CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ชั่วขณะ

    เขานั่งอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือด้วยความสับสน สงบนิ่งอยู่ในท่ามกลางความเงียบสงัด ของยามค่ำคืนที่แสนอึดอัด มือขวาของเขาถือปากกาค้างคาอยู่ กระดาษสีขาววางอยู่เบื้องหน้าหลายแผ่น ยังมีรอยปากการขีดเขียนลงไป เขานึกไม่ออกว่าจะเขียนอะไรลงไปดี ความอัดอั้นมันสุมแน่นอยู่ในอก
    “พ่อแม่ไม่เข้าใจผม” เขาพูดเบา ๆ ออกมาราวกับรำพึงรำพัน
    ดวงตาของเขาเหม่อลอย มีหยาดน้ำตาคลออยู่ที่เบ้า เมื่อมันล้นเอ่อก็หยดแปะลงบนกระดาษ ความเงียบของค่ำคืนทำให้เขาได้ยินเสียงมันชัดเจน มันเป็นหยดน้ำตาแห่งความน้อยอกน้อยใจและขุ่นแค้นละคนกัน
    ข้างนอกมีลมพัดเบา ๆ ฟังคล้ายมีใครกำลังกระซิบกระซาบ แต่บางครั้งก็ฟังเหมือนเสียงใครกำลังนินทา เขารู้สึกว่ามันรบกวนจิตใจของเขาอย่างใหญ่หลวง
    เขาอยากจะอยู่ในความเงียบ อยากให้มันเงียบเหมือนไม่มีสิ่งมีชีวิตในโลกนี้อีกแล้ว เขาอุตส่าห์ลงทุนมาหมกตัวอยุ่ที่รีสอร์ทที่นี่ก็เพื่อต้องการอยู่กับความเงียบ
    “บ้าที่สุด” เขาคำลามในลำคอ
    เขารู้ว่าป่านนี้พ่อแม่คงตามหาเขาให้วุ่นวายแล้ว
    แต่นั่นแหละดีจะได้รู้ตอนที่ไม่มีเขาอยู่แล้วจะรู้สึกอย่างไรคนเรามักสำนึกตัวก็ตอนที่เกือบจะสูญเสียสิ่งนั้นไปแล้วนั่นแหละ
    เขายิ้มเยาะบนใบหน้า แต่เป็นยิ้มเหยาะที่เหี้ยมเกรียม
    ตอนที่เขาอยู่นั้นเหรอ ทั้งพ่อแม่ไม่เคยสนใจเขาเลย ทุกวันมีแต่งาน แม้วันหยุดก็ออกไปงานสังคม ไม่รู้ว่าจะบ้าบอกันไปถึงไหนกัน ตลอดเวลาเขารู้สึกว่าตัวเองโดดเดี่ยว ตั้งแต่เด็กเขามีชีวิตส่วนใหญ่อยู่กับ คนใช้ พอโตขึ้นเขาก็ได้รับความอบอุ่นจากเพื่อน แต่ก็ถูกพ่อแม่ด่าว่า เที่ยวเตร่ ดื่มเหล้า สูบบุหรี่
    “เสเพลยิ่งกว่าเด็กข้างถนน” นั่นเป็นคำพูดของพ่อที่ก้องกังวานอยู่ในโสตประสาทของเขาเสมอ
    “ผมจะเป็นยิ่งกว่านั้น หากพ่อแม่ไม่เข้าใจ” เขามักจะพูดตอบโต้ออกไปอย่างนี้ทุกครั้งเช่นกัน จากนั้นฝ่ามือผู้เป็นพ่อเขาก็ตบเขาที่ใบหน้าของเขาเป็นการตอบแทน แล้วก็มีคำอธิบายที่เขารู้สึกว่ามันไร้สาระสิ้นดี เขาไม่อยากฟังเหตุผลใด ๆ ทั้งสิ้น
    มิหน่ำซ้ำคนรักของเขาซึ่งเป้นรุ่รน้องที่มหาวิทยาลัยเดียวกันก็มาตัดเยื่อใยให้เขาต้องบอบช้ำหนัก เข้าไปอีก ดูเหมือนว่าโลกนี้จะไม่สดสวยสำหรับเขาเลย
    มันอาจเป็นเหตุผลที่งี่เง่าที่เขาเอามาอ้าง แต่ทุกคนต่างก็อ้างความงี่เง่าของตัวเองทั้งนั้น เพื่อให้ตัวเองดูดีในสายตาคนอื่น
    นั่นแหละมันเป็นเหตุผลที่เพียงพอแล้วที่เขาหลบมาอยู่ที่นี่ แม้ว่าจะไม่ใช่เหตุผลที่ดีที่สุดก็ตาม
    เวลาอีกไม่นานข้างหน้านี้ คอยดูเถอะ เขาจะทำให้ทุกคนรู้สึกผิดที่ได้ทำกับเขาอย่างนี้ ผิดอย่างที่เขาไม่อาจให้อภัยได้ ใบหน้าเขายิ่งเหี้ยมเกรียมขึ้นกว่าเดิม หัวเราะเบา ๆ ออกมาอย่างสะใจ

    ในที่สุดเขาก็ลงมือเขียนจดหมายถึงพ่อแม่ เขาเขียนถึงความอัดอั้นใจที่ทับถมอยู่ในจิตใจของเขามาอย่างยาวนาน และเป็นสิ่งที่พ่อแม่จะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต เขาพรั่งพรู ความคลั่งแค้นทั้งมวลที่มีอยู่ภายในลงไว้จดหมายจนหมดสิ้น พร้อมทั้งเขียนที่อยู่และเบอร์โทรบ้านของเขาลงไป เขายิ้มอย่างผู้ชนะ
    จากนั้นเขาเขียนถึงคนรักเขาอีกฉบับหนึ่ง เขาระบายถึงความเจ็บปวดที่เธอทำกับเขาไว้ แต่สุดท้ายเขาก็เขียนบอกเธอว่าเขาไม่แคร์อีกต่อไป เขาเด็ดเดี่ยวมากพอที่จะไม่จมดิ่งกับความงี่เง่าของความรักที่ผ่านมา แล้วเขาลงที่อยู่และเบอร์โทรของเธอลงไป จากนั้นยิ้มเยาะอย่างเย้ยหยัน

    ครู่ต่อมาเขาค่อยเอาจดหมายทั้งสองฉบับวางคู่กัน เอาแก้ววางทับไว้แล้วมองดูจดหมายทั้งสองฉบับอย่างมีความสุข
    ต่อไปนี้เขาจะไร้จากพันธนาการทั้งมวล ไม่มีทุกข์ สุข โศกเศร้าเสียใจอีกต่อไปแล้ว ช่วงเวลาสามวันที่เขามาอยู่ที่นี่ ทำให้เขาได้พบทางออกที่ดีที่สุด และทำให้เขาสามารถตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวที่สุดในชีวิต
    มันอาจจะเป็นความงี่เง่าเช่นกัน แต่ทุกคนก็งี่เง่าและไร้เหตุผลไม่ต่างกันนักหรอก
    การทำอะไรไร้เหตุผลและงี่เง่า บางทีมันก็เป็นทางออกเฉพาะบุคคลที่ดีที่สุดสำหรับคนหนึ่งได้ ไม่จำเป็นต้องเอาบรรทัดฐานทางศาสนาหรือศีลธรรมใด ๆ มาอ้างหรอก ในโลกนี้ทุกคนล้วนแต่ดำเนินชีวิตไปตามแนวความคิดที่คิดว่าเหมาะสมกับตัวเองที่สุดเท่านั้น ไม่มีอะไรที่ชอบธรรมหรือถูกต้องทุกอย่างหรอก อา...นี่ไงเล่า คือ สิ่งที่เขาได้ค้นพบ
    เขาเพิ่งจะรู้ว่าการที่ได้สื่อสารกับตัวเองมากขึ้น ทำให้เขาเข้าใจตัวเองมากขึ้น และเลือกทางที่จะทำ ที่จะตัดสินใจได้มากขึ้น
    เขายิ้มอย่างเป็นสุข พลางค่อย ๆ ดึงลิ้นชักออก เขาคว้าเอาวัตถุดำมะเมือบชิ้นหนึ่งออกมาจากลิ้นชัก มันเป็นสิ่งที่เขาเสาะหามาไว้เพื่อประกอบการตัดสินใจ เพียงแต่ที่ผ่านมาเขายังตัดสินใจไม่ได้
    แต่บัดนี้ เขาตัดสินใจได้แล้ว
    เขายกมันขึ้นมาที่ขมับด้านขวา พร้อมจ่อปากของมันเข้าที่ขมับขวา เขายิ้มอย่างเยือกเย็น เอนหลังพิงเก้าอี้ ขยับตำแหน่งนิ้วชี้ ของมือขวาให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมและเตรียมพร้อม เขายิ้มอีกครั้งพลางเริ่มขยับปลายนิ้วช้า ๆ เพื่อจะทำในสิ่งที่เขาตัดสินใจ และเขาก็พร้อมแล้ว
    หนึ่ง สอง สาม เขานับในใจ
    แต่เขาก็ชะงักกลางคัน เมื่อภาพของพ่อกับแม่พลันแว่บเข้ามารบกวนจิตใจ เหมือนพวกเขากำลังเย้ยหยันในสิ่งที่เขากำลังทำ คนรักของเขาก็เช่นกัน เขานึกถึงใบหน้าของเธอที่มองมายังเขาด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม
    เขาลังเล
    พลางขยับตำแหน่งวัตถุดำมะเมือบที่จ่อขมับเขาเพื่อจะลดลงมันลงมา
    แต่เขากลับเผลอตัว ลืมวางตำแหน่งนิ้วชี้ของมือขวาไปชั่วขณะ
    เขาอ้างปากค้าง ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนัก
    ปัง!


    กรกฎาคม ๒๕๔๖

    จากคุณ : เกรียงไกร หัวบุญศาล - [ 5 พ.ย. 48 17:04:43 A:58.8.245.252 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป