CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ใต้เงาตะวันที่ฉันมีเธอ (Under The Sun) > >ตอนที่ 1

    ใต้เงาตะวันที่ฉันมีเธอ (Under The Sun)
    By: สายลมอิสระ
    ตอนที่ 1

             ตะวันทอแสงอ่อน ๆ ยามเย็นกระทบผิวน้ำที่เต้นพลิ้วเป็นระลอกคลื่นตลอดเวลา ก่อเกิดประกายระยิบระยับงดงาม แต่คนที่เร่งเท้าเดินเลียบชายหาดกลับไม่มีเวลาสนใจความงามของท้องทะเลยามเย็นเหมือนทุกครั้ง

    หญิงสาวปัดไรผมที่ลงมาปรกหน้า ผมยาวยังถูกทักเปียไว้หลวม ๆ เธอขยับแว่นสายตาให้กระชับใบหน้าและเร่งเท้าให้มาถึงที่หมายโดยเร็ว  เสียงสัญญาณดังทันทีที่ประตูร้านมินิมาร์ทขนาดเล็กที่เปิดบริการอยู่ริมถนนสายเล็กๆที่ทอดตัวคู่ขนานกับทะเลสีคราม  เจ้าของร้านเป็นคนหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับหญิงสาวที่เปิดประตูเข้ามาในร้านอย่างคุ้นเคย

    “ทำไมวันนี้คูณมาอยู่ตรงนี้ล่ะ” หญิงสาวยิ้มทักคนหนุ่มผิวสีแทนที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์
    “ก็น้องณา ไปดูหนังกับแฟนนะซิ อีกเดี๋ยวคงจะกลับ” เขาตอบและยิ้มให้ทั้งดวงตา
    “เจ้าซนของมะปรางล่ะ” หญิงสาวถามไถ่ สายตามองหาสิ่งที่ต้องการที่ทำให้เธอเร่งเท้ามาถึงที่นี้โดยเร็วที่สุด

    “คูณ” คนหนุ่มผิวสีแทน เจ้าของร้านมินิมาร์ท ก้มลงหยิบตะกร้าหวายใบย่อมขึ้นมาวางบนเคาน์เตอร์ แล้วเปิดออกมา เจ้ากระรอกตัวเล็กขนสีน้ำตาลแซมขาวที่กระโดดขึ้นมาหาเจ้าของที่รอรับด้วยกอดอบอุ่น จนคนฝากเลี้ยงมองด้วยสายตาอิจฉา…

    “ขอบใจนะคูณที่ดูแลเจ้าซนของมะปรางให้”   เธอกล่าวจริงใจ ปล่อยให้กระรอกน้อยวิ่งเล่นตามตัวเธอ
    “ก็มะปรางต้องทำงานไม่ใช่เหรอ”

    เจ้าของร้านหนุ่มยิ้มตอบ  หญิงสาวพยักหน้ารับ  ช่วงนี้ปิดเทอมแล้ว  เธอเลยมาทำงานพิเศษเป็นผู้ช่วยบรรณารักษ์จัดเกยหนังสืออยู่ที่ห้องสมุดกลางอำเภอ  ห่างจากร้านมินิมาร์ทแห่งนี้ไม่เท่าไรนัก คูณสำรวจดูหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาห่วงใย..

    “มะปราง” เพื่อนสาวที่เขารู้จักกว่าปี เธอเรียนอยู่  มหา’ลัย เดียวกับเขาซึ่งอยู่ในตัวจังหวัด แต่ที่เขาอยู่มันไกลออกมาหลายกิโลเมตรอยู่ไม่น้อย แต่เพราะว่าเขาต้องดูแลร้านนี้แทนพ่อกับแม่ที่ปลดเกษียณอายุการทำงานของตัวเองไปแล้ว หน้าที่ของลูกชายคนโตจึงต้องดูแลครอบครัว

    ส่วนน้องสาวที่ชื่อ “กรุณา” หรือน้อง “ณา” น้องสาวสุดเฟี้ยวของเขาก็ไม่ค่อยจะมาร้านเท่าไร   และเพราะบริเวณนี้เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆของชาวประมง นักท่องเที่ยวจึงไม่มากนัก นอกจากนักเดินทางที่แวะผ่านมา  ความเงียบสงบละเรียบง่ายทำให้มะปรางหลงรักที่นี้  แม้จะไกลมหา’ลัย ซักหน่อย แต่ถ้าคำนวณเวลาออกจากห้องพักที่เช่าอยู่ เธอก็ไปทันเสมอ

    “ให้มะปรางช่วยคูณดีไหม อยู่เป็นเพื่อนจนกว่าน้องณาจะกลับมา”
    หญิงสาวบอกจริงใจ ไม่มีสิ่งใดเร้นซ่อนหลังแว่นกรอบหนาสีดำสนิทที่เธอสวมอยู่ประจำ
    “ตามใจมะปรางนะครับ”

    เขายิ้มปลื้ม ชักไม่อยากให้น้องสาวมาเสนอหน้าตอนนี้ซะแล้ว แม้เมื่อครู่จะนึกบ่นว่าอยู่ในใจก็ตามมะปรางยิ้มบาง ๆ ริมฝีปากแดง ๆของเธอไม่ช่างเจรจา แต่พูดคุยแต่ละครั้งน้ำเสียงช่างอ่อนหวานใส เธอค่อนข้างจะเก็บตัวเงียบ คูณรู้แค่เพียงเธอมีญาติรุ่นพี่ที่สนิทๆกันอยู่คนหนึ่งที่เมืองนี้  แต่ไม่เคยรู้เรื่องราวอะไรเบื้องหลังของเธอเลย...แม้แต่อาการเจ็บข้อเท้าซ้ายบ่อยๆของเธอก็ตาม แต่ถึงอย่างไรนั้น ร่างบางๆของมะปรางก็ดูน่ารักเสมอในสายตาของเขา เจ้ากระรอกจอมซนของมะปรางยังคงอร่อยอยู่กับถั่วคั่วที่เจ้าของเทใส่กระดาษบางๆให้มันกินอยู่ที่ใกล้เครื่องแคชเชียร์ ส่วนตัวเธอก็เดินจัดของในร้านให้อย่างรู้ที่ที่มันอยู่

    เสียงรถกระหึ่มอยู่นอกร้านมินิมาร์ทเรียกสายตาของทั้งคูณและมะปรางให้หันไปมองที่หน้าร้าน  เธอเห็นกลุ่มคนแปลกหน้าจอดรถช้อปเปอร์หลายคัน  รวมทั้งสปอร์ตเฟอรารี่สีดำสนิทที่ขับตามมาทีหลัง  สาวสวยแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดเดินนำเข้ามาในร้าน ก่อนที่คนอื่นๆจะเดินตามมาพร้อมเสียงหัวเราะเฮฮา  มะปรางระบายลมหายใจหนักๆ  เธอไม่คุ้นกับภาพแบบนี้นัก  ในเมืองเล็กๆนี้ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมามากนัก  จะมีแค่เพียงแต่แค่พักแล้วผ่านเลย  เธอแอบภาวนาในใจขอให้คนกลุ่มนี้เป็นแบบนั้นเช่นกัน

    “หวงแฟนเหรอน้อง…” คนผมตั้งๆชี้ๆหลากสีชะโงกหน้าข้ามเคาน์เตอร์มาทางคูณ เมื่อเห็นสายตาไม่พอใจของอีกฝ่าย แม้จะเป็นลูกค้าก็ตาม
    “อย่าห่วงเลยน้อง หน้าแบบนี้ไม่มีใครเหลียวหรอก”

    เสียงหัวเราะสนุกตามออกมาดังลั่น  คูณขบกรามแน่นจนเป็นสันนูน  มะปรางเข้ามาสะกิดแขนเบาๆ พร้อมกับรอยยิ้มที่เตือนให้รู้ว่าเธอไม่ใส่ใจคำว่าขานเหล่านั้น  เขาจึงคิดเงินเบียร์หลายกระป๋องตรงหน้า , ไวน์อีกหลายขวด
    “ต๊าย ! ดูมองเข้าซิ”

    เสียงหัวเราะแหลมสูงเหมือนจงใจกระทบว่าสายตาของคูณที่มองไม่พอใจเท่าไรนัก ยังไม่ทันที่จะมีเสียงหัวเราะอื่นแทรก   เจ้าตัวซนขนสีน้ำตาลก็กระโดดไปตะปบหน้าคนพูด เพราะการดูแลอย่างดีของมะปรางเจ้ากระรอกตัวป่วนเล็บมันสั้นสะอาดขนนุ่มน่าสัมผัส  แต่คนถูกกระรอกหยอกกลับร้องกรี๊ดกร๊าดราวกับถูกตุ๊กแกยักษ์เกาะเอา มะปรางตะลึงพูดไม่ออก  กว่าจะขยับเท้ามาด้านหน้าเคาน์เตอร์เพื่อจับเจ้าตัวก่อกวนที่ซนไปเกาะคนโน้นคนนี้  

    แถมยังเลือกเกาะเอาแต่สาวๆ  ทำให้ในร้านวุ่นวายเป็นการใหญ่ ราวกับมาปาร์ตี้ระบำแซมบ้าของสาวเปรี้ยวที่เต้นเร่าๆ  เพราะตกใจเจ้ากระรอกขนสีน้ำตาล...เหมือนกับเจ้าตัวซนจะรู้ตัวว่าถูกจับได้คราวนี้ต้องถูกลงโทษด้วยการงดอาหารเป็นแน่เลยวิ่งไม่ยอมหยุด

    จนเมื่อประตูถูกเปิดออก  เป็นโอกาสให้มันได้วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว  มะปรางเร่งเท้าให้ตามทันแต่กลับชนกับร่างสูงๆที่เดนเข่ามาใหม่ในร้าน  เธอเซจนล้มลงเจ็บแปลบที่ข้อเท้าซ้ายขึ้นมากระทันหัน  แต่เธอก็ไม่สนใจว่าคนที่ชนนั้นเป็นใคร ใจอยู่กับที่สัตว์เลี้ยงตัวเดียวที่อยู่เป็นเพื่อนเธอมาแสนนาน ถึงรู้ดีว่าเพื่อนตัวเล็กขนสีน้ำตาลของเธอจะเก่งจำทางกลับห้องพักเองได้ แต่เธอก็กลัวรถราที่แม้จะมีน้อยแต่ก็แล่นด้วยความเร็ว...

    “เป็นไงบ้าง” เสียงทุ้มๆถาม พลางจับที่ข้อเท้าของมะปราง เธอเจ็บจนต้องหลับตาเพื่อข่มความเจ็บปวด แต่เมื่อลืมตาอีกครั้ง เธอก็แทบกรี๊ดร้องออกมา
    “บิลลี่..กลับมา”

    มะปรางตะโกนสุดเสียงเมื่อเห็นมอร์เตอร์ไซด์ขนาดใหญ่คันหนึ่งวิ่งตรงมาและกระรอกน้อยกำลังหยุดอยู่กลางถนนพอดี  สายตาหลายคู่หันมาทางเดียวกัน  เสียงเบรคดังลั่น เจ้าของรถมอร์เตอร์ไซด์หยุดนิ่งอยู่กลางถนน  ก่อนถอดหมวกกันน๊อคออก  คนซ้อนท้ายก้าวลงจากรถ  ดึงกระโปรงที่ร่นขึ้นให้ลงมา แม้ยาวเหนือเข่าเล็กน้อยก็ตาม  เจ้ากระรอกสีน้ำตาลถูกหิ้วคอขึ้นตัวลอยโดยเจ้าของรถสปอร์ตไบค์ที่เป็นคนหนุ่มตัวสูงร่างบึกแล้วว่างมันลงตรงอุ้งมือของมะปรางที่ยังนั่งอยู่กับพื้นถนนหน้าร้าน

    “จับเป็นกระรอกปิ้งได้แล้วมั้ง เจ้าของจะหัวใจวายตายเสียก่อน”

    คนพูดหัวเราะสนุกเมื่อเห็นหน้าซีดๆของญาติรุ่นน้อง แล้วหันหลังไปเข็นรถมาจอดที่หน้าร้านเด็กสาวหลิ่วตามองกลุ่มคนในร้านก่อนที่จะพยุงเพื่อนของพี่ชายขึ้นยืน  คนกลุ่มนั้นทำทางจะเอาเรื่อง  แต่คูณแกล้งโทรศัพท์จะแจ้งตำรวจคนกลุ่มนั้นเลยทยอยออกจากร้านไป...แต่ผู้ชายตัวสูงโปร่ง  ผมสีน้ำตาลไหม้ยาวระบ่า  ดวงตาสีสนิมเหล็กทอดสายตามองนิ่งนานที่ตัวของหญิงสาวที่เขาชนอย่างไม่ตั้งใจ ในทีท่าเย็นชา  แต่หัวใจกลับตื่นฟื้นจากหุบเหวน้ำตา  หัวใจที่ด้านชากลับอ่อนนุ่มขึ้นมาทันใด

    “ไปเถอะบิลลี่  เสียฤกษ์หมด”  

    เจ้าของรถเฟอรารี่เรียกแล้วหันหลังให้นาทีนั้นหญิงสาวสะดุ้งเมื่อได้ยินชื่อเมื่อครู่  แม้เพียงแค่หันกลับไปมองจะเห็นเพียงเสี้ยวหน้าของอีกฝ่าย  เพียงแค่นั้นเธอก็จำได้ดี  แม้จะผ่านมากี่ปีก็ตาม เขายังดูเหมือนเดิม แม้ว่าผมสีน้ำตาลเข้มนั้นจะยาวระต้นคอเขาก็ตามและเพียงเท่านั้น  น้ำตาของเขาก็รื้นรินเปื้อนริมแก้ม....

    ........................................................
    อยากจะบอกรัก    อยากจะแอบรักเธอ
    แต่เมื่อเจอสายตาเย็นชา  จนใจล้า
    ฉันรู้ตัวว่าเลว  ตลอดเวลาที่ผ่านมา
    จนไม่กล้าที่จะเข้าไปทักทาย
    ไม่อยากให้เธอต้องหม่นหมอง
    ฉันจึงขอเฝ้ามองไม่ห่างหาย
    ครั้งหนึ่ง..ฉันทิ้งเธอให้เดียวดาย
    แต่ถ้าวันนี้กลับมาเติมความหมายเดิม...ได้ไหม  คนดี..

    เสียงเพลงหยุดลงเมื่อสิ้นเสียงของกีตาร์โปร่งจบเพลง  คนหนุ่มผมยาวระต้นคอเส้นผมสีน้ำตาลเข้มพลิ้วไหวอยู่ในสายลม  ดวงตาสีสนิมเหล็กมองไปไกลที่เวิ้งทะเลสีดำตรงเบื้องหน้า  ท้องฟ้าประดับไปด้วยหมู่ดาวพราวระยับ  แต้มแต่งให้พระจันทร์ดูโดเด่นชัดเจน  ฟองคลื่นสีขาวจูบซัดหาดทราย  แล้วแตกกระจายหายไป  ระลอกแล้วระลอกเล่า  มาทักทายแล้วจากจร  ไม่เหลืออะไรไว้นอกจากความทรงจำ บิลลี่นั่งมองอยู่ที่เก้าอี้เหล็กบริเวณเฉลียงหน้าบ้านพักตากอากาศ  เจ้าของเป็นคนหนุ่มรุ่นเดียวกับเขา  เป็นเจ้าของรถเฟอรารี่สีดำสนิท  ที่เวลานี้กำลังเดินเข้ามาหาเพื่อนเงียบๆ  แต่อีกฝ่ายก็รู้สึกถึงการมาเยือน

    “ทำอะไรอยู่เพื่อน”   คนทักแตะไหล่เพื่อนเบาๆ แล้วส่งแก้วไวน์ให้
    “ชมทะเล”  หนุ่มผมยาวตอบน้ำเสียงราบเรียบแต่รับแก้วไวน์มาถือไว้ในมือ  หลังจากวางกีตาร์แล้ว
    “ไม่ไปผับกับพวกเราที่ตัวเมืองเหรอ”  เพื่อนยังอาทรไม่เสื่อมคลาย
    “ไม่...ไม่ดีกว่า”  เขาตอบแล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้สบายอารมณ์  หัวใจลอยไปไกลนึกถึงหญิงสาวเมื่อตอนเย็น
    “อยากให้ไป”    อีกฝ่ายยังชวนแต่ไม่ถึงขั้นรบเร้า  “คนที่อยากให้นายไปทำงานด้วยรออยู่”
    “คนนั้นเหรอ”  บิลลี่ถามกลับแต่ไม่ใคร่ใส่ใจนัก  เขายกแก้วไวน์ขึ้นดูและมองผ่านเลยไปที่ทะเลตรงหน้า
    “นายไปเถอะโก้…ตอนนี้เราอยากฟังเสียงคลื่น”

     เขาเอ่ยตอบแค่นั้น เพื่อนหนุ่มเจ้าของบ้านพักถอนหายใจเบาๆก่อนหันหลังก้าวเท้าออกไป  แต่ก็อดเหลียวมองมายังแผ่นหลังของเพื่อนไม่ได้ คนหนุ่มทิ้งตัวเองจมสู่ห้วงความทรงจำอีกครั้งหลังจากยกแก้วไวน์ขึ้นดื่ม...รู้สึกหวานชุ่มที่คอ พลอยนึกถึงใบหน้าที่มีดวงตาพราวสดใสหลังแว่นกรอบหนาสีดำ  ผมของเธอยาวขึ้นมาก  เมื่อก่อนยังคงสั้นเคลียไหล่  เธอดูเปลี่ยนไป  แต่รอยยิ้มและความอบอุ่นอ่อนโยนที่เขารู้สึกนั้นยังคงเดิม...
    ....................................................



    อ่านต่อ...

    แก้ไขเมื่อ 30 ต.ค. 48 10:43:15

    จากคุณ : สายลมอิสระ - [ 30 ต.ค. 48 10:38:16 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป