ทุกคน ยกเว้นผมคนเดียว
ทุกคน ยกเว้นผมคนเดียว
ทุกคนในที่นี้หมายถึงชาวบ้านที่อยู่ในละแวกนั้น รวมทั้งผู้คนที่เดินสัญจรไปมาผ่านต้นมะม่วงต้นนั้นในเวลากลางคืน ไม่เว้นแต่ไอ้นวยเพื่อนซี้ของผมเพราะไม่กี่วันที่ผ่านมามันโดนหลอกจนเกือบตายหลังกลับจากส่งผมเข้าบ้าน มีแต่ผมเท่านั้นที่ไม่เคยกลัวผีสาวผูกคอตายคนนั้น อาจเป็นเพราะผมยังไม่เคยเจอจะๆ รวมถึงนิสัยของผมที่ทุกคนรู้ว่าผมเป็นนักเลงเลือดร้อนมีเรื่องกับเขาไปทั่วไม่เคยกลัวใครหน้าไหน จนชาวบ้านต่างก็ยกให้ผมเป็นขาใหญ่ประจำหมู่บ้าน ถ้าผมกลัวผี คงเสียฟอร์มแย่ แต่ที่ผมไม่กลัวคงเพราะผมมีสติสัมปชัญญะดีพอ เจออะไรที่ไม่แน่ใจ ผมจะต้องพิสูจน์ให้รู้แน่ชัดเสียก่อน แต่คนอื่นไม่มีใครคิดอย่างผม เพราะทุกคนต่างก็กลัวผีสาวตนนั้น ถ้าไม่จำเป็นไม่มีใครกล้าเดินผ่านต้นมะม่วงต้นนั้นในเวลากลางคืน และต่างก็ลือกันว่าเคยมีผู้หญิงผูกคอตายที่นี่เมื่อหลายสิบปีก่อนเพราะผิดหวังในความรัก ผมไม่เชื่อเรื่องนี้หรอก เพราะเธอตายมาตั้งนานทำไมเพิ่งจะมาอาละวาดเมื่อสองปีที่ผ่านมานี่เอง
คืนนั้น เกือบห้าทุ่มแล้ว ฝนที่ตกตั้งแต่หัวค่ำยังคงตกปรอยๆ ผมกลับจากงานวันเกิดไอ้นวย มันขับรถมอเตอร์ไซค์มาส่งผมแค่ถนนใหญ่ มันอ้างว่าต้องรีบไปส่งเพื่อนอีกคนที่มาด้วยกัน ผมเข้าใจเพราะคืนนั้นที่ถูกผีหลอกมันถึงกับต้องเข้าโรงพยาบาล ผมจึงต้องเดินกลับเข้าบ้านเพียงคนเดียว ผมเดินผ่านสวนของชาวบ้าน มีต้นไม้ปลูกไว้หลายชนิดไม่ว่าจะเป็นทุเรียน เงาะ มะม่วง กล้วย ส่วนมากจะปลูกไว้เพื่อรับประทานกันเอง เหลือก็อาจเอาไปขายในตลาดบ้าง ไม่ได้ทำกันอย่างจริงจัง ในสวนจึงมีหญ้าขึ้นค่อนข้างรกและไม่มีความสว่างจากหลอดไฟ ผมต้องอาศัยแสงจันทร์เป็นเครื่องนำทางกลับบ้าน ผมเดินมาตามทางเท้าที่ทุกคนใช้สัญจรไปมา เมื่อเดินมาถึงต้นมะม่วงต้นนั้น จิตใต้สำนึกสั่งให้ผมเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น แต่ผมก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงผู้หญิงร้องเรียก
พี่ เ อ ก ก ก ก ก ก ก ก เสียงของเธอดังมาจากใต้ต้นมะม่วงต้นนั้น ห่างออกไปราวสิบเมตร
ผมพยายามตั้งสติ หายใจเข้าลึกๆ ใช่ผีเหรอเปล่า ทำไมรู้จักชื่อผมด้วย เอายังไงก็เอากันวะ ผมคิดในใจ มองไปทางต้นกำเนิดเสียง เห็นเพียงเงาตะคุ่มของผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ ผมเธอยาวมาก แต่ฝนที่ตกลงมาทำให้ผมเธอค่อนข้างยุ่ง ผมเห็นหน้าเธอไม่ชัด แต่ดูจากรูปหน้าของเธอ ผมเดาว่าเธอคงจะเป็นผู้หญิงที่สวย รูปร่างเธอก็สูงและได้สัดส่วน ผมเห็นเงาของเธอที่เกิดจากแสงจันทร์ทอดยาว มีเงา คงจะไม่ใช่ผี ผมตัดสินใจเดินเข้าไปหาเธอ
ใครเหรอ ผมร้องถามขณะที่เดินเข้าไปช้าๆเพื่อดูปฏิกิริยาจากฝ่ายตรงข้าม เธอยังคงยืนนิ่ง
พี่ เ อ ก จำ ห นู ไ ม่ ไ ด้ เ ห ร อ อ อ
คำตอบของเธอทำให้ผมชะงัก พยายามนึกว่าเธอเป็นใคร ผมไปทำอะไรเธอไว้หรือเปล่า ผมมองดูรอบๆเพื่อทีเธอไม่ได้มาคนเดียว อาจจะมีเพื่อนหรือแฟนมาด้วย หรือเธอเป็นนางนกต่อที่คู่อริของผมส่งมา
เธอเป็นใครกัน อย่ามาล้อเล่นกันนะ ผมขู่ เริ่มใจคอไม่ดี แต่ยังควบคุมสติได้ และอยากพิสูจน์ให้รู้ว่าเป็นผีหรือคนกันแน่ ผมจึงก้าวเท้าไปหาเธออย่างช้าๆ
พี่ ไ ม่ ก ลั ว ห นู เ ห ร อ เธอทำเสียงยาน แต่เมื่อเห็นผมเดินตรงเข้าไปหาเธอ เธอรีบเดินถอยหลัง ผมรู้ว่าทันทีว่าเธอเป็นใคร
โธ่ นึกว่าใคร เธออย่ามาหลอกฉันให้ยากเลย ทำไมเธอต้องมาหลอกชาวบ้านด้วย ผมเปลี่ยนความรู้สึกจากกลัวมาเป็นโกรธแทน
เ ห อ เ ห อ ชั้ น จะ ฆ่า แ ก เธอยังทำเสียงยาน ไม่สนใจที่ผมพูด
ทันใดนั้นฟ้าก็แลบจนเกิดแสงสว่างเหมือนแฟลช ผมเห็นหน้าเธอชัดๆ หน้าเธอเหี่ยวย่น ดวงตาข้างหนึ่งถลนออกมานอกเบ้า ฟันหน้าซี่ใหญ่ยื่นออกมา มีรอยเลือดเปรอะไปทั่วปากและจมูก
จะบ้าแล้วเหรอ ผมตะโกนใส่เธอ ผมเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปหาเธอ ตอนนี้เธอกลับมากลัวผมแทนแล้ว เพราะเธอยกมือไหว้ เมื่อผมเดินมาถึงตัวเธอ
พี่ขา เธอขอร้อง ปล่อยหนูไปเถอะนะ อย่ามายุ่งกับหนูเลย
ไม่ได้ ผมทำเสียงดุ ไอ้นวยเพื่อนชั้นมันถึงกับช็อค ต้องเข้าโรงพยาบาล จนนอนจับไข้หลายคืน เกือบเป็นบ้าไปเลย หลังจากโดนเธอหลอกเมื่อคืนก่อน เธอไม่รู้หรอกว่าคนที่กลัวผีจนขึ้นสมองมันเป็นยังไง ผมพูดพร้อมพยายามหายใจเข้าลึก อารมณ์โมโหอย่างรุนแรงเริ่มเข้าครอบงำ
หนูขอโทษคะ หนูไม่ได้ตั้งใจ หนูขอโทษ
ไม่ต้องมาขอโทษ รีบกลับบ้านไปซะ อย่าให้ต้องโมโห ผมตะโกนเสียงดัง เดินเข้าไปหา พยายามจะคว้ามือของเธอ
โอ๊ย ผมร้องลั่น เอามือกุมแก้มซ้าย เจ็บและแสบมาก เลือดไหลซึม ตอนนี้อำนาจความโกรธครอบงำจิตใจผมจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
ผมทะยานเข้าไปคว้าเชือกเส้นใหญ่จากมือเธอ ที่เธอคงเอามาใช้ผูกคอ
อยากตายนักใช่ไหม ผมร้องอย่างบ้าคลั่ง ขณะเอาเชือกรัดคอเธออย่างแรง
ผมรัดคอเธอแน่นขึ้น ขณะที่ร่างของเธอเริ่มทรุดลงอย่างช้าๆ มือทั้งสองพยายามไขว่คว้า เธอดิ้นทุรุนทุราย แต่ทำได้แค่เอามือทั้งสองข้างมาเกาะเชือกที่รัดรอบคอเธอไว้ ไม่นานร่างของเธอก็นิ่งไม่ไหวติง ผมปล่อยเชือก หายใจหอบ เธอคงตายแล้ว ผมก้มลง เอื้อมมือไปดึงหน้ากากยางออกจากใบหน้าเธอ
คราวนี้คงได้เป็นผีสมใจแล้ว ผมตะโกนใส่หน้าเธอ ความโกรธยังคงพลุ่งพล่าน
ผมพยายามสร้างหลักฐานอำพรางความผิด หยิบเชือกมาทำเป็นบ่วงเพื่อคล้องคอเธอ จับร่างเธอแขวนไว้บนต้นไม้ ภาวนาให้คนที่มาเจอเธอคิดว่าเธอเป็นผี แล้วรีบวิ่งหนีไปไกล จะได้ไม่รู้ว่าเธอเป็นคนที่เพิ่งถูกฆ่าตาย ไม่ใช่ซิ เป็นคนที่เพิ่งผูกคอตายต่างหาก ถ้าเป็นอย่างที่ผมคิดไว้ กว่าที่จะมีคนรู้คงเป็นพรุ่งนี้เช้า
รุ่งขึ้นมีคนพบผู้หญิงผูกคอตายที่ใต้ต้นมะม่วง หลายคนจำได้ว่า เป็น อีแสง หญิงสาววัยรุ่นขาพิการสติไม่สมประกอบอยู่กระต๊อบท้ายสวนใกล้ๆบ้านผม ชาวบ้านหลายคนวิจารณ์ว่าเธอถูกผีใต้ต้นมะม่วงหลอกหลอนและจับผูกคอจนตายเพื่อให้มาหลอกชาวบ้านต่อ บางคนบอกว่าเธอผูกคอตายเพราะบ้า ผมเดินเลี่ยงไม่ร่วมวงสนทนากับพวกเขา กลัวว่าใครจะจับพิรุธผมได้ ผมโล่งใจเมื่อรู้ว่าตำรวจที่มาชันสูตรพลิกศพลงความเห็นว่าเธอผูกคอตาย
หลังจากนั้น ทุกคนต่างเลิกกลัวผีสาวใต้ต้นมะม่วง เพราะไม่มีใครเห็นเธออีกเลย
ทุกคน ยกเว้นผมคนเดียว
จากคุณ :
raksakul
- [
29 ต.ค. 48 17:42:15
]