เรื่องสั้น
เรื่องของโชค
ท่านผู้อ่านคงจะเคยได้รับจดหมาย ที่มีตำรายา หรือชี้แจงเหตุอันจะทำให้ท่านได้รับโชคลาภต่าง ๆ โดยให้ท่านคัดลอกจดหมายนั้น ส่งต่อไปให้คนรู้จักอีกหลายราย แถมคาดโทษไว้ว่า ถ้าไม่ทำตามจะเกิดโชคร้ายต่าง ๆ นา ๆ อีกด้วย
ผมเองนั้นเมื่ออ่านแล้วก็มักจะโยนลงตะกร้าไป เพราะไม่อยากคัดส่งไปทำความลำบากให้ผู้อื่น ทั้งที่ชอบและไม่ชอบหน้า และเสียดายค่าแสตมป์ด้วย
คราวนั้นเป็นวันคริสมาสต์พอดีก็ได้รับจดหมายฉบับหนึ่ง ไม่ใช่ห่วงโชคลาภที่มีการลงท้ายชื่อพระครูอะไรต่ออะไรแบบเก่า แต่เป็นของบริษัทแห่งหนึ่ง มีสถานที่ตั้งชัดเจน เสนอขายเครื่องประดับเป็นจำพวกสร้อยคอ สวมใส่แล้วจะเกิดโชคลาภภายใน ๙๐ วัน
แม้จะยังไม่มีโชคลาภ ก็อาจจะช่วยให้โรคภัยไข้เจ็บ หรือความทุกข์ ความเดือดร้อน ไม่ว่าจะเป็นกรณีใด รวมทั้งหนี้สินที่มีอยู่เดิม บรรเทาเบาบางลงได้
และข้อสำคัญคือ ถ้าครบกำหนดที่ว่านั้น เกิดไม่พอใจขึ้นมาก็สามารถจะส่งคืน โดยได้รับเงินคืนเท่าเดิม โดยไม่ต้องมีข้อแม้ใด ๆ อีกด้วย
แต่ถ้าผู้ใดประสบความสุขสมหวัง หรือโชคลาภในเรื่องใด ก็ขอให้เขียนหนังสือไปเล่าให้เขาทราบ เพื่อจะได้นำมาโฆษณาประชาสัมพันธ์ต่อไป
ซึ่งในหนังสือเชิญชวนนั้นก็มีลูกค้า เขียนเล่าถึงความสำเร็จของเขาหลายรายด้วยกัน
รายแรกจากกรุงเทพ ฯ ว่า
".....ดิฉันไม่เคยถูกลอตเตอรี่มากเช่นนี้มาก่อน....."
รายนี้ถูกลอตเตอรี่เป็นหมื่น กับได้งานใหม่ที่ดีกว่าเก่า และได้เลื่อนตำแหน่งงานอีกด้วย
จากขอนแก่นบอกว่า
"....เมื่อก่อนทำอะไรก็ขาดทุน มีแต่หนี้สิน..."
เดี๋ยวนี้ถูกลอตเตอรี่บ่อย ๆ จะทำอะไรก็มีกำไร และมีบ้านเป็นของตัวเองแล้ว
จากสมุทรสาครเล่าว่า
"....ตอนแรกเพื่อน ๆ ไม่เชื่อ บอกว่าไร้สาระ....."
และเสริมว่าเป็นคนไม่ชอบเล่นหวย แต่ไม่รู้เป็นอะไร คิดอยากจะซื้อแล้วก็ถูกจริง ๆ และแทบทุกงวดด้วย ทำให้มีเงินใช้ในครอบครัว กับได้รอดชีวิตอย่างเหลือเชื่อ จากอุบัติเหตุรถมอร์เตอร์ไซค์ชน
จากชลบุรีคุยว่า
"...เดี๋ยวนี้ข้าพเจ้าเป็นเจ้าของร้านอาหารแล้ว.."
ย้ำว่าชีวิตเปลี่ยนแปลงไปมาก ถูกลอตเตอรี่ ๓ ครั้งจากที่เคยเป็นลูกจ้างก็เปลี่ยนมาเป็นเจ้าของร้าน
จากขอนแก่นอีกรายหนึ่งภูมิใจมากว่า
"....จากไม่มีอะไรเลยเดี๋ยวนี้ดิฉันมีเกือบครบทุกอย่าง....."
เดิมเลิกกับสามี ตอนนี้สามีก็กลับมาช่วยกันทำมาค้าขาย จากที่ไม่มีอะไร เดี๋ยวนี้มีทุกอย่าง รถยนต์ โทรทัศน์ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า
จากนครปฐมดีใจมากที่
".....ลูก ๒ คนหายจากโรคประจำตัวอย่างเหลือเชื่อ....."
ชีวิตและครอบครัวเปลี่ยนจากเดิม สามีกลายเป็นคนดีเลิกเที่ยวกลางคืน ขยันทำงานไม่เคยหยุดงาน ลูก ๆ เป็นโรคประจำตัวทั้ง ๒ คนแต่ก็หายขาดในที่สุด
จากกรุงเทพอีกรายหนึ่ง
"....ดีใจที่สุดในชีวิต ถูกล็อตเตอรี่ครั้งแรก ทีเดียว ๕๐ คู่...."
และถูกเรื่อยมาอย่างไม่น่าเชื่อ ปกติเป็นคนสุขภาพไม่ค่อยดีเท่าไร ปวดหัวเป็นประจำกินยาก็ไม่หาย เดี๋ยวนี้กลับไม่เป็นอะไรเลย
ทั้งหมดที่ยกมานั้นเป็นสุภาพสตรี แต่สุภาพบุรุษก็มี รายแรกจากอยุธยา บอกว่า "
".....ตอนนี้ฐานะผมดีขึ้นมาก....."
มีรายละเอียดว่าได้รอดพ้นจากอุบัติเหตุรถชนถึง ๒ ครั้ง โดยไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด และลูกชายซึ่งได้หายออกจากบ้านไปประมาณ ๒๐ ปี ก็ได้พบโดยไม่คาดคิดมาก่อน และยังโชคดีถูกรางวัลคิดเป็นเงินประมาณแสนกว่าบาท
รายต่อไปจากเชียงใหม่เล่าว่า
"...ผมตัดสินใจจากจดหมายเก่า ๆ ฉบับหนึ่ง..."
จากนั้นก็มีเหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นหลายอย่าง ถูกลอตเตอรี่เป็นครั้งแรกในชีวิต และยังได้ที่ดินคืนหลังจากมีปัญหายาวนานถึง ๖ ปี
รายสุดท้ายจากกรุงเทพ ฯ ยืนยันว่า
".....ผมมีบ้านเป็นของตัวเองแล้ว....."
เคยอยากจะมีบ้าน แต่คิดว่าคงจะไม่มีโอกาส ซื้อลอตเตอรี่ก็ไม่เคยถูกเลย แต่ตอนนี้ มีโอกาสได้ซื้อบ้านเป็นของตัวเองแล้ว ซื้อลอตเตอรี่ถูกบ่อย ทำมาค้าขายก็ดีไปหมด
ในหนังสือเชิญชวนได้ท้าทายไว้ว่า แปลกที่ทุกคนได้ตัดสินใจเหมือนกัน คือสวมสร้อยเส้นนี้เหมือนหนึ่งเพชรพลอยอันมีค่าติดตัวเหมือนต้องการพิสูจน์ แต่การตัดสินใจในครั้งนั้น กลับเปลี่ยนแปลงหลายสิ่งหลายอย่างติดตามมา ลองดูว่าเรื่องประหลาดเหล่านี้ จะเกิดขึ้นกับท่านหรือไม่
ผมไม่เคยคิดจะทดลองพิสูจน์ตามคำท้าของเขา เพราะเป็นคนที่แม้จะไม่เชื่อ ก็ไม่เคยลบหลู่สิ่งใดทั้งสิ้น
อีกประการหนึ่ง ผมก็ไม่ได้ลำบากยากแค้นในการครองชีพ มีบำนาญพอใช้สอยไม่เดือดร้อน และไม่ชอบซื้อหวยทั้งบนดินและใต้ดินอีกด้วย แต่ก็สามารถอยู่ได้อย่างมีความสุข และความเจริญมาจนถึงบัดนี้
บังเอิญเป็นเวลาที่ใกล้จะถึงปีใหม่ และหนังสือเรื่องหนึ่งของเพื่อนผม ได้รับการพิมพ์จากสำนักพิมพ์ใหญ่แห่งหนึ่งไปหมาด ๆ
ผมจึงเกิดความคิดขึ้นใหม่ โดยส่ง ส.ค.ส. ที่มีคำอวยพรปีใหม่ไปให้ผู้จัดการบริษัทผู้เสนอขายสร้อยคอนั้น พร้อมกับแนบคำโฆษณาประชาสัมพันธ์หนังสือของเพื่อนผมไปด้วย แล้วก็รออยู่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
เขาอาจจะประหลาดใจหรืออาจจะไม่พอใจ ที่เห็นผมไม่สนใจสินค้าของเขา ไม่เชื่อคำโฆษณาประชาสัมพันธ์ของเขา และไม่โลภอยากได้ในสิ่งที่อยู่นอกเหนือวิสัย
หรืออาจจะเห็นว่าผมเป็นคนเค็ม เขาอยากขายของเขา แต่ผมอยากขายของผมเหมือนกัน หนังสือของเพื่อนผมนั้นไม่ได้มีความวิเศษกว่าหนังสือทั่วไป แต่ก็น่าจะเป็นอาหารสมองของคนที่รักการอ่านได้
หรือเขาอาจจะอยากสนับสนุนงานเขียนที่ผมเสนอ และสั่งซื้อเอาไปอ่านเล่น เพื่อผมจะได้เห็นใจเขาและซื้อสินค้าของเขามาดูเล่นบ้าง
หรือเขาอาจจะส่งสายสร้อยของเขา มาแลกเปลี่ยนกับหนังสือของผมเลยก็ได้ เพราะราคาต่างกันแค่เพียง ๕๐ บาทเศษเท่านั้นเอง
หลังจากขึ้นปีใหม่ได้ ๒ - ๓ วัน บุรุษไปรษณีย์เจ้าประจำก็มากดกริ่ง ที่ประตูหน้าบ้าน เมื่อผมออกไปพบ เขาก็ยื่นซองกระดาษสีน้ำตาลให้ผมรับ แต่เป็นซองที่ไม่ได้จ่าหน้า
โดยเขาบอกว่าทิ้งอยู่ในตู้ไปรษณีย์ เมื่อเขาเปิดซองออกดูก็รู้ว่าเป็นของผม เพราะเขาเคยนำเอกสารต่าง ๆ ทางไปรษณีย์มาส่งที่บ้านของผมเป็นประจำ
ผมขอบคุณเขาที่ช่วยเหลือนำมาให้ ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่งานในหน้าที่
พอแกะซองออกดูผมก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด เพราะผมได้ทำกระเป๋าเงิน ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงด้านหลัง หล่นหายไปในช่วงส่งปีเก่าต้อนรับปีใหม่ โดยไม่รู้สึกตัวว่าหายที่ไหน และหายไปได้อย่างไร เมื่อใด จึงไม่สามารถจะติดตามได้ทั้ง ๆ ที่เสียดายสิ่งของต่าง ๆ ที่อยู่ในนั้นเป็นอันมาก
และบัดนี้สิ่งของเหล่านั้นได้คืนกลับมา ในซองนั้นอย่างครบถ้วน ทั้งบัตรประจำตัว บัตร เอ.ที.เอ็ม. บัตรตรวจโรค สมุดจดหมายเลขโทรศัพท์ และนามบัตรของผู้ที่ต้องติดต่อประจำ รวมทั้งภาพถ่ายของครอบครัวทุกคน ที่ผมได้ใส่ไว้ตามประสาคนรักบ้าน แม้แต่ปลายขั้วของธนาณัติที่ส่งไปบริจาคการกุศลประจำเดือน และปลายขั้วของใบส่งพัสดุไปรษณีย์ชิ้นเล็ก ๆ ที่ส่งหนังสือให้แก่ผู้จองทุกใบ ก็อยู่ครบถ้วน
แม้จะผิดหวังที่ไม่ใช่เรื่อง ที่เกี่ยวกับสายสร้อยมหัศจรรย์ อย่างที่คิดไว้เมื่อได้ยินเสียงกริ่งก็ตาม
แต่ก็ทำให้ผมดีใจมาก ที่ได้รับเอกสารสำคัญสำหรับผม โดยไม่ขาดตกบกพร่อง นับว่าเป็นโชคดีที่ได้ของซึ่งคิดว่าสูญแล้ว กลับคืนมาอย่างไม่คาดฝัน
ผู้ที่เก็บกระเป๋าเงินของผมได้ คงไม่อยากจะแสดงตนและรับคำขอบคุณจากผม จึงตัดปัญหาด้วยการเอาของทั้งหมดใส่ซอง ทิ้งลงตู้ไปรษณีย์ในเขตบ้านของผม ซึ่งทำให้ผมทุ่นเวลาในการที่จะต้องไปแจ้งความ เรื่องเอกสารหาย ยังสถานีตำรวจท้องที่ และการติดต่อขอรับเอกสารใหม่ จากหน่วยงานต่าง ๆ เหล่านั้น ไปเป็นอันมาก
ขาดอยู่เพียงแต่เขาไม่ได้ส่งตัวกระเป๋า ยี่ห้อดังใหม่เอี่ยม ที่ผมได้รับเป็นของขวัญวันปีใหม่ จากผู้ที่เคารพนับถือมาหยก ๆ
พร้อมกับเงินสดอีกแปดร้อยบาท ที่ติดอยู่ในกระเป๋า เท่านั้นเอง
ผมจึงได้รับทั้งโชคดีและโชคร้ายพร้อม ๆ กัน โดยที่ยังไม่ทันจะได้สวมสร้อยที่เขาโฆษณาประชาสัมพันธ์ เลยแม้แต่วันเดียว.
******************
จากคุณ :
เจียวต้าย
- [
15 พ.ย. 48 05:55:46
]