ถ้าไม่มีโฆษณา โลกของเราก็ไม่ต่างอะไรไปจากยุคหิน
ฉันเคยได้ยินประโยคนี้จากที่ไหนสักแห่ง แต่ฉันกลับจำไม่ได้เพราะความจำของฉันมันสั้นพอๆ กับหางเต่า แต่ประโยคนั้นกลับทำให้ฉันได้คิด ถึงแม้ว่าตัวเองได้เรียนเกี่ยวกับงานโฆษณามาบ้างก็ตาม แต่บางครั้งฉันก็ยังอดคิดไม่ได้ว่า
"ไม่อยากให้มีโฆษณาอยู่บนโลกนี้เลย"
เพราะตอนนี้ โฆษณามันมีมากเกินไปจริงๆ
โฆษณากลายเป็นขยะในสายตาของใครหลายคน ทั้งที่คนที่ทำให้เกิดโฆษณาก็คือพวกเขานั่นเอง (รวมไปถึงฉันด้วย)
ถ้าไม่มีการบริโภค ก็ไม่มีโฆษณา
โฆษณาเป็นกิเลสอย่างหนึ่งของมนุษย์ ถ้าไม่มีความอยาก ความต้องการ ไหนเลยจะมีโฆษณามาเป็นแรงจูงใจในการกระตุ้นต่อม ความอยาก นั่นได้
โฆษณาหลายชิ้นกลายเป็นขยะในสายตาของคนดู
ถามว่าทำไม?
ทำไมโฆษณากลายเป็นส่วนเกินในความคิดของพวกเขาได้ ทั้งที่มันเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันไปแล้ว
สมมุติว่า เรากำลังดูละครหลังข่าวเรื่องหนึ่ง พระเอกกับนางเอกกำลังสบตากัน สื่อสารทางสายตาไปยังทางจิตอย่างหวานเยิ้ม แล้วก็เกิดปฏิกิริยา สายตาสั้น ขึ้นมาอย่างกะทันหัน สายตาของทั้งสองสั้นลงเรื่อยๆ ทั้งคู่กำลังโน้มศรีษะเข้าหากัน สายตาสั้นๆ ของทั้งสองค่อยๆ เชื่อมติด จนกลายเป็นสายตาเดียวกัน
แล้วกล้องก็ซูมไปยังริมฝีปากของคนทั้งสองในระยะน่าลุ้น
แล้วจู่ๆ
!
โฆษณามาคั่น
โหย! ทำไมเสือ_ โฆษณากันตอนนี้ด้วยฟะ!
คนดูด่าโฆษณาชิ้นนั้นไปแล้ว ทั้งที่ยังไม่รู้ชื่อของสินค้าเลย
โฆษณากลายเป็นส่วนเกินของฉากโรแมนติก แต่เชื่อไหม คนที่พูด (ด่า) โฆษณาชิ้นนั้นจะจำมันฝังหัวทีเดียว โทษฐานที่บังอาจมาเป็นส่วนเกินของ ฉากรัก
นั่นเป็นวิธีหากินอย่างหนึ่งของโฆษณา
แต่โฆษณาดีๆ ที่อยู่ในความทรงจำของผู้บริโภคก็มีอยู่มาก แล้วที่น่าสังเกตก็คือ โฆษณาเหล่านั้นสื่อถึงฉากในชีวิตประจำวันทั้งสิ้น ยกตัวอย่างโฆษณาล่าสุด โฆษณาของ ธนาคารออมสิน ที่นำฉากชีวิตในอดีตของท่านนายกมาสื่อ ในแง่ของการ ประหยัดอดออม
หรือแม้แต่โฆษณา กระทิงแดง ที่สร้างฮีโร่จากคนธรรมดาที่มีจิตใจดีงาม ชอบช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ทั้งที่เขาก็ไม่ใช่ซุปเปอร์แมนที่ไหน ตาม Concept โฆษณา ลูกผู้ชายตัวจริง
ฉันเองก็อยากให้โฆษณาที่สื่อสารอย่างสร้างสรรค์ มีมากกว่าโฆษณาที่เอาแต่ได้ฝ่ายเดียว
ขอแค่คนจำตัวสินค้าได้ แล้วซื้อมันเยอะๆ ก็พอแล้ว
วิธีพรีเซนต์โฆษณามันจะเป็นยังไงก็ช่าง ขอแค่ขายได้เท่านั้น จะมั่วแหลกไร้สาระยังไงก็ไม่สน
บางทีตัวโฆษณากับเนื้อหาไปคนละทางจนคนดูงง แล้วก็มาสรุปว่า ฉัน (Product) ชื่อ (นั่นโน้นนี่) จบ!
โฆษณาแบบนี้มีตัวอย่างมากมายจนจำแทบไม่ไหว
จนถึงตอนนี้ ถ้าจะถามว่าอะไรเป็นปัญหาของโฆษณา ก็น่าจะเป็นวิธีการนำเสนอ และมุมมองมากกว่า ว่าเปอร์เซ็นต์ในการต้องการนำเสนอสินค้า : เป็นประโยชน์ต่อสังคม อย่างไหนมีมากน้อยกว่ากัน
ถ้าผสมกันในสัดส่วนที่พอเหมาะ ฉันเชื่อว่า โฆษณาชิ้นนั้นจะไม่เป็น โฆษณาขยะ อีกต่อไป
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
คราวนี้ฉันขอคิดโฆษณาชิ้นหนึ่ง ตั้ง Concept ว่า ความสุข โดยที่ฉันเป็นนางเอกดำเนินเรื่อง เป็นโฆษณา (หรือบางทีก็อาจเรียกว่าเรื่องสั้น) สะท้อนสังคม
แก้ไขเมื่อ 05 พ.ย. 48 14:40:14
แก้ไขเมื่อ 05 พ.ย. 48 13:26:19
จากคุณ :
รัตน์ดา
- [
5 พ.ย. 48 13:23:07
]