เช้าวันนั้นเป็นเช้าวันเสาร์ อากาศแจ่มใสเหมือนอารมณ์ของใครบางคน เสียงเรียกของนาฬิกาปลุกดังกังวานสดใส
ไม่รำคาญใจเช่นทุกวัน ถึงแม้ว่าจะมีอาการพิรี้พิไรอยู่บ้าง แต่ก็สังเกตได้ว่าน้อยกว่าทุก ๆวัน
สัมภาระที่เตรียมไว้ถูกจัดใส่กระเป๋าเดินทางอย่างเรียบง่าย ครั้งนี้ถุงนอนถูกปล่อยทิ้งให้เฝ้าบ้าน เพราะอากาศยังคงไม่หนาวเย็นมากนัก กระเป๋าหนึ่งใบกับยามอีกหนึ่ง ภายนอกหน้าต่าง แสงแดดของวันเริ่มแรงกล้ามากขึ้นทุกขณะ เมื่อเข็มนาฬิกาเคลื่อนคล้อยมาตรงกับเลขสิบเอ็ด
เที่ยงของวันนี้ ที่สถานีขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ ยังคงคราคร่ำไปด้วยผู้คนที่กำลังจะเดินทาง ทั้งกลับบ้านและ ไปในแดนไกล แน่นอนว่าวันหยุดสุดสัปดาห์ที่มีติดกันถึง 3 วัน ย่อมเป็นที่ปราถนาของนักท่องเที่ยวผู้ค้นหาช่องว่างแห่งการพักผ่อน ด้วยเหตุนี้ ทุกที่นั่งจึงถูกจับจองจนเต็มเอียด ไม่หลงเหลือเค้าของความว่างเปล่าในแผ่นตารางหมายเลขที่นั่งรถ และรอบต่อไปอีกสองชั่วโมง ก็กำลังเลือนรางอยู่สองที่นั่งจากสามสิบ ถ้าไม่คว้าไว้ ก็ดูเหมือนกับว่า คงจะต้องไปเสี่ยงกับรถรอบเย็น ซึ่งเราเองเคยมีประวัติศาสตร์ที่ไม่สู้จะดีนักอยู่
ที่นั่งด้านหลังถูกเบียดเสียดยัดเยียดด้วยสัมภาระ มองจากหมายเลขกำกับน่าจะเป็นที่ตรงนี้ สีของปากกาเมจิกขีดเขียนไว้ว่า ยี่สิบเก้าและสามสิบ ผมจำได้เลา ๆ ว่าเราถูกระบุที่นั่งตรงกลางขนาบด้วยผู้คนสองข้าง แต่หมายเลขตรงหน้ากลับอยู่ชิดริมหน้าต่าง ไม่เป็นไรผมนึก อีกเดี๋ยวคงมีอะไรให้สนุกอีกเป็นแน่ เพราะขึ้นรถโดยสารไปปายที่ไร มีเรื่องให้ได้จดจำทุกครั้ง
กระเป๋าเดินทางใบเขื่องถูกยัดลงตรงใต้หว่างขา เพื่อความสะดวกในการเก็บและจัดวาง และจะได้ไม่สร้างความรำคาญให้กับเพื่อนร่วมทางท่านอื่น โดยเฉพาะฝรั่งร่างใหญ่ที่นั่งอยู่ข้างผม ดูท่าทางจะยังไม่รู้จักรถโดยสารไปปายดีพอ ฝรั่งนายนั้นจึงวิ่งขึ้นวิ่งลง ไปสูบบุหรี่บ้าง ยืนคุยกับเพื่อนร่วมภาษาบ้าง อีกประเดี๋ยวโดนดีแน่ ผมนึกอยู่ในใจ แล้วซักพัก สองสาวชาวไทยที่ดูเหมือนกับจะเป็นคนในพื้นที่ ก็เดินลุกลี้ลุกลนขึ้นมาทางด้านท้ายรถ พวกเธอเหลียวซ้ายแลขวา และส่งภาษาที่เข้าใจกันเพียงสองคน ก่อนจะเลือกนั่งลงตรงที่นั่งข้าง ๆ ผม เจ้าฝรั่งผมทองที่กำลังยืนคุยอยู่ด้านล่าง จึงได้บทเรียนจากรถโดยสารไปปาย ว่า ลุกแล้วจะเสียม้า(นั่ง)นะครับนาย
เสียงเครื่องยนต์คราง หง่าง ๆ ตอนรถโดยสารเริ่มเคลื่อนตัวออกจากชานชลา คล้ายกระป๋องปลาซาดีนสีส้มที่อัดแน่นไปด้วยผู้คนเต็มรถ ผมไม่กล้าใช้คำว่า ทะยาน เพราะว่ามันกำลังคลานมากกว่า และกำลังมุ่งสู่ถนนแม่ริมวิ่งเข้าหาอำเภอแม่มาลัย เส้นทางลัดเลาะสู่ปายที่เพิ่งจะเป็นเพียงการเริ่มต้น เท่านั้น
ระยะทางจากเชียงใหม่สู่อำเภอปาย ต้องผ่านเทือกเขาสลับซับซ้อน และเส้นทางที่คดโค้งมากมาย ใครที่เคยนั่งรถไฟเหาะ คงจะพอนึกภาพตามไปได้ เพียงแต่ เจ้ารถกระป๋องสีส้มคันนี้ มันไม่ได้เหาะ และภาวนาว่า คงจะไม่มีการตีลังกาด้วยเช่นกัน คนที่ไม่มีที่นั่ง ต่างยืนโหนราวรถโยกไปมา ท่ามกลางอากาศที่เริ่มเย็นและทางโค้งไต่ระดับสูงขึ้นเรื่อย ๆ ความกดอากาศที่เพิ่มขึ้นจากการอยู่ห่างระดับน้ำทะเล มีผลต่อร่างกายมนุษย์ โดยอาจจะมีผลกระทบมากขึ้นถ้าหากคนผู้นั้นเมารถ ด้วยเหตุนี้ถุงพลาสติกสีขาวขุ่น จึงถูกผูกติดไว้ตามราวจับเป็นระยะ ๆ เผื่อเกิดมีเหตุฉุกเฉินอันไม่พึงประสงค์ จะได้หยิบใช้ได้ทันโดยไม่เลอะเทอะผู้อื่นและตนเอง
จากสามแยกแม่มาลัย ถนนบ่ายหน้าเข้าหาบ้านแม่แสะ พื้นที่ที่เป็นเสมือนจุดกึ่งกลางของขุนเขา และผู้โดยสารจะมีโอกาสได้พัก ณ จุดพักกลางทางนี้เพียงครั้งเดียว ห้องน้ำ อาหาร ขนมขบเคี้ยวมีให้เลือกหา แม้แต่ไอศครีมหางเสือก็ยังมีให้ลิ้มลองความหวาน แก้อาการมึนงง ก่อนที่ทั้งหมดจะต้องกลับขึ้นไปผจญกับเส้นทางโค้งอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือ
จากคุณ :
นาลาญา
- [
31 ต.ค. 48 17:19:31
]