"ห้องของเราอยู่ชั้น 3 ด้านในสุด ร้างมากเลย
อ้าว แล้วไม่มีเพื่อนข้างห้องบ้างเหรอ
ห้องข้างๆ เคยเจอครั้งเดียว วันที่ย้ายเข้า ดูท่าทางแปลกๆยังไงไม่รู้ เราทักก็ไม่ทักตอบ
คิดมากมั้ง เค้าอาจจะไม่เห็นแกก็ได้ แล้วท่าทางเขาเป็นยังไงเหรอ
ผอมๆ ใส่แว่น ตาขวางๆยังไงไม่รู้
ก็คล้ายๆแกน่ะสิ
แค่ นี้ นะ
นั่นคือครั้งแรก ที่เธอเอ่ยถึงเขาให้ผมฟัง ตั้งแต่เธอต้องไปทำงานใช้ทุนที่โคราช ในขณะที่ผมยังต้องเรียนต่อที่กรุงเทพ ความสัมพันธ์ของเรา ก็ยิ่งเหมือนเส้นขนานที่ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้มาบรรจบ แต่ผมก็ยังพยายามโทรหาเธอทุกวันที่มีเวลา ผมพยายามอย่างยิ่ง ที่จะรักษาเส้นใยบางๆที่เชื่อมเราทั้งสองให้คงอยู่
+++++++++
เธอเปลี่ยนไปมากในช่วงหลังๆนี้ เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่สดใสร่าเริง แต่เธอก็ไม่เคยดูซึมเศร้ามากอย่างที่เป็นอยู่นี้
เซ็งมาก วันๆไม่รู้จะคุยกะใครเลย รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นอากาศธาตุ
เริ่มเข้าใจความรู้สึกของเจ้าหมาที่ถูกส่งไปกับยานอวกาศแล้วล่ะสิ ผมแหย่เธอด้วยเรื่องราวจากหนังสือเล่มโปรดของเรา
วันๆเรานั่งตัดแต่ชิ้นเนื้อ จนเริ่มรู้สึกว่าจะคุยกะเซลล์ในแผ่นสไลด์ได้แล้ว
นี่แก พูดเล่นใช่ไหม ผมเริ่มเป็นห่วง
เธอไม่ตอบ
ทำไมไม่ลองคุยกับพวกเจ้าหน้าที่ในแล็บล่ะ
แกก็รู้ เรารู้สึกว่าเราแปลกแยกจากคนอื่นในโลกตลอดเวลา เหมือนว่าโลกที่เรารับรู้มันต่างจากโลกที่คนอื่นๆรับรู้ เพียงแต่โดยร่างกายแล้วเรายังอยู่ในโลกใบเดียวกันกับคนอื่นๆ เรา
ตั้งแต่เกิดมาเราไม่เคยรู้สึกว่าเรา เข้าพวกกับใครได้ ยิ่งมาเป็นหมอ ยิ่งรู้สึกว่าเราเป็นแกะดำในฝูงเสื้อกาวน์ขาว
แต่แกก็ต้องพยายามพูดคุยทั่วๆไปกับคนอื่นบ้าง เพื่อสังคมน่ะ
ถ้าให้ฉันต้องใส่หน้ากาก คุยผิวเผินกับคนพวกนั้น ฉันคุยกับเซลล์ในกล้องจุลทรรศน์ยังดีซะกว่า
ฉันไม่เคยรู้สีกอย่างแก และฉันก็ไม่เข้าใจสิ่งที่แกพูดทั้งหมดหรอก แต่แกรู้ใช่ไหมว่าฉันพยายามที่จะเข้าใจแกนะ คุยเรื่องอื่นดีกว่า แล้วผู้ชายคนนั้นล่ะ หนุ่มข้างห้องแกน่ะ
อืม ก็มีเรื่องแปลกอีกแล้ว เมื่อวานตอนเย็น เราเห็นหน้าห้องเขาคล้องสายยูไว้ แบบปิดจากด้านนอกน่ะ แต่พอเราเข้าห้องได้ไม่นาน เรากลับได้ยินเสียงอาบน้ำดังมาจากห้องเขา แล้วก็เสียงกุกกักๆ ดังเป็นระยะ พอตกดึกก็ได้ยินเสียงเพลง เป็นเพลงบรรเลงไวโอลิน ฟังดูโหยหวนมากๆ
เขาอาจจะกลับมา แล้วอาบน้ำ ฟังเพลงพักผ่อนก็ได้
เป็นไปไม่ได้ เราไม่ได้ยินเสียงเปิดประตูเลย
อืม หรือว่า เขาขังหญิงสาวที่ปฏิเสธรักไว้ข้างใน เอ หรือ มีอะไรที่ไม่ใช่คนอยู่ในนั้น ผมแหย่
เฮ้ย ไม่คุยด้วยแล้ว
ระวังน้า ...
+++++++++
ตู๊ดดดด ตู๊ดดดดด
ฮัลโหล...
เราเอง เสียงเธอเบามากจนเหมือนกระซิบ
อ้าว ทำไมโทรมาดึกจัง
เรากลัว.... เราได้ยิน...เสียงเหมือนเสียงไวโอลิน ดังมาจากห้องข้างๆ ผมต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการจับใจความ
เขาก็คงสีไวโอลินเล่นยามดึกมั้ง ไม่น่ามีอะไรนี่ ใจเย็นๆ หายใจเข้าออกลึกๆ แกอยู่ในห้องของแกเอง เขาเข้ามาทำอะไรไม่ได้หรอก
นั่นแหละ ที่เรากลัว ตอนที่เราอาบน้ำอยู่เมื่อเย็น เรารู้สึกเหมือนได้ยินเสียงคนมาบิดที่ลูกบิดประตู แต่พอเรารีบออกมาจากห้องน้ำ เสียงก็เงียบไป ก่อนนอน เราเลยรีบดันตู้เสื้อผ้าไปขวางประตู แล้วก็เอาลูกบอลกับของมาวางเกะกะตามพื้น
นี่ เอามีดด้วยไหม
เราไม่ได้พูดเล่นนะ ถ้าเสาร์นี้มาหา เอามาให้หน่อยได้ไหม
ถ้าแกเป็นขนาดนี้นะ ลาออกเถอะ กลับมาอยู่กรุงเทพด้วยกันดีกว่า
มันทำได้ที่ไหนล่ะ แกก็รู้ เป็นหมอมันไม่มีสิทธิเลือกทางเดินของตัวเองหรอก
โอเค โอเค ผมรีบหยุดเธอก่อนที่ประเด็นโลกแตกจะผุดขึ้นมาเพิ่ม
แกเข้านอนนะ ปล่อยโทรศัพท์ไว้อย่างนี้แหละ ไม่ต้องวาง ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นตะโกนเลยนะ เหมือนมีฉันนอนอยู่ข้างๆไง ในที่สุดผมก็หาวิธีทำให้เธอยอมเข้านอนได้
+++++++++
ผมไม่อยากเลย แต่ผมก็ต้องผิดคำพูดที่บอกไว้กับเธอ เนื่องจากมีการผ่าตัดบุคคลระดับวีไอพีที่โรงพยาบาล แพทย์ผู้น้อยอย่างผมจึงถูกตามตัวไปเป็นกำลังเสริม หลังจากที่ผมบอกข่าวร้ายกับเธอ ว่าผมไม่สามารถไปหาเธอที่โคราชได้ เธอมีคำตอบรับข่าวร้ายเพียงสั้นๆให้ผมว่า
ค่ะ
นั่นเป็นสัญญาณอันตรายบางอย่างบ่งบอกว่าเธอกำลังเครียด เธอมักจะกลายเป็นคนสุภาพมากเมื่อเครียด คล้ายกับหอยตัวเล็กที่รีบกลับเข้าเปลือกแข็งเพื่อหลบภัย เธอกำลังมุดเข้าเปลือกของเธอ
ผมใช้เวลาตัดสินใจไม่ถึงสิบนาทีหลังจากวางหู แล้วตกลงกับตัวเองว่า ไม่ว่าคืนนี้จะเสร็จงานดึกแค่ไหน ผมจะต้องขับรถไปหาเธอ ผมกลัว กลัวว่าเส้นใยบางๆที่ยึดเราไว้ด้วยกันกำลังจะหายไป
+++++++++
ผมแวะเติมน้ำมันให้รถและเติมกาแฟให้ท้องที่ปากช่อง ดอกไม้ช่อใหญ่ที่วางตัวอยู่เบาะหลังส่งกลิ่นมาทักทายกลิ่นกาแฟในมือผม ผมเหลือบดูเวลา ห้าทุ่มสิบห้านาที ถ้าทำเวลาดีๆ เจ้าดอกไม้คงจะได้ไปอยู่ในมือเธอก่อนเที่ยงคืน
ตู๊ดดดดด ตู๊ดดดด
ฮัลโหล
มันมาแล้ว ... มันมาแล้ว ... มันมาแล้ว ... เสียงของเธอในแบบที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน
อะไร แกเป็นอะไร
มันมาแล้ว ... มันมาแล้ว ... มันมาแล้ว ... เธอพูดซ้ำไปซ้ำมา
ผมจัดแจงใส่แฮนด์ฟรี แล้วกดคันเร่งอย่างไม่คิดชีวิต เสียงของเธอไร้ความรู้สึก เธอพูดเป็นจังหวะ เว้นช่วงสม่ำเสมอราวกับเทปที่ถูกบันทึกไว้แล้ว มีเสียงอะไรบางอย่างแทรกเป็นจังหวะสลับกับเสียงของเธอ
มันมาแล้ว
มันมาแล้ว
มันมาแล้ว
เหมือนเสียงน้ำหยด เป็นจังหวะ ใจผมเต้นรัว
ใจเย็นๆ ผมกำลังจะไปถึงแล้ว ใจเย็นๆนะ สูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ
+++++++++
ทันทีที่ผมผลักประตูห้องเธอเข้าไป ภาพที่ปรากฎเบื้องหน้าถูกส่งเข้ามายังจอประสาทตา สัญญาณประสาทสั่งให้กระเพาะอาหารของผมบีบตัวเป็นจังหวะ จนกาแฟรสดีที่ดื่มไปเมื่อครู่ต้องถูกขย้อนออกมา
ผนังห้องสีขาวเปรอะเปื้อนไปด้วยหยดเลือดสีแดงเข้มราวกับหยดหมึกที่ถูกสะบัดออกจากปลายพู่กันของจิตรกรเอก ข้อเท้าขวาของเธอถูกผูกติดกับขื่อ มันถูกมัดอย่างแน่นหนาจนเชือกกินเข้าไปในเนื้อของเธอ ร่างเปล่าเปลือยซีดขาวห้อยกลับหัวแกว่งไปมา เรือนผมยาวดกดำที่ผมเคยลูบไล้จุ่มลงบนกองเลือดเบื้องล่าง ไม่ต่างจากปลายพู่กันที่จุ่มลงในน้ำหมึก เลือดสีแดงเข้มยังไหลรินจากข้อมือซ้ายของเธอเหมือนไม่มีวันจะหยุด ตาอันเบิกโพลงจ้องมายังผมแต่ปราศจากซึ่งความรู้สึกใดๆ เธอเป็นแค่ถุงหนังที่ห่อหุ้มเนื้อเยื่อและกระดูกที่ไร้ซึ่งวิญญาณ ไม่น่าเป็นไปได้ ผมยังได้ยินเสียงเธอผ่านทางโทรศัพท์ตลอดเวลาที่ขับมา
ผมได้กลิ่นคาวเลือดเกือบทุกวันในห้องผ่าตัด แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่กลิ่นจะรุนแรงและอบอวลเท่าครั้งนี้
+++++++++
ขอบคุณมากครับ คุณหมอ เราได้บันทึกคำให้การของคุณไว้แล้ว แต่ผมยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับคำให้การของคุณอยู่อีกจุดหนึ่ง
ครับ ผมตอบรับอย่างเหนื่อยอ่อน
เท่าที่ผมได้ข้อมูลมา บนชั้นที่ผู้ตายอาศัยอยู่ ห้องอื่นๆเป็นห้องว่างหมดเลยนะครับ
==============================
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุกคำแนะนำนะคะ
จากคุณ :
Cafe_noir
- [
29 ต.ค. 48 22:44:42
]