แน่นอนว่าชีวิตการทำงานของแต่ละคนย่อมจะรู้จักคำๆ นี้ดี O.T ซึ่งย่อมาจากคำว่า Over time work หรือการทำงานล่วงเวลา ซึ่งตั้งแต่ฉันทำงานกับที่นี่มาหลายเดือน ก็เจอบ้างประปราย แต่ดูเหมือนว่าเดือนนี้ ฉันจะทำโอทีบ่อยเป็นพิเศษ
เนื่องด้วยว่าช่วงนี้กำลังจะเข้าช่วง Hi-Season ของฤดูท่องเที่ยว เหล่าสถานประกอบการทั้งหลายต่างก็ทุ่มทุนสำหรับการโฆษณากันเป็นยกใหญ่ และบริษัทโฆษณาทั้งหลายแหล่ต่างก็ได้รับอานิสงกันถ้วนหน้า
ไม่เว้นแม้แต่ออฟฟิศของฉัน
ก็อย่างว่า... ไอเดียสตูดิโอ (บอสเรียกรูปแบบธุรกิจของออฟฟิศนี้ว่าอย่างนั้น) อย่าง ออฟฟิศของฉันก็เป็นหนึ่งในบริษัทที่ผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ที่มักจะมีงานชุกในช่วงนี้เสมอ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นเหล่าสปาทั้งหลายแหล่ ที่ติดต่อมาให้พวกเราได้ทำงานกัน และช่างภาพต๊อกต๋อยอย่างฉันก็จำเป็นที่จะต้องแบกกล้องไปถ่ายรูปเหล่าสปากันเป็นว่าเล่น ซึ่งหลายงานก็กินเวลาในช่วงกลางคืนที่ทำให้ฉันต้องทำโอทีอาทิตย์ละสองวันเป็นอย่างน้อยในช่วงต้นเดือน
นอกจากงานถ่ายรูปสปาแล้ว ก็ยังมีอื่นๆ อย่างจำพวกไปตั้งบูธสตูดิโอถ่ายภาพนอกสถานที่ในงานของผู้ยิ่งใหญ่ในจังหวัดท่านหนึ่ง ซึ่งกินเวลาตั้งแต่บ่ายสองจนถึงตีสอง (โอว...โหดร้ายมากๆ) เหนื่อยกาย แต่ได้ตังค์ (ฮา...)
และที่สุดๆ เลยสำหรับเดือนนี้ ก็ขอยกให้เป็นการทำหนังสือวารสารแนะนำโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดนี่เอง
หลายคนคงสงสัยว่า ไอ้ที่ว่าทำวารสารน่ะ มันจะเหนื่อยตรงไหน แล้วได้ค่าโอทีได้ยังไง?
มาใกล้ๆ ค่ะ เดี๋ยวตัวZ จะเล่าให้ฟัง... (ฮา...)
เรื่องเริ่มของเรื่องคือ โรงเรียนแห่งนี้ เคยทำวารสารกับออฟฟิศของฉันเมื่อปีที่แล้ว (ช่วงนั้นฉันยังไม่เข้ามาทำงาน) ซึ่งบอสก็บ่นๆ ว่า งานนี้เหนื่อยมาก เห็นว่าทำโอทีกันเกือบเช้าอยู่สองสามวัน ไอ้ฉันได้ฟังก็ยังเฉยๆ
แต่พอมาถึงปีนี้ มันกลับยิ่งกว่านั้นเสียอีกน่ะสิ T-T
เริ่มเรื่องของเรื่องเลยคือ กว่าที่ทางออฟฟิศจะได้รับงานนี้ก็ปาเข้าไปอาทิตย์สุดท้ายที่หนังสือจะต้องใช้แล้ว โดยที่ผู้ว่าจ้างของฉันบอกไว้ว่า มีคนทำอาร์ตเวิร์คให้แล้ว เหลือเพียงแค่พวกฉันจับมาเรียงหน้าแล้วส่งตีพิมพ์เท่านั้น
แหม...ฟังแล้วดูสบายๆ ยังไงไม่รู้ แต่ความจริงแล้ว มันไม่ง่ายอย่างที่คิดน่ะสิ!
ด้วยเหตุผลที่ว่าคนทำอาร์ตเวิร์คอายุยังน้อยมาก และไม่มีประสบการณ์ด้านทำหนังสือเลย ทำให้คอนเซ็ปต์ของหนังสือกระจุยกระจายเหมือนนิตยสารวัยรุ่นมากกว่าที่จะเป็นหนังสือวารสารของโรงเรียน และที่สำคัญ... ข้อมูลที่มีอยู่ก็มีไม่ครบเสียด้วย!
พอส่งอาร์ตเวิร์คไปให้ผู้ว่าจ้างดูกี่ทีๆ แกก็โวยวายมาว่าไม่ถูกใจแกเสียที บ้างก็ติว่าเนื้อหาน้อยไปบ้าง ภาพเล็กไปบ้าง ทำไมบางส่วนที่ขาดหายไป จนฉันเริ่มนอย (Paranoid) สุดท้าย...เพื่อความพอใจ+ประชด ก็เลยย้ายออฟฟิศไปทำกันที่โรงเรียนเสียเลย! จะได้รู้กันไปว่า ไอ้ที่แกว่าไม่ถูกใจๆ น่ะ มันเป็นเพราะอะไร
ก่อนหน้าที่จะย้ายออฟฟิศไปที่โรงเรียนนั้น ฉันก็ทำโอทีมาราธอนจนถึงตีสี่ตีห้ามาเสียหลายวัน จนตาเริ่มโหลจนสวนสัตว์เชียงใหม่จะว่าจ้างให้ไปเป็นหมีแพนด้าแทนเจ้าช่วง ช่วง หลินฮุ่ย กันอยู่แล้ว แต่พอย้ายออฟฟิศมาที่โรงเรียนกลับร้ายยิ่งกว่าน่ะสิ เพราะอะไรน่ะหรือ?
ก็เพราะว่า...มันไม่ได้นอนเลยน่ะสิคะ พี่น้อง T-T
ด้วยความที่งานเร่งซะจนต้องทำงานกันหามรุ่งหามค่ำ บ้านช่องไม่ได้กลับ แถมข้อมูลที่มีอยู่ก็ไม่ครบ (เขาหามาให้ไม่ครบ) แล้วไหนจะต้องมานั่งปรู๊ฟงานแบบหน้าต่อหน้าอีก โอย...ยิ่งพูดยิ่งสยอง นั่งทำไปๆ เผลอแผล็บเดียว ปาเข้าไปตีสี่แล้ว แต่ก็ต้องขอชมผู้ว่าจ้างของฉันว่าท่านก็ช่างอดทนนั่งกำกับงานกับพวกฉันจนถึงที่สุดเหมือนกัน จนเข็มนาฬิกาล่วงเข้าไปเลขห้า แกก็พูดมาว่า
ไม่ต้องกลับบ้านหรอก ไม่ต้องนอนแล้ว
O_o!!! มายก๊อด พระเจ้าช่วย! นี่ท่านกะจะให้ฉันเสียชีวิตคาคอมพิวเตอร์เลยหรือไง
แต่จนแล้วจนรอด ก็ได้ข้อสรุปมาว่า ผลัดเวรกันไปนอน โดยที่บอสให้ฉันกลับไปอาบน้ำ+งีบที่ออฟฟิศตอนตีห้ากว่าๆ แล้วจะโทรเรียกฉันให้มาเปลี่ยนกันตอนช่วงสายๆ
แต่ไอ้ช่วงสายๆ ที่บอสว่านี่ฉันก็ได้นอนไปแค่ชั่วโมงเดียว (ให้ตายเถอะ) พอฉันมาเปลี่ยนเวรแทน บอสก็เผ่นไปนอนในห้องพยาบาลของโรงเรียน ปล่อยให้ฉันสู้รบตบตีกับงานต่อไป โดยท่านผู้ว่าจ้างของฉันก็ขอตัวไปอาบน้ำ+นอนเหมือนกัน (เอากะเขาสิ)
และด้วยสัจธรรมที่ว่า ขนาดเครื่องจักรยังสึกกร่อนเมื่อใช้งานไปหนักๆ แล้วจะนับประสาอะไรกับร่างกายที่แสนจะบอบบาง (กว่าตู้เย็น) ของฉันที่ถึงขีดสุดเหมือนกัน ด้วยความที่พักผ่อนน้อยมาหลายวัน บวกกับการได้นอนแค่ชั่วโมงเดียวก็ทำให้ฉันเริ่มรู้สึกพะอืดพะอม คลื่นไส้ เวียนหัว มาเป็นระยะๆ จนในที่สุด ฉันก็เลยต้องขอตัวกลับไปพักผ่อนที่บ้านดีกว่า แล้วค่อยตื่นมาลุยงานต่อในช่วงกลางคืน
พอกลับบ้านไปหัวถึงหมอนปุ๊บ ร่างกายก็ปิดสวิตช์ปั๊บ เหมือนโทรศัพท์ที่แบตเตอรี่อ่อนยังไงยังงั้น ฉันหลับยาวจนกระทั่งบอสโทรมาเรียกให้ไปลุยงานต่อ ซึ่งก็ปาเข้าไปเกือบสองทุ่มแล้ว
งานในช่วงต่อมาดูเหมือนบอสจะให้ข้อสรุปกับผู้ว่าจ้างว่า ยังไงหนังสือก็เสร็จไม่ทันตามกำหนดที่ว่าไว้แน่นอน เพราะเหตุผลจากงานอาร์ตเวิร์คที่ต้องทำใหม่หมดทั้งเล่ม และข้อมูลที่มีอยู่ก็ยังไม่ครบ จึงขอเลื่อนการปิดเล่มเป็นวันจันทร์ (ซึ่งก็คือวันนี้) และหลังจากการทำดัมมี่อันล่าสุดเรียบร้อยแล้ว พวกฉันก็ย้ายคอมพิวเตอร์กลับออฟฟิศเหมือนเดิม หลังจากตั้งเน็ตเวิร์คอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้วฉันก็ถามบอสว่า ไอ้โอทีมาราธอนนี่มันจะเสร็จสิ้นเมื่อไหร่ บอสก็บอกฉันว่า
หลังจากนี้คงไม่ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำกันแล้วล่ะ เดี๋ยวจะป่วย
โอ้โห...บอสเป็นห่วงพวกฉันด้วย ฉันมองหน้าบอสอย่างซาบซึ้งใจอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่ความรู้สึกนั้นจะหายไปพร้อมกับประโยคต่อมาของบอส
พี่ไม่มีเงินจ่ายค่าโอทีให้พวกเอ็งแล้วเฟ้ย!
-___-
...เอวังด้วยประการฉะนี้แล...
************************
แหะๆ หายหน้าหายตาไปเดือนกว่าๆ เลยค่ะทุกท่าน ^ ^; หลายคนคงสงสัยว่า เอ...ไอ้ตัวZ มันเสียชีวิตไปแล้วหรือไง นิยงนิยายที่เขียนค้างๆ เอาไว้ก็หายจ้อยไปเลย ก็คงได้ข้อกระจ่างกันแล้วนะคะ
ก็อย่างที่เล่าน่ะค่ะ ว่างานมันเยอะมากๆ จนแทบจะเอาเนื้อที่ในสมองเขียนเรื่องไม่ได้เลย (งือ...หนูไม่ได้ตั้งใจ) ก็เอาเป็นว่า ถ้างานซาเมื่อไหร่ อีหนูดาโผล่หัวออกมาให้ทุกท่านได้ยลกันแน่ๆ ค่ะ แต่ตอนนี้ อ่านความจริงเกี่ยวกับตัวฉันฯ แก้เหงาไปก่อนนะค้า
ช่วงนี้เชียงใหม่เริ่มหนาวๆ แล้ว ยังไงทุกท่านรักษาสุขภาพด้วยนะคะ
ปิดท้ายด้วยภาพรั่วๆ ระหว่างมื้อเย็นที่บอสเลี้ยงหลังจากไปถ่ายรูปที่สปาแห่งหนึ่งมาค่ะ
คนอ่านมากที่สุดเลยค่า^ ^
แก้ไขเมื่อ 28 พ.ย. 48 21:13:48
แก้ไขเมื่อ 28 พ.ย. 48 18:24:33