CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    เรื่องสั้น funny love:male ตอน "ตรวจหัวใจให้หน่อยครับหมอ" โดย กมลภัทร

    ฮัดเช่ย ! ฮัดเช่ย ! ฮัดเช่ย !

                 ผมจามเป็นชุดที่หก หลังจากนั่งตากลมเย็น ๆ จากเครื่องปรับอากาศรอเรียกเพื่อเข้าตรวจในโครงการของประกันสังคมอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง นึกสงสัยอยู่ในใจว่าตัวเองนั่งอยู่ในโรงพยาบาลหรืออยู่ในห้องเย็นกันแน่  คุณป้าวัยราว ๆ สี่สิบที่นั่งข้าง ๆ  หันมามองเป็นเป็นครั้งที่หกเช่นกัน สายตาที่มองมาเหมือนกับว่าผมเป็นเชื้อโรคเสียเอง ทั้ง ๆ ที่ความจริงเป็นความผิดของไอ้เจ้าเชื้อโรคตัวเล็ก ๆ ในร่างกายที่ทำให้ผมมีอาการหวัด คัดจมูก ร้อนไปทั้งตัวทั้งหน้าอยู่ตอนนี้

                  พยาบาลเดินสวนกันไปมา เสียบชาร์ทคนไข้ลงบนหน้าห้องหมอ เดินไปที่เคาน์เตอร์เพื่อเรียกคนไข้รายถัด ๆ ไปเข้ามารอ หรือรับใบนัด ทั้งหมดนี้ทำให้พยาบาลที่นับจำนวนจริง ๆ แล้วน่าจะมีประมาณไม่เกินสิบคน ดูราวกับว่ามีจำนวนนับร้อยขึ้นมาได้อย่างประหลาด ผมเริ่มรู้สึกว่ามีอาการเวียนหัวเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งอย่าง เมื่อหยิบผ้าเช็ดผ้าออกมาบีบลงไปบนจมูกแล้วใช้กำลังภายในดันสิ่งตกค้างออกมา คุณป้าคนข้าง ๆ ก็มองมาอย่างรังเกียจเป็นหนที่เจ็ด

                  โธ่ ! ป้า ผมเป็นหวัดนะ รังเกียจเสียอย่างกับผมเป็นขี้เรื้อน

                  “คุณพลสิทธิ์ เชิญห้องตรวจค่ะ”

                  พยาบาลสาวจิ้มลิ้มน่ารักเรียกชื่อผมเสียงหวาน ผมลุกขึ้นเดินไปตามเสียงเรียก เมื่อเข้าไปในห้องตรวจ ผมกะจะยกมือไหว้หมอด้วยความเคยชิน เพราะปกติเคยเจอแต่หมอมีอายุชนิดที่หนุ่มวัยเลยเบญจเพสมาไม่มากไม่น้อยอย่างผมยกมือไว้ได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ แต่แล้วเมื่อเห็นหน้าคุณหมอที่รอตรวจชัดเจน ผมก็ต้องชะงักมือเอาไว้

                 โอ๊ย ! คุณหมอทำใจผมละลายหมดแล้ว ตอนนี้ผมมีอาการใจสั่นเพิ่มมาอีกอย่าง มาโรงพยาบาลรักษาหวัดแท้ ๆ แต่ไหงได้อาการแทรกซ้อนเพิ่มเติมเสียเยอะแยะปานนี้ คุณหมอคนสวยเปิดปากถามอะไรบางอย่าง เมื่อผมทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ แต่ผมไม่ได้สนใจกับถ้อยคำที่ออกจากปากคุณหมอ สมาธิทั้งหมดใช้ไปกับการพิจารณาปากบางได้รูปที่แต้มด้วยสีชมพูอ่อน ๆ รับกับใบหน้าที่แต่งอ่อน ๆ จมูกได้รูปรับกับใบหน้าเรียว  ดวงตากลมโตสีดำสนิท เป็นประกายสุขใส  เรือนผมดำขลับราวกับนางแบบโฆษณาแชมพูนั้นยาวประบ่า

                  ผมได้แต่คิดในใจว่า คุณหมอคงจะถามคำถามสามัญประจำตำแหน่ง เมื่อคนไข้เข้าพบเพื่อตรวจ คิดหาคำตอบที่ฟังแล้วเลี่ยนน้อยที่สุดอยู่ในใจ ประสบการณ์การหยอดคำทักทายถูกนำมาใช้ประมวลในสมองอย่างเป็นระบบ

                  “ตรวจหัวใจให้ผมหน่อยครับหมอ รู้สึกว่าหัวใจผมจะล้มเหลวกระทันหัน”

                  แพทย์หญิงที่ผมไม่รู้ชื่อหัวเราะร่วน ผิดกับปฏิกิริยาของผู้หญิงไร้อารมณ์ขันคนอื่น ๆ เวลาผมทักทายด้วยประโยคเด็ด ซึ่งมักจะลงเอ่ยด้วยคำด่ายาวเป็นชุดหรือไม่อยากนั้นก็อาการสะบัดหน้าพรืดคล้าย ๆ กระทิงก่อนวิ่งเข้าใส่ผ้าแดงในสนามสู้วัว

                  ประกายอะไรบางอย่างใน ดวงตานั้นสุกใสเป็นประกายแบบซน ๆ คู่นั้นทำให้ผมนึกคุ้มขึ้นมาอย่างประหลาด

                  “พุก นี่ยังตลกเหมือนเดิมนะ”

                  เสียงเรียกชื่อเล่นกระทบโสตประสาทผมก่อนอื่น ก่อนที่ประโยคที่ตามมาจะถูกส่งเข้ากระแสประสาทและแปลความหมาย ผมนั่งนิ่งไม่รู้จะตอบอะไร ได้แต่ประหลาดใจว่าหมอที่นั่งตรงหน้าเป็นอายุรแพทย์ หรือว่าเป็นหมอผีกันแน่ ถึงได้เรียกชื่อเล่นผมได้ถูกต้องแม่นยำราวกับมีพรายกระซิบ

                  “ในใบบันทึกอาการนี่บอกว่า พุกเป็นหวัดนี่นา ไม่เห็นมีตรงไหนบอกว่าเป็นโรคหัวใจสักนิด อายุเพิ่งจะยี่สิบกว่าหัวใจยังแข็งแรงอยู่หรอก ไม่ล้มเหลวง่าย ๆ”

                  ตอนนี้คงต้องเพิ่มอาการเหวอด้วยความประหลาดใจเพิ่มขึ้นอีกอย่างแล้ว อาการชักหนักเข้าไปใหญ่แล้วสิ

                  “เอ่อ หมอรู้จักชื่อเล่นผมได้ไงครับเนี่ย”

                  ผมถามอย่างงง ๆ เรียกรอยยิ้มจากอายุรแพทย์สาวขึ้นมาอีกรอบ อาการหัวใจสั่นกระตุกของผมกำเริบอย่างเฉียบพลันขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

                  “จำเราไม่ได้เหรอ”

                  “ง่า......”

                  ถ้าจำได้หรือมีวี่แววสักนิดว่าผมจะจำได้ ผมคงไม่ต้องนั่งมึนอยู่อย่างนี้หรอก นึกแล้วก็ยังแปลกใจว่าผมเคยไปมีเพื่อนหน้าตาน่ารักแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ไม่น่าจะมีนะ ไม่ว่าจะเพื่อนมัธยม เพื่อนมหาวิทยาลัย หรือว่าเพื่อนที่ทำงานด้วยกันอยู่ตอนนี้ เอ...หรือว่า จะเป็นเพื่อนสมัยประถม เพื่อนผู้หญิงสมัยประถามหน้าตาจิ้มลิ้มอย่างนี้ไม่มีนี่หว่า ใครกันเนี่ย

                  คุณหมอคนสวยยังคงเหมือนจะเล่นสนุกกับท่าทีของผม แต่แล้วก็เหมือนจะนึกขึ้นได้เมื่อหันไปมองประตูห้องตรวจที่พยาบาลยังคงเดินสวนสนามกันอยู่ข้างนอก

                  “ซันนี่ไง จำไม่ได้เหรอ”

                  “ห๊า....”

                  ผมร้องออกไปคำเดียว แล้วก็ต้องตกใจเมื่อพยาบาลสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องอย่างตื่น ๆ ถามขึ้นอย่างสงสัย

                  “เกิดอะไรขึ้นค่ะหมอ”

                  ซันนี่เลิกคิ้วเล็กน้อย แสดงสีหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อมยิ้มนิด ๆ น่ายื่นมือไปหยิกแก้ม แต่ผมไม่แน่ใจว่าจะโดนสวนด้วยเข็มฉีดยา หรืออะไรก็ตามที่หมออาจจะใช้เป็นอาวุธได้เลยเก็บมือเก็บไม่มิดชิด

                  “ไม่มีอะไรค่ะ คนไข้แค่ตกใจนิดหน่อย เดี๋ยวหมอขอตรวจคนไข้ต่อนะคะ”

                  ซันนี่หันมาสนใจผมนิดหน่อยแล้วตอนนี้ ก่อนที่จะก้มหน้าลงอ่านชาร์ทอีกครั้งหนึ่ง

                  “มีไข้นิดหน่อย มีน้ำมูก แล้วก็......”

                  ฮัดเช่ย !

                  ผมจามเหมือนเป็นคำตอบ ซันนี่ยิ้มนิด ๆ แล้วพูดคำว่าจามออกมาเบา ๆ อย่างล้อเลียน ผมมองผู้หญิงตรงหน้าแล้วนึกถึงภาพเมื่อประมาณสิบกว่าปีที่แล้ว เด็กผู้หญิงตัวผอม ๆ มอมแมม ๆ และเป็นทโมนคอยวิ่งเล่นกับเด็กผู้ชาย

                  “ไม่มีอะไรหรอก คงเป็นไข้หวัดธรรมดา เอาเป็นว่าเดี๋ยวเราสั่งยาให้นะ เอาไปกินแล้วดูอาการก่อน ไม่หายก็กลับมาตรวจใหม่”

                  ซันนี่รีบตรวจอาการเขียนอะไรขยุกขยิกลงไปในแฟ้ม แล้วยื่นให้พยาบาลที่เหมือนจะรู้จังหวะเดินเข้ามารับแฟ้มประวัติไปทั้งแฟ้ม

                  ผมกำลังจะลุกออกจากห้อง เมื่อซันนี่หยิบนามบัตรใบเล็ก ๆ ยัดใส่มือ

                  “เรามีตรวจคนไข้นะ ออกเวรตอนเย็น ถ้ามีอะไรโทรมาก็แล้วกัน”

                  ผมพยักหน้ารับคำ แล้วเดินออกมาจากห้องอย่างลอย ๆ เหลือบดูชื่อที่หน้าห้องตรวจ บนป้ายมีชื่อแพทย์หญิงหรา ‘พญ.สุรีระยา พงษ์พัฒนบูลย์’ แย่จัง ทำไมผู้หญิงอาชีพหมอหรืออะไรที่เกี่ยวกับสุขภาพจะต้องมีสิทธิพิเศษเรื่องคำนำหน้าชื่อด้วยนะ ผมดันจำนามสกุลของซันนี่ไม่ได้ซะด้วยสิ แล้วไอ้ “พญ.” ที่ว่านี่ มันพญ. นาง หรือ พญ. นางสาว สุรีระยากันแน่หว่า

                 หมอสาวอายุยี่สิบกว่า ๆ นี่เขาจะแต่งงานกันหรือยังนะ ผมคิดแล้วก็ได้แต่ถอนใจ เพราะถึงคำนำหน้าชื่อของซันนี่จะเป็นนางสาวจริง แต่ก็ใช่ว่าผมจะมีสิทธินี่นะ หน้าตาแบบซันนี่ ถ้าไม่มีแฟนคงนับได้ว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์อันดับต้น ๆ ของประเทศได้

                 เฮ้อ ! สงสัยจะต้องกินแห้วซะแล้ว ขืนให้จีบจริง ๆ มีหวังผมต้องมาเป็นคนไข้ให้คุณหมอซันนี่รักษาอาการหัวใจเดาะอีกหนแน่ ๆ



                  ผมเกิดอาการความรักเป็นพิษอยู่หลายวัน แม้ว่าไข้หวัดนั้นจะหายไปแล้วหลังจากกินยาได้แค่สองวันเท่านั้น นามบัตรที่ซันนี่ให้มานอนอยู่ในกระเป๋าสตางค์โดยที่ผมไม่คิดแม้แต่จะเตะต้อง ไม่อยากจะคิดถึงความผิดหวังที่จะเกิดขึ้นถ้าหากผมโทรไปหาแล้วซันนี่อยู่กับคนรัก สามี ลูก หลาน โหลน เหลน โอ๊ย ! แค่คิดก็ปวดใจ บางครั้งผมก็ต้องยอมรับกับตัวเองว่าไม่กล้าจีบใครจริงจังเพราะกลัวความผิดหวังเป็นที่ตั้ง

                 นี่ถ้ารู้สักนิดว่าเด็กสาวมอม ๆ ผอม ๆ อย่างซันนี่จะแปรสภาพเป็นหงส์อย่างทุกวันนี้ ผมคงจีบตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ตอนนี้ผมคงเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดคนหนึ่งเลยทีเดียว

                 ผมเล่าความทุกข์ใจนี้ให้เพื่อนสนิทของผมฟัง ไอ้เจเป็นเพื่อนที่มักจะให้กำลังใจเสมอเวลาใครปรึกษาอะไร ระหว่างเล่าผมต้องพยายามเล่าให้เกินจริงนิดหน่อยเพื่อปิดบังว่าผมกำลังกลุ้มใจจริง ๆ ไม่อย่างนั้นไอ้เจเล่นผมไม่เลิกแน่

                 “ข้ากลัวจะจีบเขาไม่ติดวะ มันจะเสียเพื่อนซะเปล่า ๆ นะ เจอกันจะมองหน้ากันไม่ติด อยากมีอะไรสวย ๆ งาม ๆ ไว้ดูเล่นนาน ๆ ว่ะ อีกอย่างกับคนอื่นข้าไม่คิดอะไรนะเว้ย  แต่กับซันนี่ข้าว่าข้ารักจริง พอเห็นหน้าเขาครั้งแรกข้าก็รู้เลยว่า ถ้าข้าถอนตัวถอนใจไม่ทัน ข้าจะต้องรักเขาไปตลอดชีวิต”

                 “โธ่ ไอ้นี่ทำมาน้ำเน่า.......... ทำเป็น.......... ทีคนอื่น ข้าเห็นเอ็งจีบทิ้งจีบขว้าง ติดไม่ติดไม่เห็นจะสนใจ นี่อะไรวะ แค่ไปเจอเพื่อนเก่าที่แค่น่ารัก สวย เฟอร์เฟคท์แค่นี้ มาออกอาการหมาหงอย เสียฟอร์มหมดนะเว้ย อยากจีบก็จีบสิวะ ติดก็ติดไม่ติดก็ไม่เห็นเป็นไร ผู้หญิงมีเยอะแยะจะจีบเล่น ๆ แก้เบื่ออีกสักคนจะเป็นไร”

                  “เหมือนอย่างเอ็ง ที่จีบทิ้งจีบขว้างมาร่วมร้อยคนแล้ว ยังไม่ติดเป็นตัวเป็นตนสักคนน่ะเหรอ”

                 ผมดักคอ จนไอ้เจทำหน้าเซ็ง ทำปากขมุบขมิบให้พร หยิบนามบัตรที่ผมเอาให้ดูไป พร้อม  ๆ กับแบมือออกมา

                 “อะไรของเอ็ง”

                 “มือถือเอ็งน่ะ เอามา เอ็งไม่โทรข้าจัดการให้เอง แล้วเอ็งคุยกับเขา”

                 “เฮ้ย ! ไม่เอา จะบ้าหรือไง ข้าไม่รู้จะพูดอะไรกับเขา”

                 “ไอ้พุกเอ๊ย ! ถ้าเอ็งไม่กล้าเริ่มแล้วเอ็งจะรู้ได้ไงว่าอนาคตเป็นยังไง อย่างข้านะเว้ย ถึงจะจีบแล้วไม่ติดมาไม่รู้เท่าไหร่ ก็ดีกว่าเอ็งแหละ ทำท่าจะจีบ ๆ แล้วก็ยูเทิร์นกลับทุกที อย่างมีเมื่อไหร่มันจะรู้วะ ว่าทางข้างหน้ามันผ่านฉลุยหรือว่ามันจะตัน”

                 ไอ้เจพูดทำหน้าเซ็งอีกครั้ง ท้าวสะเอวมองหน้าผมอย่างระอาใจ เปลี่ยนจากจับนามบัตรนั้นมือเดียวมาจับสองมือในท่าเตรียมฉีก

                 “โอเค เอ็งไม่โทรงั้นก็ฉีกทิ้งเถอะวะ เสียของเปล่า ๆ”

                 “เฮ้ย อย่านะเว้ย”

                 ผมร้องห้ามเสียงหลง ไอ้เจดูท่าทางจะพอใจที่สุดท้ายผมก็แพ้ไอ้เจจนได้ มันยิ้มอย่างภูมิใจในชัยชนะ รับโทรศัพท์มือถือที่ผมยื่นให้ไปกดเบอร์ตามนามบัตรนั้นแล้วยื่นให้ ยิ้มเจ้าเล่ห์ชวนให้เท้ากระดิก

                 เสียงใส ๆ กล่าวสวัสดีทักทายมาตามสาย ผมเหมือนหูอื้อตาลายขึ้นมา คำทักทายตอบเหมือนจะหลงวนเวียนอยู่แถว ๆ ลิ้นไก่ จนไอ้เจต้องกระทุ้งสีข้าง

                 “ง่า......นี่เราเองนะซันนี่ พุก”

                 “นึกว่าจะไม่โทรมาซะแล้ว ให้เบอร์ไปตั้งหลายวัน เพิ่งจะโทรมา ดีนะที่พุกโทรมาตอนนี้ เรากำลังจะเข้าประชุมพอดีเลย”

                 “เลิกประชุมกี่โมง เราจะโทรหาอีกที”

                “ไม่รู้เหมือนกัน นี่เบอร์พุกใช่ไหม เอาเป็นว่า เลิกประชุมแล้วเราโทรกลับเอง”

                ผมพยักหน้าเบา ๆ แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่ากำลังพูดโทรศัพท์ไม่ได้อยู่ต่อหน้าเจ้าตัว จึงรีบรับคำระล่ำระลัก

                “ได้ ๆ ๆ แล้วคุยกันนะ”

                 ผมกดตัดสายแล้วหันไปมองไอ้เจ เห็นท่าทางของไอ้เพื่อนตัวดีแล้ว เท้าก็กระตุกขึ้นมาอีกอย่างไม่รู้สาเหตุ

                 “เป็นไงวะ ว่าไงบ้าง”

                 “เอ็งเอาหูแนบโทรศัพท์ข้าขนาดนี้ ยังไม่ได้ยินอีกเหรอว่าเขาว่าอะไร”

                 “เอ่อ ข้าก็แนบไปงั้นแหละ ได้ยินที่ไหน คนอย่างข้ามีมารยาทเว้ย”

                 ผมมองมันอย่างปลง ๆ ไม่รู้ว่าจะขำหรือจะเคืองมันดี เลยทำท่าเหมือนจะชู๊ตมันเข้าประตูไปที แต่ไอ้เจก็ยังทำลอยหน้าลอยตากวนประสาทไม่เลิก ผมก็เลยสนองด้วยการซัลโวป๊าบเข้าไปเต็ม ๆ ที่ขาพับ ไอ้เพื่อนจอมกวนถึงทรุดลงไปคุกเข่ากับพื้น

                 “เฮ้ย ! เอาจริงเหรอวะ”

                 “เอ่อ ดิ เอาจริง ข้าไปละ เอ็งจะไปรึยัง ข้าหิวแล้ว”

                 “ไป ๆ รอด้วยสิวะ เล่นมาเจาะยางกันแล้วเดินหนีงี้ ข้าจะเดินทันได้ไง”

                 ผมหันไปมองไอ้เจที่เดินกะเผลก ๆ ตามมา แม้จะเพิ่งโดนดีไปหมาด ๆ แต่มันก็ยังยิ้มระรื่นได้เหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน

    แก้ไขเมื่อ 04 พ.ย. 48 09:46:29

    แก้ไขเมื่อ 04 พ.ย. 48 09:44:13

    แก้ไขเมื่อ 04 พ.ย. 48 09:36:23

    แก้ไขเมื่อ 04 พ.ย. 48 09:32:42

    แก้ไขเมื่อ 04 พ.ย. 48 09:29:52

    จากคุณ : Jason_Bourne - [ 3 พ.ย. 48 09:02:56 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป