CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    พระรูปอาถรรพ์ (บันทึกของคนเดินเท้า)

    บันทึกของคนเดินเท้า

    พระรูปอาถรรพ์


    เรื่องที่เกี่ยวกับพระบรมรูปทรงม้า หรือพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระ จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระปิยมหาราช นั้น มีนิยายปรำปราที่เล่าสืบต่อกันมาว่า พระบรมรูปซึ่งประดิษฐานอยู่ ณ ลานพระราชวังดุสิตมาร่วมร้อยปีนี้ เดิมนั้นพระมาลามียอดเป็นทองคำแท้ แต่ในกาลครั้งหนึ่ง ได้มีผู้ลักเด็ดเอาไปเสีย

    จนกรมศิลปากรหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับอนุสาวรีย์  ต้องอ้างหลักฐานว่าพระมาลาที่ทรงกับเครื่องแบบเต็มยศ ทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์นั้น มีพู่เป็นขนนกและไม่มียอดแหลม ไม่ว่าจะเป็นโลหะชนิดใดทั้งสิ้น สังเกตได้จากพระบรมฉายาลักษณ์ ที่ทรงฉายในโอกาส ต่าง ๆ เรื่องจึงได้กลายเป็นนิทานโคมลอยไปในที่สุด

    ครั้นมีคดีลักพระแสงกระบี่จากพระบรมรูปทรงม้า เมื่อ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๒๓ ซึ่งได้บันทึกไปเมื่อไม่นานนี้แล้ว เรื่องที่เกี่ยวกับพระบรมราชานุสาวรีย์แห่งนี้ก็ยังไม่จบ แต่กลับมีเรื่องที่น่าสนใจเกิดขึ้นอีก เมื่อเวลาได้ล่วงเลยมาปีกว่า แต่ไม่เป็นคดี

    คือเมื่อ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๒๔ ไม่ปรากฏเวลาที่แน่นอน ได้มีใครคนหนึ่ง ได้ปีนขึ้นไปบนพระบรมรูปทรงม้า หน้าพระที่นั่งอนัตสมาคม เพื่อนำพวงมาลัยขนาดใหญ่พวงหนึ่งไปคล้องคอม้า ทั้ง ๆ ที่เลยวันถวายบังคม มาแล้ว

    โดยไม่มีผู้ใดทราบวัตถุประสงค์ที่ได้ทำเช่นนั้น ซึ่งฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลดุสิต เจ้าของท้องที่ ก็ต้องติดตามหาบุคคลผู้กระทำการนี้ให้ได้ ดังเช่นกรณีลักพระแสงเมื่อปีก่อน

    แต่คราวนี้ไม่มีรายงานเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงไม่มีโอกาสได้ทราบว่า ผู้กระทำการนี้ทำอย่างไรจึงปีนขึ้นไปคล้องพวงมาลัยได้ โดยไม่ตกลงมาแข้งขาหัก เพราะเมื่อเจ้าหน้าที่จะปลดพวงมาลัยออก ยังต้องใช้รถบันไดของตำรวจดับเพลิงยืดขึ้นไปทำการดังกล่าว

    แต่บังเอิญเรื่องนี้ไม่เข้าข่ายเป็นคดีอาญา เรื่องจึงยุติลงแต่เพียงนั้น

    ถ้าจะให้สันนิษฐาน ก็น่าจะเป็นเพราะมีผู้บวงสรวง หรือบนบาลขอพระพร ให้ทำการสิ่งใดสิ่งหนึ่งสำเร็จลงได้ จึงมาทำการแก้บนด้วยพวงมาลัยขนาดใหญ่ เช่นเดียวกับที่มีผู้คนกระทำกันอยู่ในปัจจุบันนี้

    ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ไม่ได้เกิดกับพระบรมรูปทรงม้า แต่เกิดกับพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าอยู่หัว

                คือเมื่อเวลาใกล้รุ่งของวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๒๖ ได้มีคนร้ายเข้าไปโจรกรรมพระบรมรูปเหมือนเท่าพระองค์จริง ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๔ ซึ่งประดิษฐานไว้ในพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ พระนครคีรี ณ พระที่นั่งเวชยันต์วิเชียรปราสาท บนเขาวัง จังหวัดเพชรบุรี ไปโดยไร้ร่องรอย

    พระบรมรูปองค์นี้หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ น้ำหนักประมาณ ๒๐๐ ก.ก.สูงประมาณ ๑๗๐ ซ.ม.  ฉลองพระองค์ชุดจอมทัพไทย ทรงประทับยืนอยู่ในท่าพัก พระหัตถ์ขวาทรงพระแสงดาบ พระหัตถ์ซ้ายทรงถือสมุดปูม

    ผู้กำกับการตำรวจเพชรบุรีได้สั่งระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมทั้งมีอาสาสมัครจากชาวเพชรบุรีจำนวนมาก ร่วมในการค้นหาตามบริเวณป่าบนเขาวัง เพราะมั่นใจว่าคนร้ายคงยังไม่ได้นำลงไปจากเขา

    นอกจากนี้ยังระดมกำลังออกตรวจตามชายทะเล อันเป็นแหล่งจอดเทียบท่าของชาวประมง  ในจังหวัดเพชรบุรี ตั้งแต่อำเภอชะอำเรื่อยไปจนตลอดบ้านแหลมและหาดเจ้าสำราญ อันเป็นระยะทางทั้งสิ้นถึง ๕๒ ก.ม.

    แต่ก็ไม่ปรากฏว่าจะมีวี่แววของพระบรมรูปรัชกาลที่ ๔ แต่อย่างใด

    ขณะเดียวกันผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ได้เดินทางเข้ากรุงเทพ ออกสำรวจตามร้านค้าของเก่าต่าง ๆ ด้วยเกรงว่าคนร้ายจะนำมาขายแปรธาตุเป็นเงินไปแล้ว
    แต่ก็ไม่พบร่องรอยอีกเช่นกัน

    บรรดาชาวเมืองเพชรบุรีต่างก็มีความเดือดแค้นเป็นอย่างมาก เพราะการที่คนร้ายกระทำการอุกอาจเช่นนี้ เปรียบเสมือนเป็นการย่ำยีทำลายน้ำใจของชาวเมืองทั้งหมด

    ผู้เฒ่าผู้แก่ถึงกับจุดธูปเทียนอธิษฐานไหว้วอนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ช่วยดลบันดาลให้พระบรมรูปดังกล่าว ได้คืนมาเป็นมิ่งขวัญต่อไป

    จนกระทั่งถึงวันที่ ๗ มิถุนายน เวลาประมาณ ๐๕.๓๐ น. ขณะที่นายเกษม เปียผล อายุ ๑๙ ปี ราษฎรอำเภอบ้านหมอ จังหวัดสระบุรี กำลังเดินออกจากบ้านเข้าป่ามะม่วง เพื่อออกไปสู่ถนนสายพระพุทธบาท บริเวณวัดบ่อพระจันทร์ โดยจะนำของไปขายในตลาดพระพุทธบาทเช่นเคย  

    ได้สังเกตเห็นรถปิคอัพคันหนึ่งจอดซุ่มอยู่ในป่าหญ้าคา ข้างทาง และมีชาย ๒ คนเห็นนายเกษมเดินใกล้เข้ามา จึงรีบชิงวิ่งหนีไปขึ้นรถปิคอัพ แล้วสตาร์ทเครื่องขับหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว

    นายเกษมสงสัยว่าจะมีสิ่งใดอยู่ในซุ้มไม้ที่ชาย ๒ คนวิ่งออกมา จึงเดินเข้าไปดูก็พบพระบรมรูปรัชกาลที่ ๔ ถูกวางทอดนอนคว่ำพระพักตร์อยู่ในซุ้มไม้นั้น จึงนำความไปแจ้งกับผู้ใหญ่บ้านหมู่ ๗ ให้ทราบ

    ผู้ใหญ่บ้านจึงระดมชาวบ้าน มาช่วยแบกหามพระบรมรูปไปมอบให้ นายอำเภอ            บ้านหมอ

    เมื่อตรวจดูแล้วอย่างละเอียด ไม่ปรากฏว่ามีรอยบุบสลายแต่อย่างใด เพียงแต่มีความหมองคล้ำเล็กน้อยเท่านั้น จากนั้นก็ได้วิทยุรายงานให้นายร้อยเวรสถานีตำรวจภูธรบ้านหมอทราบ เรื่อง แล้วรายงานต่อไปยังผู้กำกับการตำรวจสระบุรี จากนั้นก็แจ้งไปยังผู้กำกับการตำรวจเพชรบุรี ให้ทราบข่าวนั้นในทันที

    และระหว่างที่รอให้เจ้าหน้าที่เพชรบุรีมารับกลับนั้น ได้นำพระบรมรูปไปประดิษฐานไว้หน้ากองกำกับการตำรวจสระบุรีเป็นการชั่วคราว
    ปรากฏว่ามีชาวสระบุรีไปสักการะกันอย่างเนืองแน่น

    ต่อมาเวลา ๑๕.๐๐ น. ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีได้มานำพระบรมรูปไปประดิษฐานไว้ที่หน้าศาลากลางจังหวัด  จัดทำพิธีรับขวัญโดยนิมนต์พระภิกษุ ๙ รูปมาสวดเพื่อเป็นศิริมงคล  
    ซึ่งมีประชาชนมาร่วมพิธีอย่างคับคั่ง

    จนถึงเวลา ๑๖.๓๐ น. ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี กับผู้กำกับการตำรวจเพชรบุรี จึงมารับมอบพระบรมรูป

    เจ้าหน้าชั้นผู้ใหญ่ทั้งสองได้กล่าวขอบคุณชาวจังหวัดสระบุรี และระหว่างกระทำพิธีรับมอบอยู่นั้น มีหญิงชราผู้หนึ่ง  อายุประมาณ ๖๐ ปี เกิดอาการชักกระตุกล้มกลิ้ง และดิ้นทุรนทุรายอยู่สักพัก ก็เอ่ยปากพูดด้วยเสียงแหบเครือแต่ดังลั่นว่า

    เอากูกลับวังให้เร็วที่สุด

    ท่ามกลางความตกตลึงพรึงเพริดของผู้ร่วมงานนับพันคน แต่เพียงครู่เดียวก็กลับสู่สภาพปกติตามเดิม หลังจากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีได้กล่าวมอบเงินจำนวนหนึ่ง ให้แก่นายเกษม ชาวบ้านผู้พบพระบรมรูป  โดยมอบผ่านทางจังหวัดด้วย

    สำหรับคนร้ายรายนี้ เจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นคนพื้นเพอยู่ที่เพชรบุรีนั่นเอง เข้าใจว่าต้องการจะเอาพระบรมรูปไปหลอมแปรรูปขายเท่านั้น แต่ไม่สามารถนำไปได้ไกลกว่านี้ เนื่องจากคงจะพบอภินิหารจากพระบรมรูป แสดงให้เห็น จึงเกิดความกลัว แล้วนำมาซุกไว้ในพุ่มไม้ดังกล่าว

    ส่วนทางด้านจังหวัดเพชรบุรี เมื่อได้ทราบข่าวว่าพบพระบรมรูปรัชกาลที่ ๔ แล้ว             ตั้งแต่เวลา ๑๒.๐๐ น.ประชาชนต่างก็มาชุมนุมกันอย่างเนืองแน่นหน้าศาลากลางจังหวัด  มีการติดตั้งเครื่องขยายเสียงประกาศให้ประชาชนได้รู้กันทั่วไป

    ต่อจากนั้นก็มีการจัดขบวนรถนับร้อยคัน จะไปรับพระบรมรูปที่จังหวัดสระบุรีทีเดียว แต่ทางสระบุรีได้ออกเดินทางนำพระบรมรูปมาตั้งแต่เวลาประมาณ ๑๘.๓๐ น. แล้ว

    ขบวนรถอัญเชิญพระบรมรูปจากจังหวัดสระบุรี มีขบวนรถคุ้มกันเต็มที่ ระหว่างทางที่ผ่านจังหวัดราชบุรี บริเวณวังมะนาว อำเภอปากท่อ และขบวนรถจากเมืองเพชรบุรีที่ไปรอรับพร้อมด้วยชาวบ้านหลายหมื่นคนจาก ๖ อำเภอของเพชรบุรี ก็พากันแห่แหนเข้าเขตจังหวัดเพชรบุรี เมื่อถึงเวลาประมาณ ๒๐.๓๐ น. ก็ได้อัญเชิญพระบรมรูปไปประดิษฐานไว้ที่โรงช้างเผือก สนามหน้าเขาวัง  

    ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรีและรองหัวหน้ากรมศิลปากร ได้จุดธูปเทียนบูชา และนิมนต์พระสงฆ์เจริญพระพุทธคุณ และจัดงานฉลองสมโภช ๓ วัน ๓ คืน เพื่อให้ชาวเพชรบุรี ได้สักการะบูชา ก่อนที่จะนำไปประดิษฐานในพระราชวังแห่งเดิม

    ในการนี้ถึงแม้จะไม่ได้ตัวคนร้าย มาลงโทษตามกฎหมาย แต่เมื่อได้พระบรมรูปคืนมาโดยมิได้บุบสลาย แล้ว ชาวเมืองเพชรบุรีก็คงจะโล่งอก สบายใจหายความทุกข์ร้อนด้วยกันทุกผู้ทุกคน

    และคงจะเป็นบทเรียนให้ระมัดระวัง สิ่งที่มีคุณค่าแก่การเคารพสักการะ ให้กวดขันยิ่งกว่าเดิมเป็นแน่.

    จากคุณ : เจียวต้าย - [ 2 พ.ย. 48 07:09:34 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป