-1-
เมื่อสองพันกว่าปีก่อนได้มีบุรุษผู้หนึ่งซึ่งเขามักจะรีบตื่นแต่ก่อนรุ่งสาง เขาจะรีบกินอาหารแล้วออกเดินทางออกจากบ้านเที่ยวเตร็ดเตร่ไปตามโบสถ์ บ้านเพื่อน ที่อาบน้ำสาธารณะ หรือไม่ก็มุมถนนไหนสักแห่งในกรุงเอเธนส์ที่สามารถใช้เป็นสถานที่สนทนาได้
- วันและเวลาของบุรุษผู้นี้มักจะหมดไปกับการสนทนาซึ่งเป็นสิ่งที่เขาโปรดปรานมากที่สุด.
เขาชอบเที่ยวไปเทศนาเกี่ยวกับตรรกวิทยาและสนทนาปรัชญาอย่างจริงจังเพื่อนำผล-คำตอบที่ได้มาใช้ปฏิบัติในชีวิตจริง ซึ่งคำว่า 'ปรัชญา' ในยุคสมัยนั้นหมายถึง 'การค้นหาคำตอบ' ในสิ่งที่ยังไม่เคยมีใครคิดขึ้นมาก่อน รวมทั้งปัญหาต่างๆที่จัดเป็นวิทยาศาสตร์ในสมัยปัจจุบันด้วย เช่น มนุษย์คืออะไร? ชีวิตคืออะไร? ใครเป็นผู้สร้างมนุษย์? ฯลฯ
จากการกระทำดังกล่าว ชื่อของเขาจึงปรากฏเป็นที่รู้จักกันในฐานะ 'ปรัชญาเมธี' คนสำคัญของกรีก เป็นนักปรัชญาเนื้อหอมที่บรรดาเหล่าเด็กหนุ่มหัวคิดใหม่พากันคลั่งไคล้ ชื่นชมแนวคิดและกลวิธีการสอนที่ให้อิสระในการคิด--
'โสเครตีส'..นั่นคือนามของบุรุษผู้นั้น
โสเครตีสได้ใช้ศิลปะการสนทนาเพื่อประคับประคองการสนทนาให้ดำเนินไปสู่คำตอบของปัญหาที่กำลังอภิปรายกันด้วยการเสแสร้งทำเป็นไม่มีความรู้-มีปัญหาที่ไม่รู้คำตอบ ซึ่งเป็นเหตให้ผู้รู้อยากแสดงภูมิออกมา..จากนั้นเขาก็จะระดมคำถามใส่คู่สนทนาไม่ต่างไปจากอัยการในศาล
เมื่อคู่สนทนาของเขาจนมุม-จนคำตอบ เขาก็จะแนะแนวทางให้ดำเนินความคิดต่อไป แต่ถ้าคู่สนทนาเกิดเชื่อมั่นในความคิด/เหตุผลของตนเองมากเกินไปเขาก็จะเสนอข้อโต้แย้งให้เกิดข้อสงสัยในความคิด/เหตุผลนั้นๆ..หลายครั้งที่เขามักจะหาเหตุผลที่เหมาะสมมาทำลายความคิดดั้งเดิมได้อย่างง่ายดาย
วิธีการ หรือ ศิลปะการสนทนาของโสเครตีสนี้เรียกโดยทั่วไปว่า 'วิภาษวิธี' (Dialection) ซึ่งประกอบด้วยลักษณะที่สำคัญๆคือ การตั้งข้อสงสัย, การสนทนา, การหาคำจำกัดความ, การอุปนัย และการนิรนัย
- ดูเหมือนทั้งบุรุษผู้มีนามว่า 'โสเครตีส' และนักปราชญ์อื่นผู้ร่วมยุคสมัยต่างก็ใช้วิธีการสนทนา พูดคุยกันและกัน..ระหว่างมนุษย์ด้วยกัน เพื่อค้นหาคำตอบที่จะเป็นทางออกอันเหมาะสมให้กับชีวิตด้วยการใช้สติ-ปัญญาจากอวัยวะที่เรียกว่า 'สมอง' มากกว่าอวัยวะที่เรียกว่า 'ปาก'.
-2-
ในศตวรรษที่ 21--วันนี้วันที่เรามีเครื่องไม้เครื่องมือสำหรับใช้ในการติดต่อสื่อสารอันทันสมัยต่างๆหลายหลาก เราต่างได้รับข่าวสาร ความรู้ ความบันเทิงต่างๆมากเสียยิ่งกว่าในยุคของโสเครตีสและปราชญ์ร่วมสมัย
เราไม่ปฏิเสธว่าวันนี้เรายังคงชอบที่จะพูดคุย-สนทนาซึ่งไม่แตกต่างและน้อยไปกว่าเมื่อสองพันกว่าปีเท่าไรนัก จะมีก็แต่เพียงเรื่องของกลวิธีและวัตถุประสงค์เท่านั้นที่ต่างกันออกไป..เปลี่ยนแปลงไปเมื่อผ่านพ้นกาลยุคสมัย
วันนี้--คนในสังคมนี้ ทั้งคนใกล้ตัว-รอบข้างต่างก็พอใจเลือกแต่จะพูด 'เรื่องส่วนตัว' จากสำนึกเบื้องแรกของทุกคน ทั้งเรื่องทุกข์-สุข ร้อน-หนาวในชีวิตประจำวันมากกว่า 'เรื่องส่วนรวม' ด้วยจิตวิญญาณที่จะหลอมรวมกับสิ่งที่ใหญ่กว่าตนเพื่อเข้าไปเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับสิ่งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรักในหมู่คณะ ชนชั้น ประเทศชาติ มนุษยชาติ ธรรมชาติ เอกภพ และจักรวาล..กลุ่มคนที่กล่าวถึงนี้ไม่ได้จำเพาะเจาะจงไว้เฉพาะที่คนรุ่นใหม่-รุ่นหลัง หากแต่รวมถึงคนรุ่นเก่า-รุ่นก่อนที่หล่อหลอมรวมกันอยู่ในสังคมที่ตกอยู่ในด้านมืดของกระแสโลกาภิวัตน์นี้ด้วยเช่นกัน
แม้ว่าวันนี้เราจะมีเรื่องที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารที่ทันสมัยเพียงใดหรือมากยิ่งขึ้นเท่าไรมันคงไม่ช่วยให้เราค้นหาคำตอบใดๆให้กับชีวิตได้มากนัก หรือเท่าที่ควร..
หากว่าเรายังคิดแต่จะ 'พูดก่อนคิด' มากกว่า 'คิดก่อนพูด' ในการสนทนาแต่ละครั้ง.
ด้วยมิตรภาพ.
1 พฤศจิกายน 2548
จากคุณ :
อานันท์-โจนาธาน
- [
2 พ.ย. 48 07:42:38
]