-1-
ช่วงกลางดึกรอยต่อระหว่างคืนวันศุกร์ต่อเช้าวันเสาร์ ในขณะที่ผมกำลังเคลิ้มมีทีท่าว่าจะหลับด้วยฤทธิ์จากยาแก้ไข้ เสียงกริ่งจากเครื่องรับโทรศัพท์ภายในห้องพักแผดเสียงร้องขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัด..หญิงสาวของบ้านเธอเป็นผู้ลุกขึ้นไปรับแทนผม--
ในห้วงขณะที่เธอสนทนากับสายผู้ที่โทร.เข้ามานั้น ผมเกิดวิตกจริตด้วยเหตุที่ว่า ผมกลัว..กลัวว่าการที่มีผู้หนึ่งผู้ใดติดต่อเข้ามาในยามวิกาล-กลางดึกเช่นนี้นั้น เขาจะเป็นผู้ส่งสาร ข่าวร้าย ซึ่งจะเป็นเรื่องอะไรก็ตามแต่ที่เกี่ยวข้องกับสวัสดิภาพทั้งของญาติสนิท-มิตรสหาย!
แต่หากเป็นการเรียกเลขหมายปลายทางผิดจากผู้หนึ่งผู้ใดสักคน..หรือเพื่อนคนหนึ่งคนใดถือวิสาสะชวนไปสังสรรค์ด้วยเหตุผลที่ว่า กูเหงา นั้น ผมจะไม่ถือโกรธ เพราะอย่างน้อยมันก็เป็นเรื่องราวที่จะถือเอาเป็น สาระ ได้ไม่มากนัก..แต่การณ์เช่นนี้มิได้เกิดขึ้นบ่อยนัก!
ฉะนั้นเสียงกริ่งโทรศัพท์ที่ดังขึ้นในยามดึกครานี้มันจึงพาลพาให้ผมเสียวสันหลังอีกครั้ง..อีกครั้งหลังจากวิตกจริตของผมเป็นจริงตามคิดเหมือนเมื่อครั้งวันวานที่แฟนสาวของ เพื่อนรัก คนหนึ่งร่ำไห้ไม่เป็นผู้เป็นคนมาตามสายว่า แฟนเธอ --เพื่อนผม ประสบอุบัติเหตุรถชนกลางดึกเมื่อสองปีที่ผ่านมา!
เมื่อหญิงสาวของบ้านวางสายโทรศัพท์หลังจากเสร็จสิ้นการสนทนา เธอได้ล้มตัวลงนอนข้างกายพร้อมกับกระซิบที่ข้างหูผมว่า พ่อ ของ เพื่อนสนิท ของผมนั้นป่วยกะทันหันต้องนำตัวส่งเข้าห้องฉุกเฉินที่โรงพยายาบาลแห่งหนึ่ง..แฟนสาวของเพื่อนเป็นผู้โทร.มาขอคำปรึกษาต่างๆเนื่องจากเธอเองก็ทำอะไรไม่ถูกซึ่งไม่ต่างไปจากเพื่อนผมนัก และก่อนที่สติสัมปชัญญะสุดท้ายของผมจะหมดไปด้วยฤทธิ์จากยาแก้ไข้ หูของผมแว่วได้ยินหญิงสาวของบ้านบอกว่า เพื่อนผมได้แต่นั่งซึม น้ำตาตก--เขาร้องไห้!
เช้ามืดของวันเสาร์เสียงกริ่งเครื่องโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง ครานี้ผมเป็นผู้รับสาย..วิตกจริตของผมยังคงไม่จางหายแต่ก็พร้อมเตรียมใจรับฟังหากผู้ส่งสารจะส่ง ข่าวร้าย..หากแต่แฟนสาวของเพื่อนแจ้งมาตามสายว่า พ่อ นั้นปลอดภัยแล้ว
-2-
ช่วงเวลาเย็นไปจนกระทั่งดึกของคืนวันเสาร์ ผมได้ใช้เวลาที่เหลือของวันไปเยี่ยมพ่อของเพื่อน และกลับมานั่งสนทนา เป็นเพื่อน กับเขาที่อพาร์ทเม้นต์ที่พักของเขา
ท่ามกลางสายฝนกระหน่ำเทลงมาแต่เมื่อหัวค่ำ ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด หรืออาจจะตกโปรยปรอยไปตลอดทั้งคืน-ยันเช้าวันใหม่อีกวัน..ไม่มีใครสามารถรู้ได้
เรานั่งคุยในลักษณะปรับทุกข์ หารือในเรื่องของค่าใช้จ่ายในการรักษา ตลอดจนค่าใช้จ่ายจิปาถะอื่นๆ และเลยเตลิดไปถึงขั้นที่ว่าต้อง ทำใจ หากว่าเหตุการณ์มันจะพลิกผัน-เลวร้ายลงไปมากกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งที่สุดแล้ว กฎแห่งธรรมชาติ ที่ว่าด้วยเรื่องการเกิด-แก่-เจ็บ-ตายนั้น เราทุกคนไม่มีทางวิ่งหนีมันพ้น..เราคุยกันไปเรื่อยกระทั่งออกนอกโลกไปสู่ เอกภพ และ จักรวาล เพื่อดึงอามรมณ์ให้คลายออกจากความกลัดกลุ้ม วิตก แต่มันก็ช่วยให้ผ่อนคลายได้เพียงประเดี๋ยวประด๋าว จากนั้นอารมณ์กลัดกลุ้มก็กลับเข้าครอบงำเราทั้งสองอีกครั้ง
ท่ามกลางความเงียบงันระหว่างเราคงมีแต่เสียงฝนปรอยและกบร้องเป็นจังหวะ อบ-อบ
ผมตั้งคำถามถามเพื่อนและตัวเองไปพร้อมกันว่า เราไม่ได้ยินเสียงกบร้องกันมานานเท่าไรแล้ว.. แล้วทำไมกบมันจึงต้องร้องติดต่อกันถึงสองครั้ง?..แล้วทำไมคนเราจึงเรียกเจ้าสัตว์ชนิดนี้ว่า กบ แทนที่จะเรียกมันว่า อบ ตามเสียงที่มันร้องเปล่งออกมา?
เพื่อนทำท่าครุ่นคิดพยายามหาคำตอบและตั้งข้อสังเกต--
-3-
ระหว่างนั่งรถโดยสารประจำทางเดินทางกลับห้องพักในค่ำคืนวันเสาร์ สายฝนยังคงโปรยปราย รถรายังวิ่งกันขวักไขว่ไม่ต่างจากช่วงเวลาหัวค่ำของวันทำงานจันทร์-ศุกร์ ผมนั่งคิดถึงเพื่อน--
สมองของเขาในตอนนี้นั้นคงมีแต่ เรื่องของพ่อ มากกว่าเรื่องของเอกภพและจักรวาล แม้ว่าเขาจะสนใจในศาสตร์นี้เพียงใดก็ตาม หรือแม้กระทั่ง เรื่องกบ ของผมนั้นมันคงไม่สามารถกลบลบความกลัดกลุ้ม วิตกกังวล ทุกข์ร้อนของเขาได้
หากแต่ว่าถ้ามันเป็นได้เพียงชั่วขณะหนึ่ง ผมก็ยินดี--ยินดีที่จะแบ่งเอาความทุกข์ของเขาให้เบาบางลงบ้าง..สักเล็กน้อยเพียงนิดก็ยังดี
เพราะในระหว่างความเป็นมิตรของเรานั้นมันไม่ได้มีแต่ความสุขเสมอไป .
ด้วยมิตรภาพ.
7 พฤศจิกายน 2548
แก้ไขเมื่อ 08 พ.ย. 48 00:08:45
แก้ไขเมื่อ 08 พ.ย. 48 00:06:41
จากคุณ :
อานันท์-โจนาธาน
- [
8 พ.ย. 48 00:03:44
]