CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ต่อเติม JIGSAW ของหัวใจกับใครสักคน( 1)

    ‘ ถ้าเจอคนที่ใช่ มันก็ต้องใช่แหละ ถ้าไม่ใช่ ยังไงก็ไม่ใช่
    ชีวิตก็เหมือน JIGSAW ต้องคอยต่อเติมทีละนิด  ’

    บนทางเดิน ทางที่ดูวกวน ใครต่อใคร ใครต่อใครหลายคน
    วันและคืน คืนและวันทำฉันให้สับสน
    ทางที่เดิน ทางที่ดูวกวน ใจข้างใน ใจข้างในร้อนรน
    ไม่มีใคร ไม่มีใครเลยสักคน
    ตามหาครึ่งหนึ่งของหัวใจ มาเติมให้เต็ม
    ตามหา JIGSAW ชิ้นสุดท้าย
    ใครสักคน ต้องมีใครสักคน
    คนที่เขาตามหาเราเหมือนกัน
    ใครสักคน ต้องมีใครสักคน
    คนที่เขาไม่ใช่แค่ความฝัน

    ‘ แว่น‘ หรือ ‘ วาติกา ‘  สาวน้อยคนหนึ่งกำลังนั่งฟังเพลงนี้พร้อมกับมีหนังสืออยู่ในมือ แต่ที่จริงแล้ว สมาธิของแว่นหาได้จดจ่ออยู่กับหนังสือในมือเลยในขณะนี้ ทว่าตอนนี้จิตใจของแว่นกำลังตกอยู่ในภวังค์แห่งจินตนาการที่โลดแล่นเข้าไปอยู่ในเนื้อหาของเพลงนี้เสียแล้ว

    โครม ! เสียงหนังสือในมือของแว่นตกลงมาบนพื้น ทำให้ภาพต่างๆ ในภวังค์แห่งจินตนาการของแว่นกำลังเลือนหายไป พร้อมกับที่มีเสียงอีกเสียงหนึ่งเข้ามาแทนที่

    “ แว่น ๆๆๆ ยายแว่น นี่คิดอะไรอยู่นะ หนังสือที่รักนักรักหนาตกพื้นแล้วเห็นไหม ไม่รู้ว่าจะพังตรงไหนหรือเปล่านะ “ หญิง เพื่อนสาวแสนสวยทั้งหน้าตาและกริยาท่าทาง


    “ ว้าย ! ตายแล้ว หนังสือสุดที่รักของฉัน ดีนะที่ไม่ยับ หรือขาด “ แว่นที่เพิ่งรู้สึกตัว และสายตาพุ่งเป้าไปที่หนังสือทันที หนังสือแนวสืบสวนที่ตัวเองรักและทะนุถนอมมาอย่างดี หลังจากสำรวจดูแล้วว่าหนังสือยังอยู่ในสภาพที่ดี เหมือนเดิม แว่นก็เริ่มโล่งใจ ก่อนจะหันไปทักเพื่อนสาว

    “ อ้าว หญิง มาตอนไหนล่ะ นั่งก่อนสิ เดี๋ยวเราไปเอาน้ำกับขนมมาให้นะ “ แว่นลุกออกไปจัดแจงน้ำและขนมมาให้เพื่อนและตนเอง

    “ ขอบใจจ๊ะ “ หญิงพูดพร้อมรับจานขนมจากมือของแว่นมาวางไว้บนโต๊ะ

    “ แล้วนี่มีธุระอะไรหรือเปล่า ถึงได้มาหาเราแต่เช้าเลยล่ะหญิง “ แว่นทำหน้าแกมประหลาดใจก่อนถามเพื่อนลงไป เพราะโดยปกติแล้วถ้าไม่มีธุระสำคัญจริงๆ หญิงจะไม่มาหาแว่นที่บ้านหรอก  ส่วนใหญ่จะคุยกันทางโทรศัพท์มากกว่า เพราะเป็นการประหยัดทั้งเวลา และที่สำคัญคือประหยัดเงินค่าน้ำมันรถด้วยนะสิ

    “ เราจะมาพูดเรื่องงานเลี้ยงรุ่นของพวกเรายังไงล่ะ แว่นได้บัตรเชิญแล้วหรือยัง “ หญิงถามแว่นพลางหยิบบัตรเชิญของตนเองออกมาให้ดู

    “ ได้รับแล้วล่ะ แต่ยังไม่ได้คิดเลยว่าจะเอายังไงดี แล้วหญิงล่ะว่ายังไง ทุกปีพวกเราก็ไม่ได้ไปเลย เพราะติดนู่นติดนี่ แต่ช่วงนี้รู้สึกลงตัวหน่อยนะ เพราะพวกเราเรียนจบแล้ว ส่วนเรื่องงานก็โอเคแล้วนะ “ แว่นพูดพร้อมกับยิ้มอย่างภาคภูมิใจหน่อยว่าตนเองก็มีวันดี ๆ  อย่างนี้ได้

    “ นั่นสินะ หญิงคิดว่าเราน่าจะลองไปดูกันนะ เพราะหญิงก็อยากจะเจอหน้าของเพื่อน ๆ เหมือนกันนะ รู้สึกว่าเกือบจะ 5 ปีแล้วนะที่พวกเรามัวแต่ยุ่งอยู่กับเรื่องของตัวเองจนเหมือนจะห่างหายไปจากสังคมของเพื่อนๆ นะ แม้จะมีการติดต่อกันบ้าง แต่ก็แทบจะประปรายเลยล่ะ หญิงคิดว่าหญิงอยากไปนะ แล้วแว่นล่ะคิดว่ายังไง  “ หญิงพูดพร้อมกับแสดงท่าทางสนใจมาก จนมองออกได้เลยว่าหญิงอยากไปจริง ๆ

    “ เราก็คิดว่าน่าสนใจดีเหมือนกัน น่าจะลองไปดู อยากพบเพื่อน ๆ เหมือนกันนะ ไม่รู้ว่าใครเป็นอย่างไรกันบ้าง เอาเป็นว่าเราไปกันเถอะนะหญิง  วันที่ 30 ตุลาคมเหรอ โอเค เอาเป็นว่าเราไปนะหญิงเดี๋ยวเราตอบตกลงไปในบัตรรับเชิญเลยก็แล้วกัน อืม แล้วอย่าลืมชวนยายปรายไปด้วยนะ จะได้ครบองค์ประชุมน่ะ “ แว่นพูดพร้อมกับจัดการทุกอย่างเสร็จสรรพ

    หลังจากที่ตกลงคุยเรื่องงานเลี้ยงรุ่นเสร็จ ทั้งคู่ก็นั่งคุยกันเรื่องอื่นต่ออย่างสนุกสนาน จนกระทั่งเวลาล่วงเข้าไปจนเย็นหญิงจึงขอกลับไปก่อน


    วันต่อมา ที่ทำงานหญิงกับแว่นทำงานที่เดียวกัน แต่คนละแผนก หญิงทำงานในตำแหน่งเลขานุการ ประจำตัวผู้จัดการหนุ่มหล่อ และดูดีมาก ส่วนแว่นเหรอก็เป็นโปรแกรมเมอร์ไงล่ะ วันๆ หนึ่งก็ทำงานอยู่กับเจ้าจอสีเหลี่ยม หล่อไม่หล่อไม่รู้นะแต่เท่าที่ดูๆ ก็เหมือนกันทุกเครื่องเลย ที่เป็นแบบนี้จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมแว่นถึงต้องใส่แว่นหนาเตอะขนาดนี้ อันที่จริงแล้วไม่ใช่เพราะการทำงานอย่างเดียวหรอกที่ทำให้แว่นต้องใส่แว่นตาที่หนาเตอะขนาดนี้ เพราะอย่างที่บอกว่าแว่นเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือมากเลย โดยเฉพาะหนังสือแนวสืบสวนค้นหาความจริงต่าง ๆ แว่นมักจะชอบจินตนาการและวาดมโนภาพว่าตัวเองเป็นนักสืบในเรื่องนั้นๆ เลย ล่ะ จึงไม่แปลกใจเลยที่สาวน้อยร่างเล็ก ใส่แว่นคนนี้จะชอบคิดอะไรพิเรนท์ ๆ ออกมาได้ตลอดเวลา แต่อาจเป็นเพราะจุดนี้ที่ทำให้สาวน้อยคนนี้ทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ที่ค่อนข้างเก่งอีกคนหนึ่งเลย เพราะถึงเป็นสาวน้อยร่างเล็กกับแว่นหนาเตอะที่เป็นเอกลักษณ์ ขนาดนี้ ไม่ใช่เล่น ๆ เลยนะ เพราะแว่นพกดีกรีเกียรตินิยมอันดับหนึ่งของสาขาวิชาที่เรียนและจบมาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำแห่งหนึ่งด้วยล่ะ แต่ติดอยู่ว่าทำไมสาวน้อยมากความสามารถขนาดนี้ถึงยังไม่เคยค้นหาหัวใจของตัวเองได้เลย

    แว่นชอบอ้างกับตนเองว่า เราสามารถอยู่ได้ด้วยนะ เราจะต้องไปพึ่งพาทำไมล่ะผู้ชาย ดูสิเราอยู่มาได้ตั้ง 20 กว่าปีแล้วนะ จะอยู่ต่อไปอีกก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย ก็มีความสุขดีอยู่นะตอนนี้ไม่ต้องคอยมีใครมาตามเช็คเราวุ่นวาย ไม่ต้องมีใครมาห่วง เราห่วงตัวเราเองได้ และบ่อยครั้งที่เพื่อนมักจะถามเซ้าซี้เล่นว่าไม่เหงาบ้างหรือทำไมถึงไม่คิดมีใครมาเป็นห่วงเรา หรือมาคอยให้เราเป็นห่วงหรือคิดถึง แต่อย่างว่าแหละแว่นก็มักจะมีข้อแก้ตัวอยู่เสมอว่า
    ‘ ไม่เห็นเป็นอะไรเลยเราห่วงตัวเราเองก็พอแล้วล่ะ ไม่ต้องมีใครมาห่วงเราหรอก และเราก็รักตัวเองดีอยู่แล้วไม่อยากแบ่งความรักไปให้ใคร ‘

                แต่พอเพื่อนถามมากเข้า แว่นก็จะออกอาการหงุดหงิดเล็กน้อยแล้วก็บอกว่า อย่างเรานะ ถ้าผู้ชายคนนั้นไม่สูง หล่อ  ดูดีและเก่งกว่าเรานะ เราไม่เอามาเป็นแฟนหรอก พร้อมกับทำท่าทางเป็นหญิงแกร่งเต็มร้อย หลังจากพูดจบก็จะมีเสียงหัวเราะของเพื่อน ๆ ตามมาทุกทีประมาณว่าแว่นวาดฝันมากเกินไปแล้วสำหรับสเปคของชายในฝัน แล้วอย่างนี้จะมีชายคนไหนมาช่วยสอยแว่นลงจากคานเสียทีล่ะ หนักหน่อยบางคนก็บอกว่าที่แว่นวาดฝันไว้สูงมากนั้น เพราะแว่นต้องการคนที่ตัวสูง ๆ  มาช่วยสอยแว่นลงจากคานก็ได้นะ

               แว่นไม่เคยโกรธเพื่อน ๆ จริงจังสักที ก็มีแต่หงุดหงิดบ้างที่เพื่อนชอบมาคอยแซวแว่นเรื่องผู้ชายในฝันของแว่นอยู่ได้ แต่ที่จริงแว่นก็รู้ว่าเพื่อนหวังดี แต่แว่นก็นึกว่าพอเถอะการไขว่คว้าหานะ ทำไมเราต้องพยายามไล่ตามสิ่งที่เรามองไม่เห็นแทนที่จะใช่เวลาที่มีอยู่ทำในสิ่งที่ควรจะทำมากกว่านะ

                  ‘ เพราะ ถ้าเจอคนที่ใช่ มันก็ต้องใช่แหละ ถ้าไม่ใช่ ยังไงก็ไม่ใช่ ชีวิตก็เหมือน JIGSAW ต้องคอยต่อเติมทีละนิด จะเร่งไปทำไมล่ะ  เพราะท้ายสุดมันก็ต้องลงตัวอยู่ดีน่ะแหละ นอกจากว่าจะทำชิ้นส่วนบางอันหายไปก่อน ‘

    ‘ ปราย ‘  หรือ ‘ ปรายฟ้า ’ ผู้หญิงที่มีความสวยบวกน่ารักติดตัวมาตั้งแต่เกิดเลยหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่เท่าที่รู้ตอนนี้ปรายน่ารักมาก มากจนขนาดผู้หญิงด้วยกันเห็นแล้วยังอดน้ำลายไหลชมว่าน่ารักไม่ได้เลย ปราย เป็นเพื่อนซี้อีกคนในกลุ่มสามใบเถา ระหว่าง หญิง ปราย และแว่น เพราะทั้งสามเรียนด้วยกันมาตั้งแต่เด็กจนกระทั่งจบมหาวิทยาลัย และจบมาจากคณะเดียวกันอีก  และนี่แหละเป็นต้นเหตุว่าทำไมคนส่วนมากต้องเป็นห่วงเป็นใยแว่นเรื่องผู้ชายมากขนาดนี้ ด้วยเพราะความที่แว่นตัวเล็กที่สุดในกลุ่มหน้าตาหรือก็พอใช้ได้นะ ไม่ได้น่ารักมากแต่ก็ไม่ได้ขี้เหร่จนกระทั่งไปวัดตอนกลางวันแล้วโดนหมาไล่เห่าหรอกนะ  แต่ติดตรงที่แว่นมักทำตัวเหมือนเด็ก ๆ ห้าว ๆ แถมใส่แว่นหนาเตอะและผมสั้น เวลาเดินไปไหนแต่ละทีก็มีแต่คนชอบมองว่า หญิงกับปราย ชวนน้องชายมาเดินเล่นหรือไง และอย่างนี้คงไม่ต้องถามเลยนะว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา แว่นจะเคยมีแฟนหรือเปล่า อย่าว่าแต่แฟนเลยเอาเป็นว่าแค่มีคนหลงเข้ามาจีบสักคนยังไม่มีเลย

    จะว่าเศร้าหรือ แว่นก็ไม่เคยคิดนะเพราะตอนที่อยู่มัธยมก็รู้ๆ อยู่ว่าติดเพื่อน เรื่องแฟนนี่ไม่เคยคิดเลยล่ะ แต่พอมามหาวิทยาลัยหรือเราก็เรียนหนักแล้วเท่าที่เห็นๆ ก็มีแต่ผู้ชายที่เข้ามาขายขนมจีบให้ก็แต่หญิงกับปรายเท่านั้นนะ แรกๆ แว่นก็นึกน้อยใจอยู่เหมือนกันนะ อ้าวก็เราก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งเหมือนกันนี่นา ทำไมไม่มีใครมาสนใจมั่งเราไม่มีเสน่ห์ตรงไหนกัน คิดอย่างไรก็คิดไม่ออกว่าเราไม่มีเสน่ห์ตรงไหน เอาง่ายๆ คือไม่มีเสน่ห์เลยดีกว่านะ  เพราะแว่นก็รู้ว่าตนเองเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูงและออกจะมากเกินไปด้วย ด้วยความที่ชอบอ่านหนังสืออยู่คนเดียวและชอบปล่อยอารมณ์เข้าไปอยู่ในหนังสือเล่มนั้น ๆ โดยที่ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ก็จะทำไมล่ะ หนังสือมันสนุกนี่นาแล้วมันก็ไม่ทำอันตรายเราไม่ต้องทำให้เรามาชอกช้ำ ไม่ต้องทำให้เราไปคิดถึงใคร และไม่ต้องมีใครมาคิดเราให้มันวุ่นวาย แค่เราเปิดหนังสือไปทีละหน้าก็มีความสุขมากพอแล้ว สุขที่จะพบว่าตอนต่อ ๆ ไปจะเป็นอย่างไร และสุดท้ายจะจบแบบไหน แว่นไม่ชอบที่จะพลิกไปดูหน้าสุดท้ายก่อนเพราะมันเหมือนข้ามขั้นตอนในบางอย่างที่เราควรเก็บไปทีละนิดไป  ค่อย ๆ เรียบเรียงความคิดตามไปทีละหน้าเพื่อจะได้รู้สึกในตอนสุดท้ายว่าเราเก็บเกี่ยวอะไรมาได้บ้าง สิ่งสำคัญที่พบในแต่ละตอนของหนังสือแต่ละเล่มที่มีใครบางคนบรรจงถ่ายทอดออกมาเป็นตัวหนังสือ ได้ขัดเกลาจากความคิดแล้ว ทำให้เมื่อเราอ่านแล้วเราเหมือนได้เข้าไปอยู่ในความคิดของคนคนนั้น มันเป็นความรู้สึกดี มากเลยนะ แว่นคิดว่าสิ่งนี้ทำให้แว่นรักที่จะอ่านหนังสือมากกว่าที่เลือกเอาชีวิตไปผูกรักกับใครสักคน หรือไม่ก็เพราะแว่นกลัวที่จะเจออะไรที่แว่นไม่เคยคิดเพราะชีวิตเราไม่เหมือนหนังสือที่สามารถพลิกไปดูตอนสุดท้ายได้เลย เราต้องเดินไปทีละขั้นตอน หนังสือสามารถพลิกกลับไปกลับมาได้หลายครั้งตามที่เราต้องการ แต่ชีวิตเราไม่สามารถพลิกกลับมาได้เลยสักครั้งแม้ว่าเราต้องการสักเท่าไรก็ตาม

    ก็อย่างที่บอกนี่แหละจึงทำให้ไม่แปลกเลยที่ปัจจุบันแว่นยังคงครองตัวเป็นโสดได้จนกระทั่งบัดนี้แต่ทว่าแว่นก็ไม่เคยคิดน้อยใจเลย เพราะจะให้คิดน้อยไปทำไมล่ะ ในเมื่อหญิงกับปราย แม้จะสวยน่ารัก จนทำให้คนที่มองต้องคอเคล็ดไปเลยเมื่อทั้งสองเดินผ่าน ก็ยังไม่มีแฟนเลย แม้จะมีคนมาจีบตั้งเยอะแยะ โดยข้ออ้างของทั้งสองคนที่ยังไม่มีแฟนก็คือ ‘พวกเราเป็นห่วงแว่นน่ะ เราอยากให้แว่นมีแฟนก่อนแล้วพวกเราจะมีแฟนตามนะ ‘ นั่นแหละข้ออ้างของทั้งสองที่ใช้ปฏิเสธบรรดาหน่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่เข้ามาขายขนมจีบ จนพวกนั้นต้องตัดใจกลับไปเลย และก็มีหลายคนที่ไม่คิดกลับมาจีบอีกล่ะ คิดว่าคงเป็นเพราะว่าพวกนั้นคิดว่าไม่มีหวังจะจีบติดหรอกเ พราะดูจากหน้าตาของแว่นแล้วจะให้หาใครมาเป็นแฟนนั้นคงยาก รอจีบหญิงกับปรายไปอีก 10 ปี แว่นจะมีแฟนหรือเปล่าก็ไม่รู้ รู้อย่างนี้เลยคิดว่าไปจีบหญิงคนอื่นก็คงดีกว่าอีกนะ อาจจะมี เปอร์เซนต์ในการจีบติดง่ายกว่านี้ แต่แว่นก็ดีใจนะที่แว่นเหมือนเป็นตัวช่วยในการตรวจสอบดูความจริงใจของผู้ชายแต่ละคนที่หวังเข้ามาจีบเพื่อนรักของแว่น ประมาณพวกนี้ควรจะเป็นพวกท่าดีทีเหลว หรือจริงใจกันแน่ประมาณว่า ถ้าจะจีบปรายหรือหญิงก็ต้องผ่านแว่นก่อน ‘ LOVE ME LOVE MY DOG  ‘  แต่คิดอีกทีนะไม่รู้ว่าเป็นการทำบาปหรือเปล่าที่ทำให้เพื่อนไม่มีแฟนน่ะ แต่เอาเถอะนะ เชื่อใจเรานะว่าถ้าใช่มันก็ต้องใช่และมันต้องเข้ามาเองสินะ

    จากคุณ : neepat - [ 31 ต.ค. 48 11:55:32 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป