การราวน์ ก็คือการเยี่ยมไข้ของแพทย์ที่ข้างเตียงในหอผู้ป่วย การราวน์มักจะทำกันเป็นทีมอันประกอบด้วยแพทย์พยาบาลรวมทั้งบุคลากรอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
คงเพราะงานหนักหมอสันต์จึงดูเหมือนผอมลงกว่าเดิมในเดือนนี้ แม้ว่าจะมีท่าทีระโหยอยู่บ้างแต่การทำงานก็เป็นไปอย่างตรงต่อเวลาเหมือนเคย ความเป็นกันเองกับผู้ร่วมงานและผู้ป่วยดูแล้วยังเสมอต้นเสมอปลาย หมอบุษกรเป็นแพทย์ใช้ทุนที่มาฝึกงานกับหมอสันต์ เช้านี้เธอกำลังพาทีมอันประกอบด้วยหมอสันต์และพยาบาลอีกสองคนราวน์ในหอผู้ป่วยชายแห่งนี้
หมอสันต์นำทีมสอบถามอาการผู้ป่วยพร้อมกับตรวจร่างกายไปทีละราย ในรายที่รู้สติก็จะพูดคุยถึงเรื่องสาระทุกข์สุกดิบด้วย หลายรายมีอาการหนักจนพยาบาลต้องช่วยอธิบายอาการที่เปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน เมื่อการตรวจในแต่ละรายเสร็จจึงจะสั่งการรักษาลงในบันทึกการรักษา เจ้าหน้าที่ในแผนกอายุรกรรมแทบทุกคนชอบตามราวน์กับหมอสันต์ เพราะนอกจากชื่นชมศรัทธาในความมุ่งมั่นเอาใจใส่ผู้ป่วยอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อยยังได้รับความรู้ไปในตัวด้วย
ผู้ป่วยรายหนึ่งเป็นชายชราอายุราวแปดสิบห้าปี แกมองหาหมอสันต์ตั้งแต่เช้า วันนี้แกต้องพบหมอสันต์ให้ได้เพราะมีความในใจจะบอก
ว่าไงลุงไหว อาการวันนี้ดีขึ้นหรือเปล่า หมอสันต์ทักลุงไหวเสียงดัง ลุงไหวแกหูตึงเพราะโรคชรา ต้องพูดดังๆแกถึงจะได้ยิน
หวัดดีหมอ ฮ่าๆ! ดีใจมาก ฮ่า! แกพูดไปยิ้มกลั้วเสียงหัวเราะไป เวลายิ้มเห็นเหงือกแดงแจ๋ ไม่มีฟันเหลือสักซี่ ใบหน้ายับย่นของแกหยาบกร้านและเต็มไปด้วยกระชรา หุ่นของแกผอมแห้งดูคล้ายดาราตลกอาวุโสชาวปักษ์ใต้ แถมยังมีอารมณ์ดีตลอดเวลาเสียด้วย หน้าตาของแกตอนยิ้มน่าขบขันเพราะดูเผินๆเหมือนลิงชิมแปนซี แต่ชีวิตจริงของแกไม่ขำอย่างที่เห็น
ความที่สูบบุหรี่มาชั่วชีวิตลุงไหวจึงป่วยเป็นโรคปอดเสื่อม วันนี้อาการหอบของแกดูจะลดลงไปมากแล้วเหลือแต่อาการไอเล็กน้อย แต่แกยังต้องดมออกซิเจนอยู่ ตั้งแต่หยุดสูบบุหรี่ลุงไหวรู้สึกว่าชีวิตของแกขาดรสชาติไปมาก
หมอ ฮ่าๆๆ! วันนี้สูบบุหรี่ได้ไหม ฮ่า! มันอยาก ฮ่าๆ! ลุงไหวพูดไปหัวเราะไป ยิ้มหวานของแกเหมือนเย็บติดใบหน้าไว้อย่างถาวร ประโยคนี้แกท่องมาทั้งคืนทีเดียว ซ้อมแล้วซ้อมอีกหลายเที่ยว เพราะเหตุว่าภาษาไทยแกไม่สันทัดเท่าภาษาถิ่น เกรงว่าหมอสันต์จะฟังไม่เข้าใจ
ลุงไหว! ผมว่าเลิกบุหรี่ไปเลยดีกว่านะ สูบบุหรี่มันทำให้ลุงหอบมาก สงสารลูกหลานที่ต้องมาดูแลลุงไม่เป็นอันทำงานทำการ ลุงจะได้แข็งแรงขึ้นด้วย ผมรับรองว่าหายคราวนี้มีเมียใหม่ได้อีกคน หมอสันต์พูดหยอกล้อแล้วจับมือแกเบาๆ เขามองหน้าแกด้วยสายตาแสดงความจริงใจ รอยยิ้มของหมอสันต์ทำให้ลุงไหวลืมเรื่องที่เตรียมไว้พูดไปเกือบครึ่ง
แกหัวเราะขำๆเรื่องที่จะมีเมียใหม่ เมียแกเสียชีวิตมาหลายปีแล้ว หมอสันต์ทราบดี เลยเอามาเป็นเรื่องกลบเกลื่อนปัญหาอยากสูบบุหรี่ของแก
มีไม่ได้ดอก ไม่ขันแล้ว ฮ่าๆ! แกสารภาพหน้าตาเฉย
หมอบุษกรขำจนเผลอยิ้มออกมา เวลายิ้มหัวเธอดูเปิดเผยและน่ารักกว่าที่ทุกคนเคยเห็นเธอมาก่อนหน้านี้ ความเคร่งเครียดบดบังความงามของเธอไปไม่น้อย
ลุงไหว! หมอว่าลุงกินอาหารมากๆจะดีที่สุดเลย ตอนนี้ปอดบวมหายแล้ว ถ้ามีแรงมากกว่านี้ก็อาจได้กลับบ้านนะคะ หมอบุษกรให้กำลังใจ
ลุงไหวหันมามองพยาบาลแล้วบ่นให้ฟังว่าเมื่อคืนนอนไม่หลับ เตียงใกล้ๆตะโกนดังลั่นเพราะอาการทางสมอง แกบอกว่าที่บ้านแกเคยนอนคนเดียวที่เรือนกลางทุ่ง กลางคืนมีแค่เสียงนกเค้าแมวกับหมาหอนพอทนได้ ถ้าหากว่าต้องอยู่โรงพยาบาลอีกสามสี่วันแกคงจะเริ่มป่วยใหม่เพราะอดนอนเป็นแน่
หมอสันต์กำชับพยาบาลให้ช่วยย้ายเตียงแกไปที่มุมสงบๆ ซึ่งมุมสงบที่ว่าความจริงแล้วหาแทบไม่ได้ในตึกผู้ป่วยสามัญของโรงพยาบาลรัฐ ถึงอย่างไรเขาก็ใส่ใจในเรื่องที่ผู้ป่วยบ่นให้ฟังเสมอ
ในที่สุดลุงไหวก็ลืมไปแล้วว่าแกจะขออะไรจากหมอสันต์ มีคนไข้อีกมากที่เป็นโรคปอดเสื่อมจากการสูบบุหรี่เหมือนลุงไหว แต่หลายคนไม่โชคดีอย่างลุงไหว บางรายจบชีวิตลงด้วยภาวะปอดวายอย่างทุกข์ทรมาน ถึงแม้จะใช้เครื่องช่วยหายใจก็เอาไม่อยู่ หลายชีวิตในสังคมที่ยังสูบบุหรี่ไม่รู้ตัวว่าอยู่ในความเสี่ยง แต่เยาวชนอีกมากกำลังถูกดึงเข้ามารับเคราะห์กรรมในวังวนอุบาทว์นี้ด้วยการโฆษณาบุหรี่
หมอสันต์ตรวจผู้ป่วยรายต่อๆไปอย่างละเอียด ความใจเย็นและอดทนทำให้เขาใช้เวลาไปไม่น้อยทีเดียวในแต่ละราย ทุกรายเขาจะตรวจร่างกายในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสมมุติฐานของโรค มีหลายรายที่เขาเรียกให้หมอบุษกรตรวจซ้ำเนื่องจากเขาพบอาการแสดงที่น่าสนใจ การสอนในภาคปฏิบัติเช่นนี้เป็นการย้ำความมั่นใจของแพทย์ใช้ทุนได้เป็นอย่างดี
ในหลายรายเขาพูดถึงการวินิจฉัยแยกโรค การเป็นแพทย์ไม่ต่างจากการเป็นนักสืบ หลังการตรวจเบื้องต้นเขาต้องคิดหาสมมุติฐานของโรคไปต่างๆนานา จากนั้นก็นำเอาข้อเท็จจริงหรือสิ่งตรวจพบรวมถึงผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการมาร่วมพิเคราะห์ ในที่สุดจึงตัดข้อสมมุติฐานที่ไม่มีน้ำหนักออกไป จนเหลือแต่โรคที่สมเหตุสมผลที่สุด ถึงจะได้ผลการวินิจฉัยโรคออกมา
กระบวนการนี้ต้องใช้ความรู้พื้นฐานทางการแพทย์เป็นอย่างมาก ในอดีตนั้นแพทย์คนที่อ่านมากจำได้มากและเห็นมามากจะมีความสามารถวินิจฉัยแยกโรคได้เก่ง มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับความน่าอัศจรรย์ของสมองอาจารย์แพทย์หลายท่าน บางท่านสามารถจดจำความรู้ทางการแพทย์ได้มากมายอย่างละเอียดละออเหมือนเปิดหนังสืออ่าน บางท่านจดจำรายละเอียดการเจ็บป่วยของผู้ป่วยที่เคยอยู่ในการดูแลในอดีตได้แทบหมดสิ้นไม่ลืมเลือน แม้กระทั่งตัวเลขของผลตรวจทางห้องปฏิบัติการก็จำได้แม่นยำราวกับเขียนใส่สมุดทีเดียว
แต่ปัจจุบันคอมพิวเตอร์มือถือเพียงอันเดียวก็อาจทำได้ใกล้เคียงอาจารย์แพทย์แล้ว ดังนั้นหากซักถามประวัติการเจ็บป่วยเป็นอย่างดี มีการตรวจร่างกายที่ละเอียดถูกต้องและมีผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการที่แม่นยำ ใช้ความรู้พื้นฐานประกอบกับข้อมูลทางวิชาการและประสบการณ์ทางการแพทย์ที่ร่ำเรียนมาโดยรอบคอบ ถึงจะไม่เฉียบคมเท่าอาจารย์แพทย์ แต่การวินิจฉัยก็มักจะไม่ผิดพลาด
(ต่อ)
จากคุณ :
วรุณนฤมล
- [
15 พ.ย. 48 14:29:02
]