น้ำพราวเดินอย่างคนหมดเรี่ยวแรงเข้ามายังตึกหอพักหญิงย่านรามคำแหง
อันเป็นที่พักของหล่อนห้องของหล่อนเป็นห้องเล็กแคบมีหน้าต่างเพียงบานเดียวเอาไว้หายใจ
หล่อนใช้มือเล็กๆควานหาลูกกุญแจห้องในกระเป๋าเป้ใบเล็กๆที่หล่อนใช้อยู่เป็นเวลาหลายปี
ตั้งแต่เริ่มเข้าเรียนในมหาวิทยารามคำแหง จนปัจจุบันห้าปีครึ่ง
สีสันของเป้ใบเล็กก็ดูเหมือนจะซีดจางไปตามกาลเวลา
ก็คงจะเหมือนๆกับน้ำพราวที่ตอนนี้ยังเรียนไม่จบระดับปริญญาตรีเสียที
หล่อนรู้สึกเหนื่อยล้าเหลือเกินกับชีวิตที่ต้องเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย
ประตูห้องพักหรือที่น้ำพราวมักบอกกับพี่ๆที่ทำงานอยู่เป็นประจำว่า ที่ซุกหัวนอนของพราว
ถูกเปิดออกเผยให้เห็นเตียงเล็กๆอยู่สองเตียงตามแบบฉบับของหอพักหญิงทั่วๆไป
น้ำพราววางกับข้าวที่ซื้อติดมือมาจากปากซอยลงบนโต๊ะอ่านหนังสือ
ก่อนจะล้มตัวลงบนเตียงนอนที่อยู่ติดริมหน้าต่างด้วยความเหนื่อยอ่อน
แล้วพราวก็เหลือบไปเห็นโน็ตแผ่นเล็กๆของเพื่อนร่วมห้องติดอยู่ข้างฝา
เอ๋ไปอ่านหนังสือบ้านพี่นะค่ะไม่กลับห้องสองคืนค่ะ อ่านโน๊ตจบน้ำพราวก็ต้องรีบผลุดลุกขึ้นจากเตียงทันที
ใช่หนังสือฉันต้องอ่านหนังสือพรุ่งนี้สอบเป็นวิชาสุดท้าย
หล่อนบ่นพึมพำกับตัวเองก่อนจะกระวีกระวาดไปหยิบหนังสือวิชา สื่อโฆษณาออกมาอ่านอย่างเบื่อหน่าย
เท่าที่หล่อนจำได้นี่เป็นครั้งที่สี่แล้วมั้งที่หล่อนต้องสอบซ่อมวิชานี้ สอบจนเบื่อเมื่อไหร่ก็สอบไม่ผ่าน
เวลาไปเรียนก็ไม่มี ทำแต่งาน ไม่ทำงานก็ไม่มีเงินเรียน คิดๆแล้วก็สงสารตัวเอง อยากเกิดมาจนช่วยไม่ได้
ถ้าเทอมนี้หล่อนสอบผ่านทั้งหมดห้าวิชามันก็คงจะดีหล่อนจะได้จบเสียที
จะได้หมดสภาพเรียนด้วยทำงานด้วยไปซะที คิดมากไปก็ทำอะไรไม่ได้หล่อนจึงนั่งลงกับพื้น
ข้างๆเตียงแล้วเริ่มเปิดหนังสืออ่านอย่างอย่างตั้งใจ
อ่านไปได้ไม่กี่บทหนังตาเจ้ากรรมก็เริ่มหนักอึ้ง
หล่อนก็เลยพักสายตาด้วยการพิงศรีษะลง กับขอบเตียงและหลับตาลงอย่างช้าๆ
น้ำพราวนอนน้อยมาหลายคืนเพราะการทำงานดึกดื่นเนื่องจากบริษัทที่หล่อนทำอยู่
เพิ่งเข้าไปรวมกับสำนักงานใหญ่ได้ไม่ถึงเดือนจึงต้องนำงบดุลของบริษัทเดิมกับสำนักงานใหญ่มารวมกัน
น้ำพราวอยู่แผนกบริหารการพาณิชย์ที่ต้องทำงานร่วมกับแผนกบัญชี
และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้น้ำพราวต้องกลับดึกทุกคืน
ถ้าเป็นช่วงเวลาปกติน้ำพราวก็คงจะไม่เหนื่อยอะไรมากมายแต่นี่เป็นช่วงสอบด้วย
มันก็เลยทำให้แบตเตอรรี่ในตัวหล่อนหมดไปนั่นเอง
อูย ปวดคอฉิบ น้ำพราวลืมตาขึ้นหลังจากรู้สึกปวดต้นคออย่างแรง
หล่อนงัวเงียแล้วใช้มือขวานวดคอเบาๆส่วนอีกมือหนึ่งเอื้อมไปหยิบนาฬิกามาดู
ตาย ห่...ตีสองแล้วเหรอเนี่ย นี่เรานั่งหลับไปได้ยังไงตั้ง 3ชั่วโมง ข้าวก็ยังไม่ได้กิน โอยง่วงก็ง่วง
หนังสือก็อ่านไม่ถึงใหนแต่ช่างเถอะไม่ไหวแล้ว
น้ำพราวพึมพำก่อนจะลุกไปปิดไฟนอนถ้าให้เลือกระหว่างนอนกับกิน
ในตอนนี้น้ำพราวขอเลือกที่จะนอนทั้งๆที่ไม่ได้อาบน้ำ
ช่างมันนอนคนเดียวไม่ได้นอนกับใครแล้วก็ไม่ได้มีเหงื่อออกอะไรมากมาย
เพราะทำงานอยู่ห้องแอร์ทั้งวัน จะยกเว้นก็แต่ตอนโหนรถเมล์กลับห้องก็เท่านั้น
พรุ่งนี้ตื่นเช้าไปสอบตอนบ่ายไปทำงาน..อีกแล้วชีวิต
---------------------------------------------------------
น้ำพราวพาสมองอันบอมช้ำจากการสอบเล่มสุดท้ายเข้ามาถึงที่ทำงานประมาณบ่ายโมงกว่า
เป็นไงพราวทำข้อสอบได้ไหม
พี่ปอหัวหน้างานของพราวเอ่ยถามขณะที่พราวกำลังจะเดินผ่านโต๊ะทำงานของพี่ปอไป
พราวทำหน้ายุ่งก่อนตอบ
เขียนได้ประมาณ สองข้อแหละพี่ อีกสามข้อก็เขียนชักแม่น้ำมาเขียนค่ะพี่
คือเมื่อคืนพราวอ่านหนังสือแค่นิดเดียวแล้วก็สลบไปเลยค่ะพี่
พี่ปอพยักหน้าอย่างเห็นใจและเข้าใจว่าลูกน้องเหนื่อย
แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะเรื่องตัวเลขย้อนหลังและ
งบดุลที่ต้องรวมกับสำนักงานใหญ่ต้องอาศัยความแม่นยำและความจำเป็นเลิศของลูกน้องคนนี้
พราวก็ขยันอ่านหนังสือหน่อยสิ พราวหนะเก่งและก็ฉลาด แต่เสียอยู่อย่างเดียว
ขี้เกียจอ่านหนังสือใช่ไหมค่ะพี่ปอ
น้ำพราวกล่าวต่อก่อนที่พี่ปอจะพูดจบ
ก็รู้ตัวเหมือนกันนี่เรา พี่ปอหัวเราะอย่างคนอารมณ์ดี
รู้สิค่ะพี่ก็ตอนเรียน ม.ปลาย อาจารย์บอกประจำ ว่าพราวเก่ง ฉลาดแต่ขี้เกียจ มัวแต่เล่น
แหมพี่เรียนมากมันปวดหัวนะค่ะ และอีกอย่างหนึ่ง พราวรู้ตัวว่าเรียนไปก็ไม่มีตังค์ไปสอบ Entrance
เหมือนกับเพื่อนคนอื่นนีนา เลยเรียนๆเล่นไป แต่ตอนนี้ไม่ได้เล่นนะพี่เอาจริง
แต่มันเหนื่อยค่ะทำงานแล้วกลับไปอ่านหนังสือ หัวสมองมันไม่รับค่ะพี่
พราวบ่นเสียยาวก่อนจะขอตัวไปทำงานต่อ โดยมีสายตาของหัวหน้ามองตามด้วยความเห็นใจ
-----------------------------------------------------------
หลังสอบผ่านไปประมาณหนึ่งเดือน
พราว ทำอะไรอยู่ แก้วไปเคาะประตูห้องของเพื่อน ที่อยู่ตรงข้ามกับห้องของหล่อนในเย็นวันหนึ่ง
ไม่ได้ทำอะไร เข้ามาสิประตูไม่ได้ล๊อค พราวตะโกนออกมาจากในห้อง
ประตูถูกเปิดออกพร้อมกับรอยยิ้มของแก้ว
เราไปดูผลสอบให้พราวแล้วนะ ออกแค่สี่ตัว เหลืออีกตัวหนึ่งที่ยังไม่ออก
พราวหูผึ่งขึ้นมาทันทีทันใด แล้วไงเราผ่านบ้างไหม พราวถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
ไม่ แก้วพูดยังไม่จบ พราวก็หน้าจ๋อยลงทันที ไม่ตกเลยสักเล่มต่างหากพราว
เฮ้ย จริงอ่ะ อย่าหลอกนะ พราวเขย่าแก้วด้วยความดีใจ
จริงสิ เหลือแต่ วิชาสื่อโฆษณานั่นแหละพราวที่ยังไม่ออก
โอย วิชานี้อีกแล้วแก้ว สงสัยเราไม่จบอีกแล้วเทอมนี้ พราวพูดอย่างเหนื่อยอ่อน
เฮ้ยพราว กระบี่ยังไม่ได้ชักออกจากฝัก แกก็จะตายก่อนโดนฟันแล้วเหรอไงเพื่อน
พราวหัวเราะในคำปลอบของเพื่อนก่อนจะพยักหน้าอย่างเข้าใจ
---------------------------------------------------------------------------------
แก้วเสร็จหรือยัง
พราวไปเคาะประตูห้องเพื่อนในเช้าวันเสาร์
เสร็จแล้ว จะรีบไปใหนมหาวิทยาลัยก็อยู่แค่นี้
แก้วบ่นก่อนจะหันไปล๊อคประตูห้อง
สองสาวเดินไปยังบอร์ดประกาศผลสอบของคณะบริหารเพื่อไปดูผลสอบ
พราวไล่นิ้วไปตามบร์อดเพื่อหารหัสนักศึกษาของตัวเอง มือของพราวสั่นน้อยๆด้วยความตื่นเต้น
บวกกับกลัวกับผลสอบที่กำลังจะปรากฎอยู่ข้างหน้า
แก้ว เราได้ P เราผ่านแก้วเราดูไม่ผิดใช่ไหม เราจบแล้วใช่ไหม พราวเขย่าแขนเพื่อนด้วยความดีใจ
แล้วก็กระโดดตัวลอยโดยไม่สนใจนักศึกษาคนอื่นๆที่กำลังวุ่นอยู่กับการตรวจผลสอบอยู่
โอย เราจะทำอะไรก่อนดีแก้ว ตัวมันเบามันโล่งจนแทบจะลอยได้ เราโทรไปบอกที่บ้านก่อนดีใหม
พราวพูดเองแล้วก็วิ่งไปยังตู้โทรศัพท์สาธารณะที่อยู่
ไกล้ตัว โดยมีแก้วหัวเราะและก็วิ่งตามเพื่อนไปด้วยความดีใจ
เฮ้อ เราดีใจสุดๆ กว่าจะจบเป็นบัณทิตได้ก็อายุปาไป 25ปี แล้วน่ะแก้ว แต่มันก็คงไม่สายเกินไปนะแก้วนะ
จบกันเสียที เรื่องเรียน ไม่เอาอีกแล้ว
พราวบอกกับแก้วอีกครั้งหลังจากออกมาจากตู้โทรศัพท์
สองปีผ่านไป
พราวเป็นไงบ้างเรียนโท
พี่ปอทักขณะที่พราวกำลังจะเดินผ่านโต๊ะทำงานของพี่ปอไป
เหนื่อย จังเลยพี่ปอ รู้งี้พราวไม่เรียนหรอก เรียนด้วยทำงานด้วยเหนื่อยค่ะ ไม่ไหว
พี่ปอหัวเราะก่อนจะส่ายหน้า สองปีก่อนพราวก็พูดแบบนี้ แต่พอจบปริญาตรีได้สองปี
เจ้าตัวก็มาบอกว่าจะสอบเรียนโท เพราะรู้สึกชีวิตมันว่างมาก ..
บ่นไปเถอะพราวหาเรื่องเองแท้ๆ......
จากคุณ :
เส้นทาง
- [
3 พ.ย. 48 23:25:47
]