๐ พอเมฆขาวลอยฟ่องเต็มท้องฟ้า
ก็รู้ว่าเป็นหนาวอีกคราวหนึ่ง
พอรวงข้าวร่ายรำก็คำนึง
ความหมายซึ่งรำร่ายผ่านสายตา
๐ สดใสแต่แผ่นฟ้าจดหล้าล่าง
จึงเห็นความแตกต่างอยู่ข้างหน้า
พร้อมหลากสรรพหลากสีหลากลีลา
หลากหลายปรากฎเป็นจึงเห็นงาม
๐ เรียวข้าวโค้งยอดค้อมดังพร้อมอยู่
จะให้กรูเกรียวลมพัดข่มข้าม
อ่อนเอนส่ายใบรัวเพียงชั่วยาม
ก็หยุดยอดหยัดท่ามตะวันทอ
๐ หมื่นพันร่องรอยเล็บ..กลางเหน็บหนาว
ก็ผุดราวนิรมิตภาพติดต่อ
ลมหนาวกรีดสำเนียงหรือเพียงพอ
จักข่มเสียง..งอน/ง้อ...ที่คลอลม
๐ จากเรียวกรอ่อนราวใบข้าวพลิ้ว
ถึงปัดปลิวป่ายใจเส้นไรผม
รวมขุ่นขึ้งค่อนว่า..งามน่าชม
ขอรวบห่มอกแล้วนะแก้วใจ
๐ พร้อมเรียวนิ้วกำหมัด..เสียงตัดพ้อ
คือหยัดรอสร้อยศัพท์..เสียงขับไล่
พร้อมค้อนคมขุ่นขึ้งหน้าบึ้งใคร
คือห้วงใจครวญคร่ำ..กับน้ำตา
๐ ตราบเงยหน้า..จูบย้ำพร้อมพร่ำพลอด
แล้วกุมกอดด้วยเล่ห์เสน่หา
ก็เมื่อนั้นแก้มเนื้อแดงเรื่อมา
จึงรู้ว่าวันนี้...วันที่รอ
๐ เพียงปอยผมลมร่ายปลิวป่ายหน้า
จึงคุณค่าเลอเลิศได้เกิดก่อ
ก็เมื่อช่วงตราตรึงลึกซึ้งพอ
จึงตามต่อพ่วงภพ...สุดลบเลือน
๐ ต่อเข้าเพลกึกก้องเสียงกลองร่ำ
ก็ดั่งคร่ำครวญใครมีใครเหมือน
อ่อนหวานในนิรมิตมาติดเตือน
เมื่อแล่นเลื่อน...ย่อมสำหรับ...ให้กลับย้อน..!
แก้ไขเมื่อ 23 พ.ย. 48 16:38:56
แก้ไขเมื่อ 23 พ.ย. 48 16:24:46
จากคุณ :
สดายุ...
- [
23 พ.ย. 48 09:02:58
]