CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    บทเพลงธรรมชาติ

    บทเพลงธรรมชาติ



    "เธอจะรีบไปไหน" ต้นไม้ในสวนเอ่ยถามเขา

    "ใครเหรอ นั่นใคร" เขาหันไปรอบๆ

    "พวกฉันเอง ต้นไม้รอบกายเธอ  เธอจะหอบกระดาษพวกนั้นไปไหน เธอเป็นศิลปินมิใช่หรือ ทำไมไม่ลองเขียนพวกฉันดูบ้างล่ะ"

    "เธออยากให้ฉันเขียนพวกเธอลงไปในนั้นเหรอ" เขาถามอย่างสงสัย

    "ใช่แล้ว เขียนพวกฉัน เขียนทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอเห็นที่เธอสัมผัส"

    "ฉันจะลองดูนะ" แล้วเขาก็นั่งลงจัดกระดาษให้เหมาะสำหรับการเขียน

    เขาค่อยๆ มองลงไปในหัวใจของต้นไม้ ค่อยๆ เขียน ค่อยๆ มอง เมื่อเขาแลเห็นและสัมผัสถึงพลังชีวิตของมัน เขาจึงลืมว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่ตรงข้ามกับต้นไม้ เขากลายเป็นต้นไม้  ต้นไม้กลายเป็นเขา ทั้งสองรวมตัวเข้าด้วยกัน ตะแรกเขาคิดว่ามันยากที่จะเขียนถึงสิ่งเหล่านี้ แต่แท้จริงหายากไม่ การได้เขียนเป็นความสุขของเขา การได้สัมผัสอย่าลึกซึ้งทำให้เขาอยากจะเขียนให้มากกว่านี้ เขาลงมือเขียนภาพต้นไม้ ภาพแล้วภาพเล่า บางภาพนั้นต้นไม้ต่างหงิกงออย่างเจ็บปวดทรมาน บางภาพเริงร่าอย่างไม่น่าเชื่อ บางภาพรุนแรงก้าวร้าว และบางภาพก็อ่่อนโยนละมุนละไมยิ่ง เขามิอาจหยุดตัวเองลง เขาร่วมซึมซับความเจ็บปวดทรมานขึ้นเรื่อยๆ  ในเวลาที่นั่งเขียนนั้น เจ็บปวดแสนเจ็บปวด ทรมานแสนทรมาน ดุจดั่งมันกระชากเขาลงมายอดผา ร่องหล่นปะทะก้อนหินอันแข็งกระด้าง แต่เปล่าเลยเขามิได้ร้องไห้ในสิ่งนั้น เขาร้องไห้ให้กับความเจ็บปวดทุกข์ทรมานของวิญญาณต้นไม้ที่เขาแลเห็น เขาเป็นผู้เพ่งพินิจถึงทุกข์เวทนาต่างๆ ที่ต้นไม้ได้รับจากสิ่งแวดล้อมของต้นไม้ เขาเขียนถึงความรื่นรมย์สงบเย็นเมื่อต้นไม้ไร้คนรังแก เขาเริ่มรักมันขึ้นเรื่อยๆ ทุกข์ทรมานอยู่ร่วมกันดั่งเป็นลูกหลานเดียวกันของแม่โลก เมื่อแสงแดดส่องลงมา เขาก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่ดวงอาทิตย์ร้อนแรงมอบให้ เป็นความอบอุ่น เป็นความอ่อนโยน เป็นพลังแผดเผา เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับทุกสรรพสิ่ง ดวงจิตเขาดิ่งลงร่วมรับรู้ในชีวิตเหล่านั้น ร่วมเบิกบาน ร่วมหมองเศร้า ร่วมยินดีในการอุบัติขึ้นใหม่ของดอกไม้และผลไม้เล็กๆ เหล่านั้น สิ่งเหล่านี้ช่างมีค่าต่อเขายิ่ง

    เขามีสมาธิในการทำงานนั้นขึ้นเรื่อยๆ กายของเขาแปรเปลี่ยนเป็นงานชิ้นนั้นๆ กลายเป็นผู้ลิงโลดอยู่ในผลงานอันต่ำต้อยนั้น เป็นผู้เข้าไปพบเผชิญกับความจริงอันโหดร้าย แต่ในบางขณะเขาซาบซึ้งถึงจิตวิญญาณอันแผ่รัศมีของความจริง มวลความจริงเหล่านั้นบางครั้งเรียกร้องต่อว่า และสงบลงเมื่อประสบว่าไร้ผลที่จะทำเช่นนั้น มวลความจริงต่างซ่อนเร้นตัวเองอยู่และต่อสู้เพื่อการกลับมาอีกครั้ง กลับมาอย่างล่วงรู้ตระหนักถึงคุณค่าของการมีชีวิตอยู่ร่วมกันของสรรพสิ่ง เจ้าเองกลายเป็นผู้บันทึกทุกสิ่งจากการค้นหา เขาติดตามมันไปอย่างซื่อสัตย์ บอกตัวเองอยู่เสมอถึงการปฏิบัติเพื่อร่วมอยู่ด้วยกัน ทุกการกระทำ ทุกกิริยาอาการล้วนเป็นไปอย่างสงบเสงี่ยม เป็นผู้ก้มหัวให้ใครๆ ข้ามไป เป็นผู้ยืนหยัดเพื่อจะมีชีวิตอยู่ในการต่อสู้อันยิ่งใหญ่นั้น เป็นผู้ครอบครองสมบัติของธรรมชาติเช่นเดียวกับทุกชีวิต เป็นผู้ลิขิตชะตากรรมของตนเองอย่างแน่วแน่ เป็นผู้ประกาศถึงความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติและมวลชีวิตทั้งหลายแหล่ที่ทุกคนได้มองข้ามไป เขาเป็นผู้เดินย้อนเข้าไปเรียนรู้ธรรมชาติอย่างสุดจิตสุดใจ



    "เขาเลือกที่จะเป็นเช่นนั้น" ต้นไม้ต่างชื่นชมยินดีขณะพูดคุยกัน

    "ฉันรู้ว่าฉันมิได้ต่างจากพวกเธอเลย" เขาขานรับ

    "เรารู้ว่าเธอเหนื่อย พักผ่อนบ้างเถิด ใต้ร่มเงาของพวกเรา และจงหลับอย่างเป็นสุข ให้พวกเราได้ตอบแทนเธอบ้าง ให้เราได้คุ้มครองเธอจากภยันตรายทั้งมวล ให้เธอได้เป็นสุขสงบชั่วนิรันดร์

    "แต่ฉันยังหวาดกลัวอยู่ ฉันจะเป็นสุขและสงบไปได้อย่างไรเล่า" เขาพูดอย่างกังวลใจ

    "อย่ากังวลเลย เมื่ออยู่ใกล้พวกเรา จงอย่าได้หวาดกลัว เรามิเคยคิดร้ายต่อใคร เป็นไปได้ไหมว่าเธอหวั่นระแวงในตัวเอง"

    "อาจใช่ แต่ฉันจะทำอย่างไรเล่า ในเมื่อฉันมิอาจขจัดสิ่งนั้นออกไปให้พ้น"

    "ลองทำใจให้สงบดูบ้าง เคลื่อนไหวดูบ้าง ปล่อยให้ตัวเองได้เป็นอิสระจากการควบคุมของสิ่งไร้สาระต่างๆ ลองท้าทายมันบ้าง เธอคิดว่าเธอพอจะทำเช่นนั้นได้ไหมเล่า"

    "ฉันเคยคิด เคยลองทำ แต่ฉันไม่เห็นว่าจะได้สิ่งตอบแทนอย่างคุ้มค่าเลย"

    "หากเธอมัวแต่กังวลอยู่กับสิ่งนี้ เธอก็จะไม่มีวันที่จะหลุดพ้นไปได้ เธอต้องต่อสู้ให้มากกว่านี้ เปิดใจออกมาให้กว้างกว่านี้ หากเธอจะเจ็บปวดก็จงปล่อยให้มันเจ็บปวด ให้มันฝังลึกอยู่ในดวงจิตของเธอ ให้มันได้บอกเธอว่าความเจ็บปวดนั้นแท้จริงเป็นความงดงาม เป็นอมตะ เป็นทิพย์พิเศษของสิ่งอันมีชีวิตทั้งมวล"

    "ขอบใจมาก ในการให้คำแนะนำ ฉันสัญญาว่าจะลองดูใหม่ แต่หากฉันเกิดท้อแท้ท้อถอย ฉันควรจะทำอย่างไรเล่า'

    "เธอต้องสร้างความหวังขึ้นมา หาให้พบว่าความอ่อนแอนั้นอยู่ที่ไหน และทำลายมันไปเสีย ให้ความแข็งแกร่งในส่วนลึกได้แสดงถึงบทบาทของมันบ้าง ให้มันได้เชิดชูเธออีกครั้ง ให้เธอได้มีชีวิตใหม่อีกครั้ง เธออาจกลับมาเยี่ยมพวกเราอีกเมื่อไหร่ก็ได้ เรามิได้ปฏิเสธเธอโดยสิ้นเชิง หากเราจะปฏิเสธบ้าง นั่นแปลว่าเธอยังมิได้ขัดเกลาดวงวิญญาณให้สะอาดกว่าที่ควรจะเป็น"

    "ฉันเคยคิดว่าฉันมั่นใจในตัวเอง แต่เดี๋ยวนี้ไม่เลย ฉันทรมานมากเธอรู้ไหม" เขาปรารภ

    "พวกเรารู้และเข้าใจ แต่เธอเองต่างหากที่เดินออกนอกเส้นทางของตัวเอง เธอปฏิเสธในการร่วมอยู่ เธอต้องกลับมา มันเป็นสิ่งจำเป็น เป็นสิ่งต้องทำ  เปล่าเลย...นี่ไม่ใช่การบังคับ  แต่เป็นการเรียกร้องให้เธอกลับมาสู่ความเป็นสิ่งที่มีชีวิตที่แท้จริง  เพื่อให้เธอได้ทบทวนถึงสิ่งที่ผ่านมา ปรับปรุงแก้ไข และช่วยเหลือผู้อื่นให้มากเท่าที่เธอจะทำได้ เท่าที่ดวงใจของเธอจะฉายแสงอันอบอุ่นนั้นออกมาได้ อย่ามัวกังวลต่อสิ่งต่างๆ ให้มากนัก เธอต้องรู้จักการเดินเข้าไปทักทายอยู่เสมอ เช่นเดียวกับที่พวกเราได้ทักทายเธอ"

    เขานิ่งไป ครุ่นคิดถึงสิ่งที่ต้นไม้พูด ตระหนักรู้ขึ้นเรื่อยๆ ว่าสิ่งใดถูกต้อง สิ่งใดผิดพลาด เขาเก็บกระดาษกับปากกาไว้และลุกจากที่นั่งอยู่ไกล เพื่อเดินเข้าไปยังต้นไม้อาวุโสต้นหนึ่ง วางสิ่งของทั้งหมดไว้ข้างตัว และเอนกายหลับลงไปอย่างเป็นสุข ณ โคนต้นไม้ต้นนั้น

    จากคุณ : เชน ชมธวัช - [ 17 พ.ย. 48 20:40:37 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป