CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    เธอมากับฝน ตอนที่ 1

            “คาปูชิโน่ 4 พัฟไก่ 3 พายข้าวโพดอีก 4 รวมทั้งหมด 375 บาทถ้วนค่ะ” เสียงหวานใสที่เจอด้วยอารมณ์เซ็งหน่อยๆ เอ่ยกับบรรดาลูกค้าหนุ่ม 3 – 4 คน ที่กำลังนั่งจ้องเธอแบบเอาเป็นเอาตายและพร้อมใจกันส่งสายตากะลิ้มกะเหลี่ยมาให้อย่างเปิดเผย แต่เจ้าของร้านสาวก็ต้องฝืนยิ้มให้เพราะอีกฝ่ายคือลูกค้า

             “อ๊ะ!! นี่จ๊ะน้องจ๋าค่าขนม” คนที่นั่งอยู่ริมควักเงินเตรียมยื่นให้แต่เมื่อหญิงสาวยื่นมือไปจะรับเขาก็ชักมือกลับ “อ๊ะๆๆ เดี๋ยวจ๊ะ น้องจ๋าขยับอีกนิดสิจ๊ะ”

             “คะ ทำไมเหรอคะ” หญิงสาวทำหน้างงๆ

             “เอาน่านะจ๊ะ..” ก้มลงมองพื้นข้างล่างคิดว่าเหยียบอะไรอยู่แต่ก็ไม่เห็นมีอะไร แต่ก็ขยับไปเล็กน้อย “ขยับไปทางซ้ายนิดนึงนะจ๊ะ..อีกนิดจ๊ะ..โอเค..พอจ๊ะ”

             “ทำไมคะเนี่ย  ไม่เห็นมีอะไรเลย” คิ้วหญิงสาวขมวดอย่างไม่เข้าใจและเริ่มจะไม่พอใจ

             “มีสิจ๊ะ ก็น้องจ๋าขยับมาตรงนี้เนี่ย ทีนี้หัวใจของพี่กับน้องจ๋าก็ตรงกันแล้วไงจ๊ะ” จบประโยคเน่าๆ นั้นเสียงโห่ก็ดังขึ้นทั้งโต๊ะทันที และเมื่อหนุ่มคนแรกกล้าขายขนมจีบกันซึ่งๆ หน้าแล้วคนที่เหลือก็ไม่เกรงใจ เสริมต่อทันที

             “อยากเขียนคำว่ารักน้องจ๋าตัวเท่าฝาบ้าน แต่คงต้องหากระดาษแผ่นใหญ่ๆ กระดาษทิชชู่แผ่นนี้มันเล็กไป คงต้องเอาหัวใจพี่ทั้งดวงมาเขียนแทน” เจ้าตัวคนพูดทำหน้าภูมิอกภูมิใจกับคารมตัวเองเป็นยิ่งนักแต่ว่าคนฟังอย่างหญิงสาวกลับทำหน้าพะอืดพะอมอยากจะอาเจียนเสียให้ได้

             “ไม่สบายกันหรือเปล่าคะ หรือว่าอากาศมันร้อนอาการบางอย่างมันถึงกำเริบ”

             “จ๊ะ พี่ไม่สบาย ไปเอ็กซเรย์หัวใจมา หมอบอกว่าข้างในนี้มีแต่น้องจ๋าน่ะจ๊ะ” เสียงโห่ดังขึ้นอีกครั้งขณะที่หญิงสาวที่ยืนทนฟังอยู่นานเริ่มออกอาการใกล้จะอาละวาดเต็มที ถ้าไม่มีเสียงระฆังมาช่วยชีวิต (ลูกค้า) ไว้ก่อน

             “แล้วหมอที่ไปตรวจน่ะเขาบอกไหมว่าให้ระวังหัวใจไว้ไม่ให้ถูกกระแทกจากลูกถีบน่ะ” เสียงเข้มและเยือกเย็นดังขึ้นข้างหลังหญิงสาวหันกลับไปมองก็ยิ้มอย่างโล่งใจเมื่อเห็นชายหนุ่มตัวสูง ผิวขาว หน้าตี๋ หน้าตาดีขัดกับน้ำเสียงที่พูดยืนอยู่ข้างหลัง
             “ยัยจ๋า เก็บจานโต๊ะนี้ไปหลังร้านแล้วเตรียมปิดร้านได้แล้วไป เดี๋ยวพี่เช็คบิลเอง” หญิงสาวหันไปมองลูกค้าขี้หลีทั้งหลายอย่างสะใจก่อนที่จะเก็บจานเก็บแก้วแล้วเดินเลี่ยงไปหลังร้านปล่อยให้พี่ชายยืนหน้าเข้มอยู่ต่อหน้าลูกค้าที่เริ่มหมดลายรีบจ่ายตังค์แล้วยอมออกจากร้านไปก่อนจะได้หมัดได้ศอกหรืออาวุธจากเจ้าของร้านไปเป็นของแถมโดยไม่ต้องร้องขอ


             “พี่รู้อยู่แล้วว่าไอ้กลุ่มนี้มาแล้วต้องเป็นแบบนี้ มองอยู่นานล่ะกะจะดูต่อว่าพวกมันจะขุดมุขอะไรมาเล่นอีก แต่ทนมุขเลี่ยนของพวกมันไม่ไหว เลยต้องออกไปช่วยไง” หนุ่มหน้าตี๋ยักคิ้วให้อย่างมีเชิงเมื่อสามารถจัดการให้ลูกค้าขี้หลีทั้งหลายลุกออกไปจากร้านได้สำเร็จ

             “ฮ่าๆๆ ขอบคุณค๊าที่รีบออกไป จ๋านะแทบเก็บอาการไว้ไม่ไหว อยากจะอาเจียนจะแย่ มาแต่ล่ะมุข เฮ้อ!! เซ็งแย่แล้วมาได้ทุกวี่ทุกวัน แต่ทำไงได้ ลูกค้าคือพระเจ้านี่เนอะ นี่ถ้าเป็นเมื่อก่อนนะ..ฮึ่ม..น่าดู๊!!”

             ‘ได้เชื้อโหดจากพี่ไปเยอะเหมือนกันแฮะ’ จักรินทร์คิดในใจ มองน้องสาวที่บ่นหน้ายุ่งอย่างเอ็นดู เอื้อมมือไปขยี้ผมน้องสาวเบาๆ “ก็ดูแลตัวเองดีๆ แล้วกัน เล่นมุขเน่าๆ อะไรนั่นพี่พอรับได้ แต่อย่าให้มันขนาดถึงเนื้อถึงตัว ไม่งั้นพี่ฆ่ามันแน่”

             จารวีร์หันไปยิ้มตาหยีให้พี่ชาย “พี่จั๊กไม่ต้องห่วงจ๋าเอาตัวรอดได้”

             จักรินทร์รู้ว่าคำว่า ‘เอาตัวรอดได้’ จากน้องสาวนั้นไม่ได้เป็นการพูดแค่ให้ตนเบาใจคลายเป็นห่วงเท่านั้น แต่มันจะเป็นการเอาตัวรอดได้จริงๆ อย่างที่ฝ่ายที่เข้ามารังแกนั้นอาจจะถึงขั้นเข็ดหลาบไปตลอดเลยก็ได้ เพราะจารวีร์นั้นเคยเอาตัวรอดกับพวกที่มาทำชีกอกับเธอที่โรงเรียนเก่ามาแล้ว ก็แค่ไอ้หนุ่มคนนั้นมันแตะอั๋งหล่อนแค่ปลายเล็บ แต่หล่อนก็ใช้วิชายูโดบวกเทควันโด้ที่เรียนมาจัดการซะจนใครหลายคนที่คิดจะมาทำมิดีมิร้ายกับเธอต้องขยาดกันเป็นแถว ก็ใครจะไปนึกว่าสาวสวยอ่อนหวานอย่างจารวีร์จริงๆ แล้วก็(แอบ)โหดใช่น้อยอยู่เหมือนกันก็บอกแล้วว่าได้เชื้อโหดจากพี่ไปเยอะ
             จารวีย์หันไปมองบรรยากาศนอกร้าน แสงแดดที่เจิดจ้าเมื่อตอนบ่ายหายไปหมดแล้ว ท้องฟ้าที่เป็นสีฟ้าสดใสก็มีเมฆมืดครึ้มมาแทนที่ ดูแล้วเหมือนกับว่าอีกไม่นานเมฆครึ้มๆ นั้นคงพัดพาสายฝนโปรยปรายลงมาอย่างแน่นอน

             “ว๊า!! วันนี้ฝนตกแน่เลยพี่จั๊ก ฟ้าครึ้มมาเชียว” จักรินทร์จัดโต๊ะ เก้าอี้ตัวสุดท้ายเสร็จแล้วก็หันมาถามน้องสาว

             “งั้นจ๋าอยู่ร้านคนเดียวไปก่อนได้ไหมล่ะ เดี๋ยวพี่จะออกไปซื้อของมาเพิ่มเอาไว้ขายพรุ่งนี้ จะรีบไปรีบกลับก่อนฝนจะตก”

             “ได้ค่ะ พี่จั๊กรีบไปเถอะ เดี๋ยวจ๋าจะทำกับข้าวไว้รอแล้วกันนะคะ อ้อ!! ฝากความคิดถึงถึงนุ้ยด้วยนะคะ”

             “เพิ่งจะได้เจอกันเมื่ออาทิตย์ที่แล้วเนี่ยนะ คิดถึงกันอีกแล้วหรือไงฮึยัยตัวแสบ พี่ไปล่ะนะ ปิดร้านดีๆ ด้วย” จักรินทร์แกล้งกระตุกหางเปียน้องสาวเล่นก่อนถอดผ้ากันเปื้อนแล้วคว้ากุญแจรถรีบเดินออกไปทันที



             จักรินทร์ขับรถไปบนถนนที่เริ่มมีสภาพการจราจรคับคั่งในช่วงเวลาเลิกงาน ความจริงหน้าที่ซื้อของเข้าร้านเป็นหน้าที่ของจารวีร์ น้องสาวคนเดียวของเขาเป็นคนจัดการ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ต้องการความรวดเร็วแล้วเขามักจะเป็นคนออกไปซื้อเองเสมอ ก็เพราะน้องสาวเขานั้นชอบที่จะอยู่คุยนานๆ กับนุ้ยซึ่งเป็นลูกสาวเจ้าของร้านขายขนมเจ้าประจำที่เขามักจะไปรับซื้อเพื่อมาขายต่อที่ร้าน ทั้งคู่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันแล้วก็มีนิสัยแบบผู้หญิงๆ ที่มักจะคุยเก่งเหมือนๆ กันอีกต่างหาก จึงทำให้เป็นเพื่อนสนิทกันได้ไม่ยาก บางครั้งซื้อของแค่ 2-3 อย่าง แต่น้องสาวเขาหายไป 4 ชั่วโมงจนต้องไปตามก็เคยมีมาแล้ว
             ร้าน “มุมโปรด” ร้านนมและเบเกอรี่เล็กๆ ตั้งอยู่ย่านศูนย์การค้าชื่อดังที่เป็นศูนย์รวมของวัยรุ่นกรุงเทพฯ เป็นร้านที่เขากับน้องสาวร่วมกันตั้งขึ้นมาเพื่อใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์และเป็นรายได้เล็กๆ น้อยๆ ในการใช้จ่ายประจำวัน เขาเรียนจิตรกรรมปีสุดท้ายกำลังจะจบในไม่ช้านี้ ส่วนน้องสาวนั้นเพิ่งเข้าเรียนในคณะนิเทศศาสตร์ที่สถาบันเดียวกัน พ่อแม่ของทั้งคู่เป็นเจ้าของฟาร์มโคนมอยู่ที่โคราช ซึ่งก็ถือว่าเขาสองคนพี่น้องไม่ได้มีฐานะยากจนอะไรถึงกับต้องหางานทำเพื่อหาเลี้ยงตัวเองกันตามลำพังเลย เพียงแต่เขาและน้องเป็นคนไม่ชอบอยู่นิ่ง อยากจะได้ทำอะไรอย่างที่ใจรักเหมือนอย่างที่เขามีแกลลอรี่เล็กๆ อยู่ที่ชั้นบนของร้านเพื่อเก็บสะสมผลงานศิลปะฝีมือของตัวเองนั่นเอง

    แก้ไขเมื่อ 25 พ.ย. 48 00:14:35

    แก้ไขเมื่อ 17 พ.ย. 48 17:52:20

    แก้ไขเมื่อ 17 พ.ย. 48 17:12:44

    จากคุณ : กันตกวี - [ 17 พ.ย. 48 16:21:56 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป