สิ่งที่วางอยู่บนโต๊ะค่อยๆระเหยหายลงทุกที ผมอยากฉุดรั้งให้คงอยู่ พยายามใช้สองมือป้องปิด แต่กลับไม่ช่วยใดๆได้เลย ไม่มีอะไรเหลืออยู่บนนั้นอีกต่อไปแล้ว...
เหมือนครั้ง คราวเป็นเด็ก หากเผลอทำลูกโป่งสวรรค์หลุดลอย สิ่งที่ผมทำได้คือ เงยหน้าเอียงคอมอง จดจ้องดูขนาดของลูกโป่งที่ค่อยๆเล็กลงๆ ยิ่งเล็กลงระยะห่างยิ่งถ่างกว้าง เกินไขว่คว้า
ลูกโป่งในมือที่ไม่สามารถดูแลได้ ใจสะทกเต้นในสุญญากาศเคว้งคว้าง ผมอยากใช้คำพูดทั้งหมดทุกภาษา ฉุดรั้งสิ่งอันจากไปให้ย้อนคืน
ไม่มีอีกต่อไป เหตุการณ์ดุจเดิม ความรู้สึกเก่า เรื่องราวบางอย่างที่ผ่านพบ เราได้แต่นั่งทอดอาลัย ครวญถวิล ทำได้เท่านี้จนกว่า เรื่องใหม่อันหลากหลายจะเข้ามาท่วมทับ ให้ยุ่งวุ่นในชีวิตลำดับถัดไปและถัดไป
เคยมองดวงดาวพร่างในฟ้ามืดกันบ้างไหมครับ ?
เราจะรู้สึกอย่างไร หากดาวดวงหนึ่งที่เราจ้องอยู่นั้น มันได้ลบลับไปต่อหน้าต่อตา บางทีเราคงไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิด ดาวบนฟ้ามีเป็นล้านให้ดวงตาเหหันมองทดแทน เราคงลืม ไม่ได้ใส่ใจกับดาวที่สูญไปดวงนั้นเลย จนล่วงเข้าวันที่ 3 วันที่ 5 หรือ 2 อาทิตย์ถัดมา ถัดจากนั้นวันไหนสักวัน เราถูกความรู้สึกเศร้าจู่โจมโดยไม่มีสาเหตุ
ใบหูเราเย็นเฉียบ ค่อยๆใช้มือคลำรอบๆ สัมผัสความเย็นของใบหู เราพบว่ามันเย็น เย็นพอๆกับมือเราเลยทีเดียว ความเหงาอีกแล้ว มาจากไหนกัน เหงาป่วนอารมณ์ จนคล้อยไปข้างเศร้า ขณะเอามือป้องปากพ่นไออุ่นผะผ่าวในร่าง ออกมา ถูเท้าขวากับเท้าซ้ายเข้าด้วยกัน(ใช่ เท้าเราเย็นเช่นกัน)
เราจัดแจงเตรียมทานข้าวเย็นได้ไม่นาน แต่ทำไมกับข้าวมันเย็นชืดเสียหมดแล้วทุกอย่าง โทรศัพท์ เครื่องที่เคยมีคนเรียกเข้าบ่อยๆกลับไร้สุ้มเสียง ร้างสัญญาณคลื่น รายการโทรทัศน์ที่มอบความบันเทิงหลากหลายให้เรายิ้มหวัว เป็นเพียงเทปบันทึกภาพจากอดีตที่ล่วงเลยมาแล้ว
ราวกับโลกภายนอกไร้สรรพเสียง รู้สึกเหมือนลิ้นด้านชา รับรสใดๆไม่ได้ทั้งสิ้น แล้วหัวใจเล่าทั้งที่จิตมัวมึนปานนี้ กลับเหมือนว่าเต้นช้า ช้าแบบอากาศที่เราค่อยๆผ่อนลมหายใจเข้าออก น่าแปลก น้ำตากลับเป็นสิ่งที่ให้ความรู้สึกอุ่น(แม้อุ่นเพียงช่วงสั้นในขณะเริ่มไหลริน) บางทีเราอาจไม่ได้เป็นผู้เฝ้ามองดาวดวงนั้น ตัวเราเองต่างหากที่เป็นดาวดวงนั้น ลับหายไปจากฟ้าในสายตาใครสักคน ใครคนนั้น...
ดาวกลาดเกลื่อนฟ้า ส่วนผู้เฝ้ามองมีสักกี่คนกัน
ฉันเคยคิดว่ารักคนอื่นมากกว่าเขา แต่พอเวลาผ่านไปกลับกลายเป็นเขาที่อยู่เคียงข้าง พอรู้ตัวอีกที ชีวิตของฉันก็ขึ้นกับเขาคนเดียว ถ้าฉันจะหัวเราะก็เพราะเขา ถ้าฉันจะร้องไห้ก็เพราะเขา
ทั้งที่ฉันคิดว่าเราใกล้ชิดกันเกือบตลอดเวลา แต่แล้ววันหนึ่ง เขาก็ใครอื่นโดยที่ฉันไม่รู้
ขอโทษนะ ถ้าผมจะพูดว่า คุณคงรู้สึกเหมือนโดนถีบตกจากผาสูง
มันแย่กว่านั้นตรงที่ฉันยังมีชีวิตอยู่
นั่นสินะ ทั้งที่เธอกับเขาใกล้ชิดกันขนาดนั้น ไปไหนมาไหน มีกิจวัตรชิดใกล้กันเกือบทุกเวลา รับรู้ความเป็นไปของชีวิตในระยะใกล้ทุกวัน เฝ้ามองความเปลี่ยนแปลงของกันและกัน โดยความรู้สึกแปลกตายากจะเกิด แต่แล้วเพียงคลาดคลากันชั่วประเดี๋ยว เขากลับเป็นใครสักคนที่เธอไม่รู้จัก ทำลายทุกความรู้สึกที่เคยมีต่อกัน
นับแต่นั้นชีวิตฉันมีแต่ความวุ่นวาย ฉันไม่สามารถหยุดอยู่นิ่งได้ ฉันต้องหาอะไรต่อมิอะไรทำ เดินทางไม่หยุดยั้ง ฉันอยากไปทุกที่ ที่ไหนก็ได้ ฉันพร้อมจะเดินเข้าไปหาสิ่งใหม่ๆ ผู้คนใหม่ๆ ไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกแล้วนี่นาในชีวิต นับแต่ปราศจากเขา
เราเจ็บช้ำเพราะสิ่งที่หวังคืนกลับไม่กลับคืน (อย่าถามว่าทำไม ?)
แหงนหน้ามองฟ้านั่งเดาสายการบินของเครื่องบินที่บินผ่านไป เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเดาถูก เครื่องบินไม่เคยบินกลับมาเฉลยให้เรารู้นี่นา (นอกเสียจากว่าเราจะได้นั่งอยู่บนเครื่องบินลำนั้น)
ทั้งที่อยู่ใกล้เธอขนาดนี้ แต่กลับ.....
ฉันรู้สึกแย่ ตัวฉันที่ผ่านมาคือใครกัน ทุกสิ่งที่ผ่านมาคืออะไร...
คุณไม่รู้หรอกว่า คุณน่ารักขนาดไหน
ฉันน่ารักยังไง ?
คุณน่ารักเหมือนลูกแมวน้ำ เธอทำใบหน้าสงสัย
ทำไมเหรอ ไม่คิดว่าลูกแมวน้ำน่ารักมั่งหรือ ? ผมคิดว่ามันน่ารัก ลูกแมวน้ำดวงตาบ้องแบ๊ว แบบไม่รู้ว่าชีวิตข้างหน้าจะพบเจอกับอะไร ส่วนคุณดวงตาบ้องแบ๊วแบบไม่รู้ว่าเคยพบเจออะไรมาบ้าง แต่มันน่ารักจริงๆนะ เชื่อผมสิ
เมื่อเราจมลงสู่ก้นทะเลลึก เราคงไม่ได้ยินเสียงใดๆ เสียงคลื่นสาดฝั่งคงหายไป เราคงถูกแรงดันกดทับ มันจะมืดสักขนาดไหนกัน ลืมตาแล้วจะมองเห็นอะไรบ้างหนอ ร่างไร้แรงด้วยถูกบดบีฑาจากมวลน้ำหนาหนัก จมลง จมลง.....
สัมผัสฉันสิ คุณจะได้รู้ว่าฉันคงอยู่ข้างคุณ หยดน้ำตาพาดลงตรงแก้ม ผมจูบกลืนน้ำตาของเธอ รับทอดอารมณ์เหงาเศร้านั้นเข้าไปภายใน
บางสิ่งบางอย่างนั้นงดงาม และยังคงงดงามอยู่เสมอ แม้บางครั้งหากนึกถึงขึ้นในบางอารมณ์จำเพาะเวลา สิ่งนั้นจะทำร้ายเราก็ตามที
เธอชอบแต่งตัว มีความสุขในการที่ได้เดินเข้าเดินออกเลือกดูเสื้อผ้าแบบต่างๆ หลายๆร้าน เธอชอบลองชุดต่างๆ มองตัวเองในกระจกยิ้มให้อย่างร่าเริง
เธอชอบขับรถคันเก่งไปทำงาน แม้ไฟแดงเนิ่นนานแต่เธอไม่ขุ่นเคือง
เธอโปรดปรานเค้กและไอศกรีม ใบหน้าสุขใสเมื่อได้ทานสิ่งเหล่านี้ในร้านเจ้าอร่อย
เธอชื่นชอบหนังสือ มีความสุขกับการได้อ่านวรรณกรรมเยาวชน หรือเรื่องราวของสาวแสบยุคใหม่ เธอชอบพลิกดูหนังสือตกแต่งบ้าน หอบมาวางไว้ข้างตัวกองใหญ่ เปิดไล่ดูทีละเล่ม
เธอหลงใหลการเดินทางท่องเที่ยว มักทำตาตื่นหากเห็น สถานที่สวยในหนังสือท่องเที่ยว และเธอแอบเก็บความปารถนาที่จะไปเยือนไว้ในใจที่เต้นโครมคราม
เวลาว่างหลังเลิกงาน เธอจะนัดพบเจอกับเขา เธอมีความสุขที่ได้พบหน้า พูดคุย หากไม่ได้เจอตัว เธอก็จะโทรถึง และในวันหยุด เขาจะมารับเธอที่บ้าน เธอจะนั่งเคียงข้างคู่เขา ทำกิจวัตรที่เธอชื่นชอบโดยมีเขาแนบใกล้
ถ้าสสารไม่เคยหายไป เพียงแต่เปลี่ยนรูปทรงหรือสถานะเท่านั้น แล้วอารมณ์ ความรู้สึกของคนเราเล่า ผมไม่คิดว่ามันจะหายไปเช่นกัน เพียงแต่มันคงถูกถ่ายทอดต่อกันจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่ง
ผมเป็นกระดาษทิชชู่ซับน้ำตาเธอเท่านั้น ผู้หญิงที่น้ำตาแห้งจะเก็บกระดาษเปื่อยๆไว้ทำอะไรเล่า เธอโยนทิ้ง ผมแปลบใจ ผมฝันอยากเป็นผ้าเช็ดหน้าของเธอ แต่เธอพกผืนประจำ ติดตัวอยู่แล้ว(ผืนใหญ่เสียด้วย)
เมื่อได้เห็นเธอกับเขา ผมอยากตะโกนบอกเธอดังๆว่า คุณรู้แล้วใช่ไหมว่า คุณน่ารักที่ตรงไหน ?
ผมลืมไปแล้วว่าตัวตนของผมก่อนพบเธอเป็นเช่นไร ผมพบแต่ตัวตนขณะนี้หลังเธอจากเท่านั้น น้ำตาที่เย็นแล้วมีรสขม และผมร้องไห้ได้เงียบสนิท
ผมยืนมึนอยู่กับที่ เลือดกำเดาค่อยๆไหลออกมา ผมใช้หลังมือปาด สีแดงเปื้อนเปรอะ คราบค้าง ก้าวเท้าช้าๆนั่งลงใต้ต้นมะพร้าว ถ้าเซอร์ไอแซค นิวตันได้ความคิดดีๆ ขณะนั่งมองดูแอปเปิ้ล หล่น ใต้ต้นแอปเปิ้ล ผมหวังว่าคงได้อะไรดีๆบ้างหากมะพร้าวร่วงหล่นใส่กลางหัว
ผมเพียงมองดูแต่ตัวเองมากเกินไป สงสารแต่ตัวเอง คร่ำครวญถึงความปวดร้าวของตัวเอง จึงพบแต่ความเศร้าของตัวเอง จิตใจเป็นดั่งดวงดาวดับลับซ้ำๆ แม้เป็นสิ่งที่รู้ แต่กลับฉุดตัวเองขึ้นมาได้ยากเต็มที
ผมยังทำอะไรไม่ถูกในขณะนี้ นอกจากนั่งมองท้องฟ้าอยู่ใต้ต้นมะพร้าว รอคอยการมาถึงของกลางคืน เพียงเพื่อส่องสายตาหาดาวสักดวงที่จะดับหายไปจากฟากฟ้าก่อนตัวตนของผม
......................................
ถ้าเคยอ่านเรื่องก่อนๆของผมคงพบว่าเรื่องนี้ก็คล้ายๆกัน ตัวละครเดิม เหตุการณ์เดิมๆ แถมยังน้ำท่วมทุ่งกว่าเดิม เชิญท้วงติงได้โดยไม่ต้องเกรงใจผู้เขียนครับ d^_^b เหอะๆ
ขอบคุณเพลง
ลังเล ของ Zentrady , It's very deep sea ของ Style council, Calling ของ Leona naess , Cry on demand ของ Ryan Adams (เป็นเพลงที่ชอบฟังขณะเขียนและพิมพ์)
จากคุณ :
อุปกรณ์ประกอบฉาก
- [
3 พ.ย. 48 02:14:31
A:203.113.81.36 X:
]