด้วยสีห้าประหวั่นพรั่นพรึง
ผลของมันนะเหรอ เรามีแต่ทฤษฎีที่เป็นไปได้ เช่น หากเจ้าเครื่องนั่นทำให้เกิดอนุภาค สภาพกาล-อวกาศที่เราอาศัยอยู่ก็จะเปลี่ยนไป อย่างที่เรารู้กัน เราอยู่ในโลกที่มีสามมิติ อันได้แก่ความกว้าง, ยาว,สูง และผนวกมิติทางเวลาเข้ามาเพิ่มอีกหนึ่งมิติ ดังนั้นการเพิ่มอนุภาคที่ไม่มีที่มาอีกหนึ่งตัว จะทำให้มิติที่มีอยู่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม นั่นก็ทำให้กฎทางฟิสิกส์ที่เราเข้าใจเดิมนั้นจะใช้ไม่ได้อีกต่อไป สสารต่างๆ ที่เรารู้จักจะเปลี่ยนสถานะไปจากเดิม น้ำอาจจะแข็งกลายเป็นหิน หินอาจจะกลายเป็นโคลน แม้แต่ร่างกายของเราก็ไม่อาจจะคงสภาพเดิมอยู่ได้เพราะอะตอมของคาร์บอนก็จะเปลี่ยนคุณสมบัติไปจากเดิม
และอีกทางหนึ่งหากเครื่องนั่นทำลายอนุภาคไปหนึ่งตัว ผลมันก็เลวร้ายพอๆ กัน ต้องเข้าใจกันก่อนว่า ในจักรวาลที่เรามองเห็น พื้นที่ว่างเปล่าระหว่างหมู่ดาวต่างๆ นั้น แท้จริงแล้ว มันไม่ได้ว่างเปล่าอย่างแท้จริง มันเป็นทะเลของอนุภาคขนาดเล็กจนเราไม่สามารถตรวจจับได้ ถักทอเป็นสายใยเอกภพ พุ่งผ่านดวงดาว ทะลุผ่านตัวเราอยู่ตลอดเวลา ตัวอนุภาคพวกนี้มันเดินทางอย่างอิสระในโลกสี่มิติ หากเกิดมีอนุภาคตัวหนึ่งขาดหายไป เส้นใยที่สานต่อกันก็จะขาดและขยายวงกว้างลามไปทั่ว ผลที่เลวร้ายก็คือทุกอย่างที่เราเห็นในปัจจุบันมันก็จะหายไปหมด หรือเรียกให้ถูกก็คือ มันจะทำให้สภาพที่เราอยู่ในปัจจุบันนั้นจะกลายเป็นสภาวะสมดุลย์เทียมทันที มิติที่เราเห็นกันอยู่ก็จะยุบถล่มลง เพื่อหาทางให้อนุภาคอยู่ได้อย่างมีเสถียรภาพ มีอะไรสงสัยอีกไหม
ครับ พวกเราไปได้กันหรือยัง
+++++++++++++++++++++++++++++++++
รถหยุดในป่าข้างทาง หน่วยปฏิบัติพิเศษช่วยกันขนข้าวของต่างๆ ลงมา ภาพของชายแก่ใส่แว่นแวบเข้ามาในหัว
ขณะนี้ผลการทดลองของ ด็อกเตอร์ เมฆล่อง ใกล้สำเร็จแล้ว โครงการวิจัยของเขา ได้ทุนมาจากบริษัทต่างประเทศ หากตอนเข้าไปจับกุม เขาพยายามจะทำอะไรให้จัดการได้ทันที
สภาพภายนอกของตึกวิจัย ไร้การคุ้มกัน เปิดเพียงไฟส่องสว่างแค่สองดวงเท่านั้น หน่วยปฏิบัติการเริ่มเคลื่อนที่เข้าไปในตัวตึก กลิ่นของดอกไม้กลางคืนลอยอยู่ทั่วบริเวณ แล้วสัญญาณให้เข้าลงมือก็ถูกส่งออกมา การบุกเป็นไปอย่างรวดเร็วดุจสายลมพายุ ห้องหับในตึกถูกตรวจค้นหมด แต่ไม่พบเงาของ ด็อกเตอร์ เมฆล่อง
พบเขาแล้วอยู่ในห้องใต้ดิน เสียงดังมาจากทางวิทยุแจ้งให้ทราบ คนอื่นๆ ในหน่วยต่างกรูกันลงไปในห้องใต้ดิน
ประตูเหล็กติดล็อคด้านใน เสียงดังสะท้อนไปทั่วทางเดินเข้าสู่ห้องใต้ดิน
ระเบิดมัน ชั่วขณะเพียงเวลาในถึงหนึ่งนาที ด้วยการปฏิบัติการอันเฉียบขาดประตูห้องที่ทำจากเหล็กกล้า ก็บิดเบี้ยวปลิวกระเด็นออกมา
ด็อกเตอร์ ล่องเมฆ คุณทำอะไร เสียงตะโกนก้อง ปรากฏร่างชายชุดขาว กำลังกดปุ่มอยู่หน้าเครื่องมือรูปร่างคล้ายถังเหล็กแวววับ มีสายไฟโยงใยเข้าสู่ตัวเครื่องเต็มไปหมด
ปังๆๆๆๆๆๆ เสียงกระสุนรัว ร่างของด็อกเตอร์ ล่องเมฆ ปลิวไปตามแรงกระสุน สีหน้าแสดงความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส แต่เขายังไม่สิ้นลมทันที และทิ้งคำพูดสุดท้ายที่สร้างความตกตะลึงเอาไว้ให้ทุกคนในห้องได้ยิน
ในที่สุด ก็ไม่มีใครหยุดการทดลองผมได้
พลันปรากฏเสียงดังกระหึ่ม ดังมากจากถังเหล็กแวววับ กลับสั่นสะเทือนหัวใจของคนที่อยู่ในห้องทั้งหมด พริบตาแสงพร่างพรายก็ปรากฏขึ้นที่ตัวถัง ไม่มีใครหยุดการทดลองนี้ได้ตามที่ ด็อกเตอร์ล่องเมฆว่าไว้จริงๆ เพียงครู่หนึ่งแสงสว่างนั้นก็หายไป หัวใจที่ตกวูบของทุกคนก็คลี่คลายไป
เรายืนนิ่งอยู่พักหนึ่งเพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างเป็นปกติดี เมื่อแน่ใจว่าเครื่องนี้ไม่ส่งผลใดๆ ทุกอย่างเป็นปกติ ผมและลูกหน่วยคนอื่นๆ รีบช่วยกันวางระเบิดตึกนั้น เพื่อกลบฝังทำลายผลงานที่ไม่มีสำเร็จของด็อกเตอร์ล่องเมฆ
มีเสียงติดต่อเข้ามาทางวิทยุสื่อสาร เพื่อสอบถามความคืบหน้าของการปฏิบัติการ ผมรีบตอบกลับไปทันที
ปฏิบัติการเส็ดสิ้นแว้ว ชานจับเปงมานมายด้าย แต่มายมีปังหาอาราย คนอื่นๆ กะลังวางระเบิดอยู่ คาดว่าคงใช้เวลาอีกนิดนุ่ง ก็เส็ดแร้ว เด๋วจะติต่อกลับละกัน งุงิ
++++++++++++++++++++++++++++
หมายเหตุ เพื่อความเข้าใจตอนจบ
ในด้านฟิสิกส์อนุภาค มีทฤษฎีหนึ่งว่าถึงการเดินทางของอนุภาคต่างๆ ว่า การเดินทางจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งนั้นจะมีเส้นทางที่เป็นไปได้หลายๆ เส้นทางเดินเกิดขึ้น แต่ตัวอนุภาคเองจะเลือกเดินทางในเส้นทางที่เป็นไปได้มากที่สุดในการเดินทางไปถึงจุดหมาย กระนั้นเส้นทางอื่นๆ ก็มิใช่ว่าจะถูกละทิ้ง เส้นทางอื่นๆ ที่อนุภาคต่างๆ สามารถเดินทางไปได้นั้น จะแยกออกมาเป็นประวัติศาสตร์อีกหลายประวัติศาสตร์ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับเส้นทางประวัติศาสตร์เดิม
และด้วยทฤษฎีนี้ การเพิ่มหรือลดอนุภาคที่ไม่เคยมีอยู่ในเอกภพ อาจจะทำให้เส้นทางประวัติศาสตร์รวมทั้งหมดในเอกภพนั้นเบี่ยงเบนไปจากเส้นทางปกติที่ควรจะเป็น เสมือนหนึ่งการย้ายเลนของรถไฟ ตัวรถไฟก็ยังแล่นต่อไปได้ แต่คนที่อาศัยอยู่ในรถไฟจะเห็นภูมิทัศน์ที่แตกต่างไปจากเดิม โดยที่ไม่รู้ตัวมาก่อนว่าเส้นทางประวัติศาสตร์เดิมที่เดินอยู่นั้นได้เปลี่ยนเส้นทางไปแล้ว
แก้ไขเมื่อ 29 ต.ค. 48 05:36:03
จากคุณ :
egotech
- [
29 ต.ค. 48 05:24:45
]