CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ใต้เงาตะวันที่ฉันมีเธอ (UNDER THE SUN)>>ตอนที่ 3

    ใต้เงาตะวันที่ฉันมีเธอ (UNDER THE SUN)
    By: สายลมอิสระ
    ตอนที่ 3

    สาวน้อยแต่งตัวเฟี้ยวด้วยเสื้อเอวลอยสีครีม  มีเสื้อเชิ้ตลายสก็อตตัวใหญ่พื้นสีน้ำเงินสวมทับอยู่ตัวนอก  กระโปรงหนังแก้วสีชมพูสดใสยาวเหนือเข่าเข้ากับรองเท้าบู๊ตสีดำสนิท ใบหน้าหวานใส  จมูกโด่งรั้นแบบคนดื้อ  ผมถูกรวบเป็นหางม้าดูแก่นๆ น่ารักแบบซนๆ ใครๆ ก็มองหน้าณาเป็นตาเดียว  ตั้งแต่เด็กสาวก้าวเท้ามาในโอเอซิสผับแห่งนี้

    มะปรางแอบถอนหายใจเบาๆ เธอเดินตามหลังน้องสาวเข้ามาเงียบๆ  ดันลืมถามไปว่าจะมาที่ไหน  เธอไม่ค่อยชอบบรรยากาศแบบนี้นัก  แต่เมื่อรับปากจะพามาก็ต้องพามา...

    “นี่พี่มะปรางพี่สาวเรา  ใครกล้าหาเรื่องพี่มะปรางล่ะก็...เป็นเรื่อง”

    น้องณาทำขู่ใส่ เพื่อน ๆที่ร่วมกลุ่มอยู่ที่มุมหนึ่งของร้าน  ขณะที่แนะนำให้มะปรางรู้จักกับเพื่อนๆของเธอ  มะปรางยิ้มข้าง ๆ แล้วหาที่นั่งมุมส่วนตัวหลบเร้นเสียงดังของดนตรีที่เริ่มกระหึ่มขึ้น  จังหวะเร็วเร้าใจ ขึ้นตามลำดับเวลาที่ยิ่งดึงยิ่งแรง  มะปรางมองเงาตัวเองในกระจกบานหม่นที่ผนังห้อง  ผมยาวถูกรวมเป็นเปียหลวม ๆ เธอขยับแว่นให้กระชับใบหน้า  ยกแก้วน้ำส้มที่น้องณานำมาเสิร์ฟให้  เธอขยับตัวนั่งไขว้ขาแก้เมื่อยขบจากการนั่งนาน ๆ กระโปรงยาวกร่อมข้อเท้าสีเม็ดมะขาม ดูยังไงก็ไม่มีใครเชื่อว่าเธอกับเด็กสาวที่กำลังกระโดดอยู่หน้าเวทีจะมาด้วยกัน  ถ้าไม่เห็นทั้งคู่เดินเข้ามาตั้งแต่แรก  มะปรางเอาแต่นั่งมองเงียบ ๆ โดยไม่รู้ว่ามีสายตาของใครบางคนมองอยู่นานแล้วเช่นกัน

    “พี่มะปราง เดี๋ยวคอยดูบนเวทีนะ จะมีนักร้องหนุ่มหล่อมากมาร้องเพลงด้วย”  

    น้องณาเดินเข้ามาบอกแล้วจิบน้ำดับกระหาย  เพื่อน ๆ และเจ้าของงานวันเกิดเรียกให้ไปรวมกลุ่มหน้าเวทีทำให้เด็กสาวรีบวิ่งไปหาเพื่อน เสียงกรี๊ดดังลั่นเมื่อหนุ่มหล่อ 5 หน่อขึ้นมายืนประจำตำแหน่งบนเวที แล้วกวาดสายตาส่งยิ้มหวานให้สาว ๆที่ส่งเสียงเรียกชื่อนักร้องนำ มะปรางจำได้ว่าเป็นรุ่นพี่ปี 4 ที่มหา’ลัย เดียวกับเธอ.. เธอไม่ค่อยได้ใส่ใจนัก รู้เพียงแต่กลุ่มนี้ค่อนข้างใหญ่ทั้งอิทธิพลความเป็นลูกเจ้าของโรงแรมใหญ่แห่งหนึ่งในเมืองนี้  และค่อนข้างนักเลงไม่ใช่เล่นอีกด้วยเพลงเร็วจบไปหลายเพลง  จนจังหวะสโลว์เข้ามาแทนที่  หลายคนจับคู่เต้นรำทำซึ้ง  มะปรางลุกขึ้นจะเดินไปห้องน้ำจะบอกน้องสาวแต่ก็เห็นว่ากำลังเลือกคู่เต้นรำอยู่  เธอก็เดินเลี่ยงออกมาซะเอง  แต่พอถึงมุมหนึ่งที่เป็นทางผ่าน  ร่างบอบบางก็ถูกรั้งเอวให้หลบผู้คนที่มาเดนสวนไปมาอยู่บริเวณนั้น...

    “ปล่อยนะ...จะทำอะไร”   เธอตวาดเสียงสั่นทั้ง ๆที่แขนยังถูกล็อกให้ไพล่ไปด้านหลัง พอหันหน้ากลับมาก็ปะทะกับลมหายใจอุ่น ๆ จนรู้สึกร้อนวูบที่ใบหน้าขึ้นมาทันที

    “มะปราง...เอ่อ”   เจ้าของลมหายใจพูดได้แค่นั้น  เขานึกถึงเธอ  คิดถึงแทบขาดใจ  แต่พออยู่ใกล้กลับพูดอะไรไม่ออก

    “บิลลี่”   มะปรางเรียกชื่อคนตรงหน้า น้ำเสียงไม่ได้ดังไปกว่าเสียงสายลมกระซิบ แต่กระนั้น ก็เรียกรอยยิ้มจากอีกฝ่ายได้ไม่ยากเย็น

    “ดีใจจังที่มะปรางยังจำได้” ดวงตาอ่อนโยนสีน้ำตาลเข้มสีเดียวกัยเส้นผมสีที่ยาวระต้นคอของเขาทำให้เธอรู้สึกถึงความคุ้นเคยที่ห่างเหินมานานแสนนาน
    “ปล่อยได้มั้ย”

    “ขอโทษ”     เขาเอ่ยเบา ๆแล้วปล่อยเธอออก แต่ก็ยังคงกุมมือเธอไว้ราวกับกลัวว่าเธอจะบินหายไป

    “เจ็บหรือเปล่า”  น้ำเสียงที่ถามอ่อนโยนจนไม่เหลือคราบเด็กเกเรเมื่อสามปีก่อน

    “เปล่า..แค่ตกใจ”

    มะปรางมองดูเขา  เหมือนที่เขาเองก็ทำเช่นเดียวกับเธอ รู้สึกว่าร่างเขาสูงใหญ่กว่าเดิม  ผมที่ยาวขึ้นกว่าก่อน  คืนนี้เขาใส่เสื้อยืดสีขาวสะอาดถูกทับด้วยเสื้อหนังสีดำสนิทสีเดียวกับกางเกงที่เขาสวมอยู่รวมทั้งผ้าใบคู่เซอร์ของเขา

    “ขอตัวก่อนนะ”  

    เธอบอกลาเขาทั้งๆที่อยากจะพูดกันมากกว่านี้  แต่ก็ยังไปไม่ได้เพราะข้อมือเล็ก ๆ ยังถูกยึดไว้อยู่  เขายิ้มเก้อๆ ก่อนปล่อยมือตัวเองออกอย่างนึกเสียดาย  ยอมรับว่าไม่มีความกล้าพอที่จะขอร้องให้เธออยู่ต่อเหมือนสำนึกว่าครั้งหนึ่งที่เขาทำให้เธอเจ็บ  มะปรางหันหลังเดินจากไปแล้ว เพื่อนหนุ่มเจ้าของรถสปอร์ตสีดำสนิทเข้ามาตบไหล่เบา ๆ

    “เห็นพวกบนเวทีแล้วเศร้าใจเหลือเกิน  เล่นดนตรียังเด็ก ๆเล่นทำเป็นเก่ง”
    “อย่างนี้มันน่าทำให้รู้จักดนตรีแบบอาร์ติกซาวด์ของแท้เป็นยังไง” เพื่อนซี้อีกคนพูดแทรกขึ้นราวกับรู้ทัน

    บิลลี่มองเพื่อนที่เดินเข้ามาใหม่  ผมสั้นเกรียนรูปร่างเล็กแต่กลับชื่อ “โอ่ง” สวมเสื้อตัวใหญ่กับแว่นตากลมๆ เล็ก ๆ ดูกวนๆ เพื่อนอีกคนก็มาดเนี้ยบจนนึกแปลกใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมถึงโคจรมารวมเป็นกลุ่มเดียวกันจนตั้งวงดนตรีได้...

    “พี่มะปรางไปไหนมา..น้องณาเป็นห่วง”  เด็กสาวเข้ามาเกาะแขนประจบ  มะปรางได้แต่ยิ้มบางๆ
    “พี่ไปห้องน้ำมาค่ะ เห็นน้องณาสนุกเลยไม่อยากกวน ยิ่งใกล้เวลากลับบ้านแล้วด้วย” มะปรางยกนาฬิกาข้อมือดู เด็กสาวทำหน้าเบ้แต่ก็ยิ้มออกมาได้
    “น้องณาสัญญาว่าจะไม่ดื้อก็ไม่ดื้อ  แต่ขอไปบอกเจ้าของงานก่อน”

    มะปรางยิ้ม  เด็กสาวแทรกตัวเข้าไปหากลุ่มเพื่อนที่ยังสนุกกันอยู่  แต่ดูเหมือนว่าบนเวทีจะมีเรื่องน่าดูน่าสนใจไม่น้อย    มะปรางจำได้ว่าคนที่อยู่บนเวทีเป็นกลุ่มเดียวกับที่เข้ามาในร้านมินิ-มาร์ทของคูณเมื่อหลายวันก่อน  โดยเฉพาะคนที่ขึ้นทำหน้าที่นักร้องนำ เพราะเธอเพิ่งจะจากดวงตาสีน้ำตาลเข้มเมื่อครู่

    “อะไรกัน”  มะปรางพึมพำแล้วแล้วแทรกตัวไปหาน้องณา จะดึงตัวกลับแต่คราวนี้คนเชื่อฟังกลับดื้อดึง
    “พี่มะปรางดูซิ  คนร้องต้องเป็นลูกครึ่งแหง๋เลย หล่อเชียว ร้องเพลงก็เพราะ...เมื่อกี๊ น้องณาได้ยินว่าเขาท้าดวลเพลงกันแหล่ะ”    

    เด็กสาวพูดอย่างชอบใจทำท่าจะไม่ยอมขยับเท้าให้ห่างจากขอบเวที  คนหนุ่มผมยาวระต้นคอบังเอิญมองลงมาสบตากับมะปรางด้วยสายตาหวานซึ้ง  เธอหันไปมองเจ้าของเวทีที่ยืนขบกรามแน่น..รู้แน่ว่าไม่พอใจมากที่ถูกฉีกหน้าแบบนี้....

    “กลับบ้านได้แล้วค่ะน้องณา ไม่งั้นพี่ไม่พาน้องณาไปไหนอีกแล้วนะค่ะ”
    เจอไม้นี้เด็กสาวต้องยอมกลับโดยดี  และมะปรางเองก็ไม่ยอมหันไปสบตากับคนที่ร้องเพลงอยู่บนเวทีสักครั้งเดียว  แม้ว่าน้ำเสียงที่ร้องเพลงนั้นราวกับจะอ้อนวอนให้เธออยู่...และรอให้โอกาสเขากลับมาแก้ตัวใหม่อีกสักครั้ง...ครั้งเดียวก็พอ...

    ........................................................

    บรรยากาศของศาลากลางน้ำเย็นสบาย  จนคนที่กำลังตั้งใจอ่านหนังสือสอบหาวติดต่อกันหลายครั้ง  และสะดุ้งเมื่อถูกไม้บรรทัดตีเบาๆที่ต้นแขน

    “ตั้งใจหน่อยซิ...อย่างนี้เมื่อไรจะสอบผ่านล่ะ”    เสียงหวาน ๆดูคนที่นั่งทำตาปรือ เขาสะบัดหัว ไล่ความง่วงไปมาก่อนเสยผมรองทรงที่สั้นผมสีน้ำตาลแดงเข้ม สีเดียวกับดวงตาที่ปรือเต็มที แต่ก็คลี่ยิ้มที่อีกฝ่ายต้องคอยจับเส้นผมที่ยาวแค่ต้นคอแทบทุกครั้งที่สายลมพัดผ่านจนเจ้าตัวนึกรำคาญอยู่ในใจ

    “ขอพักหน่อยซิ   อ่านทั้งวันก็ตายพอดี”   คนเกเรปิดหนังสือแล้วโอดครวญ
    “ไม่ได้   ต้องทำชีทอังกฤษชุดนี้ให้เสร็จก่อน”   เด็กสาวว่าแล้วขยับแว่นสายตาให้กระชับใบหน้า
    “ขอเวลานอก”
    “บิลลี่”  
    เธอร้องเสียงหลงตกใจ เมื่ออยู่ๆคนเกเรก็ทิ้งตัวลงหนุนนอนที่ตักของเธอโดยไม่ขออนุญาต
    “ฮะ...ยังหายใจอยู่”    ดวงตาเขาปิดสนิท แต่ริมฝีปากบางๆคลี่ยิ้ม   “มะปรางไว้ผมยาวนะฮะ เวลาผมมานอนแบบนี้จะได้เล่นผมของมะปรางไง”

    “คนบ้า”   เธอว่าเพราะเขิน แต่คนที่ถูกว่ากลับแย้มยิ้มได้ใจ เอื้อมมือมาดึงแว่นของเธอออก

    “ตาของมะปรางสวย” เขานั่งจ้องลึกในดวงตาเธอ  

    “มะปรางอาจจะไม่เชื่อ  คำพูดของผม  แต่อยากให้มะปรางรู้ว่าทุกคำพูดออกจากหัวใจ  ผมไม่เคยมีใครที่ใส่ใจผมเท่ามะปรางมาก่อน  ตลอดเวลาผมไม่ต่างจากลูกนอกคอกคนหนึ่งของครอบครัว  ผมเป็นเนื้อร้ายที่ไม่รู้ว่าเกิดมาได้ยังไงทั้งๆที่ไม่มีใครต้องการ  เกิดมาพบแต่ความเลวร้าย  เขาว่าแม่ผมใจง่าย  กับฝรั่งที่ไหนไม่รู้แค่เจอกันหนเดียวก็กล้านอนด้วย..ผมเหมือนตัวอะไรซักอย่าง  ที่ไม่มีใครใส่ใจ แต่วันนี้มะปรางทำให้ผมรู้สึกว่ายังมีค่ามีความหมายอยู่บ้าง….”
    เด็กหนุ่มซบหน้าลงกับไหล่ของอีกฝ่ายที่ตั้งใจฟังและเชื่อในทุกเรื่องที่เขาเล่าและเชื่อว่าดวงตาที่มีน้ำใสๆมาเอ่อคลอไม่ใช้เสแสร้งทำแน่…

    “ผมมะปรางหอมจัง”

    เด็กสาวแทบผลักคนที่ซบไหล่ให้กระเด็นไปไกล  แต่ทำได้แค่ผลักออกห่างตัวแล้วลุกขึ้นยืน  ใบหน้าขาวๆแดงระเรื่อ  เด็กหนุ่มยิ้มได้ใจที่แอบสูดลมหายใจเอากลิ่นหอมที่ซอกคอของอีกฝ่ายตอนเผลอได้

    “เอาแว่นมานะบิลลี่” เธอว่าจะแย่งแว่นออกมา แต่คนเจ้าเลห์กลับไวกว่าหมุนตัวหลบได้ตลอด
    “ว้าย !…”  เด็กสาวร้องเสียงหลงเมื่อสะดุดกับขาโต๊ะจนล้มลง  เด็กหนุ่มรีบเข้ามาประคองกลัวร่างเล็กๆจะบอบช้ำ

    “เจ็บ”  มะปรางร้องออกมาเบาๆเมื่อเด็กหนุ่มจับที่ข้อเท้า  แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมาดวงตาก็ประสานกันนิ่งจนอีกฝ่ายรีบเบือนหน้าหนี
    “ต้องไปห้องพยาบาลมั้ย”  เขาถามกลับยิ้มๆ แต่ก็แกล้งซ่อนร่างบางๆไว้ในอ้อมแขน
    “ไม่นะ   ไม่ต้อง…ปล่อยได้แล้ว”  เด็กสาวดิ้นแต่อีกฝ่ายกลับสนุก
    “ไม่ปล่อย..ห้ามดื้อด้วย…ยังไงก็ไม่ปล่อย”
    “ปล่อยซิ…” คนถูกจับมือพยายามแกะมือที่จับมั่นนั้นออก
    “ไม่ปล่อย..”

    “ปล่อยซิโว้ย..ฉันไม่อยากเป็นเอดส์ตายนะเว้ย  ฉันยังรักผู้หญิงอยู่ไม่อยากเป็นอะไรกับนาย”

    บิลลี่ลืมตื่นขึ้นทันที  เห็นหน้าเพื่อนซี้ ชื่อโอ่งที่เป็นมือกลองประจำวงอยู่ใกล้ๆก็รีบปล่อยแขนที่ไม่รู้ตัวว่าเผลอจับไปเมื่อไรนั้นออก แล้วลุกขึ้นนั่งบนเตียงนอน
    “ฝันถึงสาวที่ไหนก็ฝันไปซิ อย่ามาปล้ำกัน ยิ่งตัวเล็กกว่านายอยู่” มือกลองทำท่าขนลุก เล่นเอาเพื่อนเจ้าของบ้านพักหัวเราะเสียงดัง
    “จริงอย่างที่โอ่งว่า หาตัวจริงได้แล้ว คนสนนายตั้งเยอะนะบิลลี่” หนุ่มโก้แนะนำ แต่หนุ่มผมยาวส่ายหน้าแล้วลุกขึ้นยืนเตรียมตัวจะอาบน้ำ
    “เรามีตัวจริงแล้ว เจอแล้วด้วย เพียงแต่..” คนหนุ่มนิ่งเงียบจนเสียงหัวเราะเหย้าหยอกเมื่อครู่เงียบลงทันที
    “ติดคุกเยาวชนปีเดียว ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีนะเพื่อน” โอ่งให้กำลังใจเพื่อนซี้ที่ยืนนิ่งอยู่
    “ประสบการณ์ที่ดีเหรอ” หนุ่มผมยาวถามกลับแต่คล้ายพึมพำกับตัวเองแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
    “เออ!..เดี๋ยวจะออกไปขับรถเล่นนะ”
    เขาตะโกนสั่งเพื่อนก่อนที่เสียงผักบัวจะดังขึ้น คนหนุ่มปล่อยให้น้ำเย็นรดรินผมยาวให้เปียกชื้น อยากลืมอดีตส่วนเลวร้ายให้จบไป…
    ……………………….

    จากคุณ : สายลมอิสระ - [ 1 พ.ย. 48 20:27:30 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป