CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    เฮ้อ !!เรียนจบเสียที ( หัดเขียนค่ะ ช่วยเข้ามาแนะนำด้วยนะค่ะ)

    น้ำพราวเดินอย่างคนหมดเรี่ยวแรงเข้ามายังตึกหอพักหญิงย่านรามคำแหง
    อันเป็นที่พักของหล่อนห้องของหล่อนเป็นห้องเล็กแคบมีหน้าต่างเพียงบานเดียวเอาไว้หายใจ  
    หล่อนใช้มือเล็กๆควานหาลูกกุญแจห้องในกระเป๋าเป้ใบเล็กๆที่หล่อนใช้อยู่เป็นเวลาหลายปี
    ตั้งแต่เริ่มเข้าเรียนในมหาวิทยารามคำแหง จนปัจจุบันห้าปีครึ่ง
    สีสันของเป้ใบเล็กก็ดูเหมือนจะซีดจางไปตามกาลเวลา
    ก็คงจะเหมือนๆกับน้ำพราวที่ตอนนี้ยังเรียนไม่จบระดับปริญญาตรีเสียที
    หล่อนรู้สึกเหนื่อยล้าเหลือเกินกับชีวิตที่ต้องเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย
    ประตูห้องพักหรือที่น้ำพราวมักบอกกับพี่ๆที่ทำงานอยู่เป็นประจำว่า “ ที่ซุกหัวนอนของพราว”
    ถูกเปิดออกเผยให้เห็นเตียงเล็กๆอยู่สองเตียงตามแบบฉบับของหอพักหญิงทั่วๆไป
    น้ำพราววางกับข้าวที่ซื้อติดมือมาจากปากซอยลงบนโต๊ะอ่านหนังสือ
    ก่อนจะล้มตัวลงบนเตียงนอนที่อยู่ติดริมหน้าต่างด้วยความเหนื่อยอ่อน
    แล้วพราวก็เหลือบไปเห็นโน็ตแผ่นเล็กๆของเพื่อนร่วมห้องติดอยู่ข้างฝา
    “ เอ๋ไปอ่านหนังสือบ้านพี่นะค่ะไม่กลับห้องสองคืนค่ะ “ อ่านโน๊ตจบน้ำพราวก็ต้องรีบผลุดลุกขึ้นจากเตียงทันที
    “ใช่หนังสือฉันต้องอ่านหนังสือพรุ่งนี้สอบเป็นวิชาสุดท้าย “
    หล่อนบ่นพึมพำกับตัวเองก่อนจะกระวีกระวาดไปหยิบหนังสือวิชา สื่อโฆษณาออกมาอ่านอย่างเบื่อหน่าย
    เท่าที่หล่อนจำได้นี่เป็นครั้งที่สี่แล้วมั้งที่หล่อนต้องสอบซ่อมวิชานี้ สอบจนเบื่อเมื่อไหร่ก็สอบไม่ผ่าน
    เวลาไปเรียนก็ไม่มี ทำแต่งาน ไม่ทำงานก็ไม่มีเงินเรียน คิดๆแล้วก็สงสารตัวเอง อยากเกิดมาจนช่วยไม่ได้  
    ถ้าเทอมนี้หล่อนสอบผ่านทั้งหมดห้าวิชามันก็คงจะดีหล่อนจะได้จบเสียที
    จะได้หมดสภาพเรียนด้วยทำงานด้วยไปซะที  คิดมากไปก็ทำอะไรไม่ได้หล่อนจึงนั่งลงกับพื้น
    ข้างๆเตียงแล้วเริ่มเปิดหนังสืออ่านอย่างอย่างตั้งใจ
    อ่านไปได้ไม่กี่บทหนังตาเจ้ากรรมก็เริ่มหนักอึ้ง
    หล่อนก็เลยพักสายตาด้วยการพิงศรีษะลง กับขอบเตียงและหลับตาลงอย่างช้าๆ
     
         น้ำพราวนอนน้อยมาหลายคืนเพราะการทำงานดึกดื่นเนื่องจากบริษัทที่หล่อนทำอยู่
    เพิ่งเข้าไปรวมกับสำนักงานใหญ่ได้ไม่ถึงเดือนจึงต้องนำงบดุลของบริษัทเดิมกับสำนักงานใหญ่มารวมกัน
    น้ำพราวอยู่แผนกบริหารการพาณิชย์ที่ต้องทำงานร่วมกับแผนกบัญชี
    และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้น้ำพราวต้องกลับดึกทุกคืน
    ถ้าเป็นช่วงเวลาปกติน้ำพราวก็คงจะไม่เหนื่อยอะไรมากมายแต่นี่เป็นช่วงสอบด้วย
    มันก็เลยทำให้แบตเตอรรี่ในตัวหล่อนหมดไปนั่นเอง
    “อูย ปวดคอฉิบ” น้ำพราวลืมตาขึ้นหลังจากรู้สึกปวดต้นคออย่างแรง
    หล่อนงัวเงียแล้วใช้มือขวานวดคอเบาๆส่วนอีกมือหนึ่งเอื้อมไปหยิบนาฬิกามาดู
    “ตาย ห่...ตีสองแล้วเหรอเนี่ย นี่เรานั่งหลับไปได้ยังไงตั้ง 3ชั่วโมง ข้าวก็ยังไม่ได้กิน โอยง่วงก็ง่วง
    หนังสือก็อ่านไม่ถึงใหนแต่ช่างเถอะไม่ไหวแล้ว”
    น้ำพราวพึมพำก่อนจะลุกไปปิดไฟนอนถ้าให้เลือกระหว่างนอนกับกิน
    ในตอนนี้น้ำพราวขอเลือกที่จะนอนทั้งๆที่ไม่ได้อาบน้ำ
    ช่างมันนอนคนเดียวไม่ได้นอนกับใครแล้วก็ไม่ได้มีเหงื่อออกอะไรมากมาย
    เพราะทำงานอยู่ห้องแอร์ทั้งวัน จะยกเว้นก็แต่ตอนโหนรถเมล์กลับห้องก็เท่านั้น
    พรุ่งนี้ตื่นเช้าไปสอบตอนบ่ายไปทำงาน..อีกแล้วชีวิต
    ---------------------------------------------------------
    น้ำพราวพาสมองอันบอมช้ำจากการสอบเล่มสุดท้ายเข้ามาถึงที่ทำงานประมาณบ่ายโมงกว่า
    “เป็นไงพราวทำข้อสอบได้ไหม”
    พี่ปอหัวหน้างานของพราวเอ่ยถามขณะที่พราวกำลังจะเดินผ่านโต๊ะทำงานของพี่ปอไป  
    พราวทำหน้ายุ่งก่อนตอบ
    “เขียนได้ประมาณ สองข้อแหละพี่ อีกสามข้อก็เขียนชักแม่น้ำมาเขียนค่ะพี่  
    คือเมื่อคืนพราวอ่านหนังสือแค่นิดเดียวแล้วก็สลบไปเลยค่ะพี่”
    พี่ปอพยักหน้าอย่างเห็นใจและเข้าใจว่าลูกน้องเหนื่อย
    แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะเรื่องตัวเลขย้อนหลังและ
    งบดุลที่ต้องรวมกับสำนักงานใหญ่ต้องอาศัยความแม่นยำและความจำเป็นเลิศของลูกน้องคนนี้
    “ พราวก็ขยันอ่านหนังสือหน่อยสิ พราวหนะเก่งและก็ฉลาด แต่เสียอยู่อย่างเดียว “
    “ขี้เกียจอ่านหนังสือใช่ไหมค่ะพี่ปอ”
    น้ำพราวกล่าวต่อก่อนที่พี่ปอจะพูดจบ
    “ ก็รู้ตัวเหมือนกันนี่เรา” พี่ปอหัวเราะอย่างคนอารมณ์ดี
    “ รู้สิค่ะพี่ก็ตอนเรียน ม.ปลาย อาจารย์บอกประจำ ว่าพราวเก่ง ฉลาดแต่ขี้เกียจ มัวแต่เล่น
    แหมพี่เรียนมากมันปวดหัวนะค่ะ และอีกอย่างหนึ่ง พราวรู้ตัวว่าเรียนไปก็ไม่มีตังค์ไปสอบ Entrance
    เหมือนกับเพื่อนคนอื่นนีนา เลยเรียนๆเล่นไป แต่ตอนนี้ไม่ได้เล่นนะพี่เอาจริง
    แต่มันเหนื่อยค่ะทำงานแล้วกลับไปอ่านหนังสือ หัวสมองมันไม่รับค่ะพี่”
    พราวบ่นเสียยาวก่อนจะขอตัวไปทำงานต่อ โดยมีสายตาของหัวหน้ามองตามด้วยความเห็นใจ
    -----------------------------------------------------------
    หลังสอบผ่านไปประมาณหนึ่งเดือน
    “พราว  ทำอะไรอยู่” แก้วไปเคาะประตูห้องของเพื่อน ที่อยู่ตรงข้ามกับห้องของหล่อนในเย็นวันหนึ่ง
    “ ไม่ได้ทำอะไร เข้ามาสิประตูไม่ได้ล๊อค” พราวตะโกนออกมาจากในห้อง
    ประตูถูกเปิดออกพร้อมกับรอยยิ้มของแก้ว
    “ เราไปดูผลสอบให้พราวแล้วนะ ออกแค่สี่ตัว เหลืออีกตัวหนึ่งที่ยังไม่ออก “
    พราวหูผึ่งขึ้นมาทันทีทันใด “ แล้วไงเราผ่านบ้างไหม” พราวถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
    “ ไม่ “แก้วพูดยังไม่จบ พราวก็หน้าจ๋อยลงทันที  “ ไม่ตกเลยสักเล่มต่างหากพราว”
    “ เฮ้ย จริงอ่ะ  อย่าหลอกนะ “ พราวเขย่าแก้วด้วยความดีใจ
    “จริงสิ เหลือแต่ วิชาสื่อโฆษณานั่นแหละพราวที่ยังไม่ออก “
    “ โอย วิชานี้อีกแล้วแก้ว สงสัยเราไม่จบอีกแล้วเทอมนี้”  พราวพูดอย่างเหนื่อยอ่อน
    “ เฮ้ยพราว กระบี่ยังไม่ได้ชักออกจากฝัก แกก็จะตายก่อนโดนฟันแล้วเหรอไงเพื่อน”
    พราวหัวเราะในคำปลอบของเพื่อนก่อนจะพยักหน้าอย่างเข้าใจ
    ---------------------------------------------------------------------------------
     “ แก้วเสร็จหรือยัง”
    พราวไปเคาะประตูห้องเพื่อนในเช้าวันเสาร์
    “ เสร็จแล้ว จะรีบไปใหนมหาวิทยาลัยก็อยู่แค่นี้ “
    แก้วบ่นก่อนจะหันไปล๊อคประตูห้อง
    สองสาวเดินไปยังบอร์ดประกาศผลสอบของคณะบริหารเพื่อไปดูผลสอบ
    พราวไล่นิ้วไปตามบร์อดเพื่อหารหัสนักศึกษาของตัวเอง มือของพราวสั่นน้อยๆด้วยความตื่นเต้น
    บวกกับกลัวกับผลสอบที่กำลังจะปรากฎอยู่ข้างหน้า  
    “ แก้ว เราได้ P  เราผ่านแก้วเราดูไม่ผิดใช่ไหม เราจบแล้วใช่ไหม “ พราวเขย่าแขนเพื่อนด้วยความดีใจ
    แล้วก็กระโดดตัวลอยโดยไม่สนใจนักศึกษาคนอื่นๆที่กำลังวุ่นอยู่กับการตรวจผลสอบอยู่
    “ โอย เราจะทำอะไรก่อนดีแก้ว ตัวมันเบามันโล่งจนแทบจะลอยได้ เราโทรไปบอกที่บ้านก่อนดีใหม “
    พราวพูดเองแล้วก็วิ่งไปยังตู้โทรศัพท์สาธารณะที่อยู่
    ไกล้ตัว โดยมีแก้วหัวเราะและก็วิ่งตามเพื่อนไปด้วยความดีใจ
    “ เฮ้อ  เราดีใจสุดๆ  กว่าจะจบเป็นบัณทิตได้ก็อายุปาไป 25ปี แล้วน่ะแก้ว แต่มันก็คงไม่สายเกินไปนะแก้วนะ
    จบกันเสียที เรื่องเรียน ไม่เอาอีกแล้ว ”
    พราวบอกกับแก้วอีกครั้งหลังจากออกมาจากตู้โทรศัพท์  

    สองปีผ่านไป
    “ พราวเป็นไงบ้างเรียนโท “
    พี่ปอทักขณะที่พราวกำลังจะเดินผ่านโต๊ะทำงานของพี่ปอไป
    “ เหนื่อย จังเลยพี่ปอ รู้งี้พราวไม่เรียนหรอก เรียนด้วยทำงานด้วยเหนื่อยค่ะ ไม่ไหว “
    พี่ปอหัวเราะก่อนจะส่ายหน้า สองปีก่อนพราวก็พูดแบบนี้ แต่พอจบปริญาตรีได้สองปี
    เจ้าตัวก็มาบอกว่าจะสอบเรียนโท เพราะรู้สึกชีวิตมันว่างมาก ..
    บ่นไปเถอะพราวหาเรื่องเองแท้ๆ......

    จากคุณ : เส้นทาง - [ 3 พ.ย. 48 23:25:47 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป