ความคิดเห็นที่ 1 ตอนที่ 1 อาหาร(ที่)เยอรมัน กุ๊กไก่ที่รัก และแล้วฉันได้มาตามหาฝันที่หวังวาดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเอนทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยแล้วจ้า ว่าจะมาเรียนต่อที่เยอรมันให้ได้ แล้วก็ได้อาจจะได้มีโอกาสตามรอยเรื่องทางรักของคุณโรสลาเรน เผื่อจะได้คุณนองกะเขาบ้าง (อย่าเข้าใจผิดไป เป้่าหมายหลักยังเป็นเรื่องเรียนจ้ะ แต่ก็อดคิดแบบโรแมนติกตามประสาพวกเพ้อฝันไม่ได้ ก็แหมคุณนองแกดีซะขนาดนั้น แถมบรรยายทิวทัศน์ก็คงจะสวยเหมือนกับที่เห็นตามภาพวาดอีก แต่ก็นั่นแหละ เรียนมาจนจบปริญญาตรีอยู่มาก็หลายก็ไม่เคย มีคนรู้ใจจริงๆจังๆกะเขาสักคน ทุกอย่างแล้วแต่โชคชะตาจ้ะ) มาถึงได้ไม่กี่วันก็สรุปได้ว่าอย่าว่าแต่คุณนองเลย คนไทยคนอื่นยังหาเจอแทบไม่เจอเลย แหมเลือกมาอยู่เมืองเล็กๆ ไม่เหมือนแบร์ลิน (กุ๊กไก่คงพอเดาได้ว่าเราหมายถึงเมือง Berlin เราติดที่จะออกตามเสียงเยอรมันจ้ะ) หรือ ฟรังฟรวท อัม ไมน์ (Frankfurt am Main) ในเยอรมันเนี่ยมี 2 ฟรังฟรวทจ้ะ ฟรังฟรวท อัม ไมน์ อยู่ในรัฐเฮสเซน (Hessen) หมายถึงฟรังฟรวทบนฝั่งแม่น้ำไมน์ ที่อยู่ทางฝั่งตะวันตก เป็นเมืองสำคัญ เป็นเมืองที่มีสนามบินตั้งอยู่ด้วย ส่วนอีกเมืองคือ Frankfurt (Oder) อยู่ในรัฐบรันเดนบวร์ก ตอนแรกที่ได้ยินชื่อนี้เราก็งงๆ เพราะคำว่า โอเด้อ ที่เขียนอยู่ในวงเล็บเนี่ย แปลว่า หรือ (เท่ากับภาษาอังกฤษว่า or) จนได้มารู้ว่าความจริงคำว่า Oder เนี่ยก็เป็นชื่อแม่น้ำ เหมือนคำว่า ไมน์ นัยว่าคงเอาแม่น้ำมาเป็นตัวแบ่งแยกว่ากำลังพูดถึงฟรังฟรวทไหนกันแน่ แต่ความจริงถ้าพูดสั้นว่า ฟรังฟรวทก็จะหมายถึงเมืองแรกซะมากกว่า จากคุณ : Lilyofthevailey - [ 29 พ.ย. 48 02:04:20 A:58.64.103.195 X: TicketID:100215 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ในสองเมืองใหญ่นี้เวลาที่เดินไปไหนก็ได้ยินเสียงภาษาไทยลอยตามลมมาตลอด จนจะพูดคุย(นินทา) ใครเป็นภาษา ประจำชาติบ้านเราก็ไม่ได้เลย แต่ที่เมืองที่ฉันอยู่เนี่ยคงไม่ค่อยมีคนไทยเลย ถึงจะมีหน้าคล้าย แต่ก็กลายเป็นเวียดนามไปซะหมด เยอรมันตะวันออกเนี่ย เป็นที่ที่มีพวกเวียดนามอยู่เยอะมาก เดินไปไหนก็เจอ โดยเฉพาะพวกที่ขายผักผลไม้ และพวกตามร้านจีน (หลงเข้าไปกินมาหลายร้านแล้ว ขายอาหารจีนแต่คนขายมักเป็นคนเวียดนาม) ทั้งแบบ Imbiss (อิมบิสเหมือนร้านกินเร็วๆ คือไม่มีการตกแต่งอะไร บางที่ไม่มีที่นั่ง ด้วยซ้ำมีแต่โต๊ะให้ยืนกิน) หรือแบบ Restaurant ชนิดที่ว่าคนเสิร์ฟแต่งชุดกี่เพ้านั่นแหละ เวียดนามทั้งน้าน และด้วยความที่เพื่อนแกคนนี้ รวมทั่้งยัยกิ๊บและยัยแก้วผู้ร่วมชะตากรรมมาผจญภัยหาความรู้ที่นี่ด้วยกันต่างก็มีเชื้อสายจีนกันทั้งนั้น ทำให้พวกนั้นทักเราเป็นภาษาประจำชาติ(ของเขา)อยู่เรื่อย หรือไม่ก็ทักว่านี่เห่าม่า บางคนบอกไปว่าเป็นคนไทยเท่าไหร่ก็ไม่เชื่อ จากคุณ : Lilyofthevailey - [ 29 พ.ย. 48 02:05:24 A:58.64.103.195 X: TicketID:100215 ]

ความคิดเห็นที่ 3 แฮะเล่ามาได้นิดหน่อยก็เผลอเปิดไต๋ไปแล้วว่าเราสามคนเอาท้องไปฝากร้านพวกนี้บ่อย ก็ทำ อาหารเองยังไม่ค่อยได้ แล้วเขาก็ทำได้อร่อยดีจริงๆ มีทั้งข้าวผัดหมู ไก่ เป็ดหรือกุ้ง (เนื้อสัตว์สองประเภทหลังเนี่ยจะแพงกว่าหน่อย) หรือก็เป็นพวกผัดต่างๆๆราดข้าว ที่อร่อยมาก คือเป็ดไปทอดกรอบ กินกะน้ำต่างๆให้เลือกจะเป็นผัดเปรี้ยวหวาน ผัดแบบเสฉวน หรืออื่น (หลายอย่างชื่อน้ำราดต่างกันแต่รสชาติก็คล้ายกันมาก แต่ก็ยังอร่อยอยู่ดี) สนนราคาก็แล้วแต่ร้าน อย่างพวกเป็ดทอดกรอบเนี่ยก็มีตั้งแต่ 5.50 - 7 ยูโร อยากรู้ว่าเท่าไหร่ก็เอา 50 คูณได้นะจ๊ะ คูณแล้วก็อย่าตกใจ นี่เรียกว่าราคาร้าน Imbissนะจ๊ะ ถ้าจะกินร้านหรูแต่ราคาย่อมเยาก็ควรจะไปกินช่วงเที่ยงเขาจะมี Mittagsmenü (Mittagsmenü → Mittag = กลางวัน; Menü ก็เมนู คือบางร้านเขามีรายการอาหารสำหรับมื้อกลางวันโดยเฉพาะ ปกติจะมีเฉพาะวันจันทร์ถึงศุกร์ เป็นอาหารที่ราคาไม่่ค่อยต่างจากร้าน Imbiss เท่่าไหร่ เขามักจะมีเวลา 11.00 - 15.00 คือคนเข้าไปจะเลือกกินอาหารธรรมดา หรืออาหารราคามิตรภาพอย่างนี้ก็ได้ ถึงแม้ว่าจะมีไม่ให้ เลือกมากเท่ารายการอาหารธรรมดา คือมักเป็นเมนูยาวหนึ่งหน้า A4 เท่านั้น แต่มักจะมีซุปหรือปอเปี๊ยะทอดมาเป็นออเดิร์พให้เลือก และคุณภาพก็ใช้ได้อร่อยดี นอกจากนี้ก็บางร้านมีอาหารbuffet แต่อาจจะมีแค่สองวันต่อหนึ่งอาทิตย์เป็นช่วงกลางวันหรือเย็นก็แล้วแต่แต่ละร้านจะกำหนดไป) เล่าไปเล่ามา ก็มีแต่เรื่องกินมารายงาน แต่แหมเรื่องสำคัญขนาดนี้จะเล่าข้ามไปก็กระไรอยู่ จากคุณ : Lilyofthevailey - [ 29 พ.ย. 48 02:06:27 A:58.64.103.195 X: TicketID:100215 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เพิ่่งเห็นว่าไม่สามารถแสดงตัวภาษาเยอรมันได้ค่ะ คำที่errorความจริงคือคำว่า Mittagsmenue ถ้าเขียนตามแบบเยอรมันจะไม่มีตัวอีตัวสุดท้ายแต่จะเปลี่ยนเป็นจุดสองจุดบนยูแทน จากคุณ : Lilyofthevailey - [ 29 พ.ย. 48 02:09:51 A:58.64.103.195 X: TicketID:100215 ]

ความคิดเห็นที่ 5 นอกจากอาหารจีนซึ่งมีอยู่มากมายแล้ว ที่ฮิตของที่นี่ก็คงเป็นอาหารอิตาเลี่ยนกับอาหารตุรกีจ้ะ สนนราคาก็จะแตกต่างกันไปอีก อาหารอิตาเลี่ยนเนี่ยมักจะค่อนข้างมีราคา อย่างถ้าอยากกิน พวกพาสต้า อย่างสปาเก็ตตี้ทะเลเนี่ยก็จะตกประมาณ 10 ยูโรจ้ะ แต่ถ้าเป็นพิซซ่าเนี่ยก็จะมีที่ถูกหน่อย ที่ต่างจากอาหารจีนคืออาหารอิตาเลี่ยนที่นี่ มักจะทำโดยกุ๊กชาวอิตาเลี่ยนของจริง แล้วรสชาติ ก็ดีใช้ได้เลย ถ้าอยากกินพิซซ่า แต่ว่าราคาถูกหน่อยก็ต้องซื้อตาม Imbiss (คำนี้นี่ใช้เรียกร้านอาหารกินเร็วทั่วๆไปจ้ะไม่จำกัดชาติ) แต่มักจะเป็นแบบพิซซ่า ที่อบถาดใหญ่แล้วมาตัดเป็นชิ้นสี่เหล่ียมแบ่งขาย (คือถ้ากินที่ ร้านอิตาเลี่ยนเนี่ยก็จะ ได้กินแบบทั้ง ถาดกลมที่เขาทำมาเพื่อเราโดยเฉพาะเลย (ถ้าเทียบกับ ร้านพิซซ่าฮัทก็ขนาดประมาณถาดกลางจ้า ฟังดูเหมือนใหญ่เนอะ แต่ว่าพิซซ่าอิตาเลี่ยนจะบางกรอบไม่เหมือนแบบอเมริกัน ปริมาณ อาจจะน้อยกว่า เรามาใหม่ก็แทบแย่เหมือนกันเพราะขนาดจานของเยอรมันเนี่ยจะใหญ่มาก แรกๆกินไม่หมด แต่หลังเนี่ยกินไม่พอ (นัยว่ามีความสามารถในการปรับตัวสูง อย่าถามเชียวนะว่า น้ำหนักขึ้นไปกี่กิโลแล้ว ไม่มีเครื่องชั่งน้ำหนักจ้ะถึงมีก็ไม่รู้ว่าจะกล้าชั่งหรือเปล่า) จากคุณ : Lilyofthevailey - [ 29 พ.ย. 48 02:10:34 A:58.64.103.195 X: TicketID:100215 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้าอยากจะประหยัดแต่ได้วิตามินเยอะคงต้องแนะนำอาหารตุรกี พูดถึงอาหารตุรกี คนอาจนึก ไม่ออกว่าเป็นอะไร แต่ถ้าพูดชื่อ Kebap (เคบับ) บางคนคงร้องอ๋อ เมื่อก่อนนี้ยังมีขาย ที่เซ็นทรัลชิดลมตรงซุปเปอร์มาร์เก็ตเลย ไอ้ที่เป็นเนื้อเป็นชั้นแล้วก็หมุนอยู่รอบหน้าเตา ที่เขาตัดเอามาใส่ในขนมปังที่ที่นี่เรียกว่า Fladenbrot (ฟลาเด้นโบรท Fladenแปลว่าแบน ราบ ส่วน brotก็คือ bread ในภาษาอังกฤษนี่เอง เราเข้าใจว่าคงเป็นเพราะว่ามันแบนๆๆมั๊งเลยเรียกกันอย่างนี้) Fladenbrotเนี่ยที่นอกจากแบนแล้วยังกลมจ้ะ (ขนาดใหญ่ประมาณพิซซ่าถาดใหญ่เห็นจะได้) แล้วคนขายจะมาตัดเหมือนเป็นรูปพาย (1/4) แล้วก็เอาไปอบร้อนเมื่อมีคนสั่ง จากเตาอบเขาจะฉีก ออกจากกันเผื่อจะได้เอาเนื้อที่ตรงกาลมา ใส่ผักต่างๆเช่นมะเขือเทศ หอม ผักกาดหอม แล้วก็ใส่เนื้อ ส่วนใหญ่จะเป็นเนื้อแกะ (บางคนก็ว่ามันเป็นเนื้ออะไรก็ไม่รู้ก็จะเลือกกินไก่มากกว่า หรือจะกิน แบบมังสวิรัติ คือไม่ใส่เนื้อก็ได้) แล้วเขาก็ราดซอสให้ เป็นซอสข้นๆที่ดูเหมือนจะทำจากมายองเนส มีทั้งซอสที่เครื่องเทศ ซอสกระเทียม และซอสเผ็ดสีแดง และสามารถตบท้ายด้วยการเติม พริกแห้งป่นตุรกีได้ หน้าตาไม่แตกต่างจากพริกป่นบ้านเราเท่าไหร่ แต่เราว่ามันไม่ค่อยเผ็ดเท่า ของบ้านเรา เราก็เลยกัด Kebab คำหนึ่งเติมพริกช้อนชาหนึ่งสลับกันไปเรื่อย ก็อร่อยดี อัน Dönerkebab นี้ (อ่านแบบไทยก็เรียกว่าเดินเน่อร์เคบับ ที่ว่าอ่านแบบไทย เพราะว่า เสียงแรกที่มีตัวโอแล้วจุดสองจุด ซึ่งในภาษาเยอรมันเรียกว่า Umlaut อุมเล้าท์ นี้ไม่มีในภาษาไทยจ้ะ เลือกเสียงใกล้เคียงคงเป็นเสียงเออของเรา) มีให้เลือกหลายแบบคือจะมีแบบฮาวายใส่สับปะรด แบบใส่ข้าวโพด และอื่นๆอีก นอกจากนี้ก็ยังมี Dürüm ที่ไส้ข้างในก็เหมือน Kebab แต่ว่าส่วนที่ใช้ห่อจะเป็นแป้งบางๆ ห่อออกมาหน้าตาคล้ายปอะเปี๊ยะยักษ์ รสชาติอร่อยดี เราชอบกินนี้มากกว่า Dönerkebab เพราะว่ากินง่ายดี กุ๊กไก่ลองนึกสภาพ Dönerkebab ที่ขนาด1/4 ของพิซซ่าถาดใหญ่และก็หนากว่ามากเพราะใส่ผักและเนื้อเต็มไปหมดดูซิจ๊ะ กินไปก็ไส้ก็ร่วงไป หนาก็หนาทำเอาปากเลอะไปหมด อาหารตุรกีสามารถหาซื้อได้ตั้งแต่ประมาณ 2.5 ยูโรขึ้่นไป ซื้อได้ทั่วไป เป็นอาหารฮิตของคนเยอรมันที่นี่ จากคุณ : Lilyofthevailey - [ 29 พ.ย. 48 02:11:24 A:58.64.103.195 X: TicketID:100215 ]

ความคิดเห็นที่ 7 Doenerkebab ค่ะ ตอนโพสต์เมื่อกี้ลืมแก้อีกแล้ว จากคุณ : Lilyofthevailey - [ 29 พ.ย. 48 02:14:52 A:58.64.103.195 X: TicketID:100215 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เล่ามาซะนานถ้าไม่เอ่ยถึงอาหารประจำชาติก็ดูเหมือนจะขาดอะไรไป อาหารเยอรมันคงจะเป็น สิ่งที่เราชอบน้อยที่สุดที่นี่แล้ว นอกจากนั้นเราก็ไม่รู้ว่าจะ เรียกว่าอะไรเป็นอาหารประจำชาติดี ถ้าถามว่าคนเยอรมันที่นี่กินอะไร เท่าที่เราเห็นก็ที่กินยืนพื้นมีขนมปัง มีตั้งแต่ขนมปังขาว แบบบ้านเราจนถึงดำ (Schwarzbrot Schwarz = black; Brot = bread คนบ้านเราคุ้นเคยกับ ชวาร์สคอพฟ์ - Schwarzkopf ซึ่ง Kopf = ศรีษะจ้า ) กินกะเนยบ้างเนยเทียมบ้าง แล้วก็มีแยม แฮม ที่ทาขนมปังอย่าง Nutella บางคนจะกินพวกนี้สองมื้อ และจะกินอาหารร้อนเพียงหนึ่งมื้อต่อวัน เราก็ว่าดีตรงประหยัดเวลานะ แต่เราทำไม่่ค่อยได้ ต้องหาข้าวกินเรื่องเลย นอกจากนี้ที่เลื่องชื่อ (แต่เรามักจะเห็นตามภัตตาคารมากกว่าบ้าน) คือขาหมูเยอรมันที่เขาย่างกรอบมากินกับ Knoedel (ทำจากแป้งมาปั้นให้เป็นลูกแล้วเอาไปต้ม) และSauerkraut (Sauer ซาวเออร์ แปลว่าเปรี้ยว ส่วน Kraut ก็คือพืช สมุนไพร แต่ความจริงในที่นี่ก็เป็นพวกกะหล่ำปลีดอง ส่วนใหญ่เขาจะเอาไปผัดร้อน ออกเปรี้ยวหน่อย สมชื่อ กินแก้เลี่ยนดี) นอกจากนี้ก็มีไส้กรอกนานาชนิดแบบย่่าง ทอดหรือต้ม และที่มักจะขาดไม่ได้ก็คือ มันฝรั่งจ้า แปรรูปมาเป็นแบบต่าง เป็นของคู่บ้านที่เขา มักจะซื้อเป็นหลายๆกิโลเก็บไว้ เหมือนบ้านเราซื้อข้าวมั้ง ที่เราไม่ชอบที่สุดก็คือ มันฝรั่งต้มแล้วใส่เกลือและใบ Petersilie (Parsley) เราว่ามันไม่อร่อยที่สุดเลย ถ้าเห็นว่าในโรงอาหารมีไอ้นี่คู่มากะอาหารจานไหน (เช่นหมูอบหรือปลาเนี่ย) เราก็จะไปเลือกกินอย่างอื่นเลย เราไม่ได้เป็นปฏิปักษ์กับมันฝรั่งนะจ๊ะ ที่อร่อยก็มี เช่นเอาไปหั่นเป็นแว่นๆแล้วผัดกับหัวหอมออกมาหน้าตาหน้ากิน หรือสลัดมันฝรั่งที่เอา มันฝรั่งต้มมาใสซอสมายองเนสก็อร่อยมาก จากคุณ : Lilyofthevailey - [ 29 พ.ย. 48 02:15:54 A:58.64.103.195 X: TicketID:100215 ]

ความคิดเห็นที่ 9 แกคงสงสัยว่าเอ ไอ้นี่ไปเรียนหรือไปกินกันแน่ แหมการกินเนี่ยก็เป็นเรื่องสำคัญมาก ถ้ากินอิ่มอร่อยเราก็มีความสุขมีแรงไปเรียน (ต้องใช้แรงเยอะจ้ะ เพราะฟังไม่ค่อยออก) ส่วนเรื่องกินนอกบ้านเนี่ยก็เฉพาะตอนแรกเท่านั้นที่ยังไปเที่ยวและยังหาร้านของเอเชียไม่ค่อยเจอ พอหาเจอแล้วก็เรียกว่าสบายท้องขึ้นเยอะ (ความจริงก็สบายท้องเป็นบางครั้งเท่านั้น เนื่องจาก ต้องปรับปรุงฝีมือการทำอาหารอยู่ตลอดเวลา) การทำอาหารกินเองเนี่ยมีข้อดี คือถูกกว่าไปกินตามร้าน (แต่รสชาติอาจสู้กันไม่ค่อยได้) และได้กินอาหารไทย (ร้านอาหารไทยที่เราเห็นก็เป็นของเวียดนามซะหมด เขียนชื่อเมนูยังผิดเลย เช่นมีอาหารที่ชื่อ Muh-Nam-Hoi-Ped เรากะเพื่อนก็อ่านได้ว่าหมูนำ้หอยเผ็ด ความจริงก็อร่อยดี เหมือนหมูผัดนำ้มันหอยทำนองนี้แหละ ส่วนราดหน้าก็กลายเป็นก๋วยเตี๋ยวผัดแห้งไป ทำนองนี้เป็นต้น ไม่รู้ว่าใครเป็นที่ปรึกษาเขียนเมนูและสอนทำอาหาร ถึงออกมาแบบไทยครึ่ง เวียดนามครึ่งซะส่วนใหญ) แต่ว่าทำอาหารกินเองเนี่ยก็จะเสียเวลาทำใช้ได้ทีเดียว และเนื่องจากร้านของเอเชียที่เมืองเราเป็นของเวียดนามอีกแล้ว ก็เลยทำให้ไม่ได้มีของไทย มากเหมือนตามร้านไทยใน ฺBerlin แต่ก็มีหลายอย่างอยู่อย่างพวกผักสดต่างอย่างผักบุ้ง ห่อนึงไม่รู้ว่ากี่ขีด แต่ราคาประมาณหนึ่งร้อยบาท เวลาอยากกินก็อย่า พยายามไปคูณเป็นเงินไทยดีที่สุด แล้วก็มีของแห้งต่างๆ รวมถึงพริกแกงทั้งหลายเอา มาทำกินประทังความอยากกินอาหารไปพอได้ เราว่าจม.ฉบับนี้จะเต็มไปด้วยการบรรยาย อาหารการกิน ไม่ได้เข้าประเด็นเรื่องเรียนซะที ไว้คราวหน้า ถ้าเราจะเขียนมาเล่าถึงชีวิตการผจญภัยในหอ และที่ได้ไปเที่ยวมาให้ฟังนะจ๊ะ รักและคิดถึงจ้า จากคุณ : Lilyofthevailey - [ 29 พ.ย. 48 02:16:28 A:58.64.103.195 X: TicketID:100215 ]

ความคิดเห็นที่ 10 อ่านแล้วเพลินดีค่ะ เหมือนได้อ่านจดหมายจากเพื่อนเลย แต่ตัวหนังสือติดกันมากเลยอ่านแล้วค่อนข้างตาลาย ควรจะเว้นบรรทัดบ้าง มีหลายช่วงเลยที่น่าจะขึ้นย่อหน้าใหม่ได้ เพื่อเว้นบรรทัดให้คนอ่านได้พักสายตา ^-^ ชอบมากเลยค่ะ เขียนบ่อยๆ นะคะ ปล. ตอนแรกอ่านชื่อไม่ออก พอลองอ่านดีๆ ก็คือลิลลี่ดอกจิ๋วนั่นน่ะเอง ชอบดอกลิลลี่พันธุ์นี้มากเลยน่ารักดี จากคุณ : wayo - [ 29 พ.ย. 48 04:22:42 ]

ความคิดเห็นที่ 11 จริงๆด้วยเนอะ ที่เยอรมัน Imbiss ส่วนใหญ่ที่บอกว่า มีอาหารไทยมักจะเป็นคนเวียดนามทำขาย แถมเมนูพัดอะไรก็ตามที่ใส่กะทิก็เหมาว่าเป็นอาหาร ไทยไปซะหมด...รสชาดกับหน้าตาไม่เห็นจะไทยเลย ว่าแต่คราวหน้า อย่าลืมเล่าเรื่องตลาด Weihnachten แถวฝั่งตะวันออกมาด้วยจ๊ะนะ จากคุณ : พี่สาวฝั่งตะวันตก (Bralee) - [ 29 พ.ย. 48 04:54:09 ]

ความคิดเห็นที่ 12 แต่ละกระทู้สั้นไปหน่อย นะครับ มันสามารถรับตัวอักษรได้ยาวกว่านี้นะ แล้วก็แบ่งวรรคตอนหรือขึ้นบรรทัดใหม่บ่อยๆ หน่อยครับ คนแก่อย่างผมอ่านแล้วตาลายน่ะ จากคุณ : กริชครับผม - [ 29 พ.ย. 48 10:27:50 ]

ความคิดเห็นที่ 13 มาอ่านค่ะ ใกล้เที่ยงแล้ว อยากกินไปหมดเลย จากคุณ : scottie - [ 29 พ.ย. 48 11:21:43 ]

ความคิดเห็นที่ 14 อ่านแล้วสนุกดีค่ะ... แต่ลายตาไปนิด จากคุณ : ปิยะรักษ์ - [ 29 พ.ย. 48 14:34:32 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณที่แนะนำนะคะ คือเขียนด้วยเวิร์ดแล้วก็มาก๊อปปี้ค่ะ แล้วคราวหน้าจะเว้นวรรคมากกว่านี้ แต่มีเรื่องอยากถามเรื่องตัวอักษรอยากเขียนไว้ตัวจุดจุดสองตัวบนสระเนี่ย มีใครรู้ไหมคะว่าทำยังไง หรือว่าทำไม่ได้ คือตอนcopyมาเนี่ยก็อ่านเห็นแต่พอโหลดแล้วก็กลายเป็นอย่างที่เห็นเนี่ยแหละค่ะ คุณ wayo รู้จักดอกนี้เหมือนกันหรือคะ มันน่ารักมากเลยนะคะ มีที่เมืองไทยหรือเปล่า ที่เยอรมันจะมีเฉพาะเดือนพฤษภาคมเท่านั้น หอมมากด้วย คุณพี่สาวฝั่งตะวันตก (Bralee) เรื่อง ตลาด Weihnachten เนี่ยก็อยากเขียนมากเลย แต่คงต้องรอไปหน่อยนะคะ เคยไปเที่ยว Christkindlesmarkt ที่ Nuernberg มา ขนาดดังแต่เราว่าสวย สู้ตลาดที่เมืองเราไม่ได้ ฮิฮิ แล้วจะมาเล่าสู่กันฟังคราวหน้า ดีใจค่ะ ที่มีคนพอเข้ามาอ่านบ้าง กลัวอยู่เหมือนกันว่าจะไม่มีใครสนใจเพราะว่าเขียนเล่าเรื่องเยอรมันธรรมดา จากมุมมองของเราเท่านั้นเอง จากคุณ : Lilyofthevailey - [ 29 พ.ย. 48 14:37:57 A:58.64.123.114 X: TicketID:100215 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ใช้ตัว e แทนไปเลยดีกว่าค่ะ จากคุณ : Bralee - [ 29 พ.ย. 48 17:00:44 ]

ความคิดเห็นที่ 17 โฮะ..โฮะ...โฮะ...โฮะ...มาเหมือนเราเลย...เราก็ตามรอยโสภาคจากเรื่องรักแร่ไปนอนที่ วาเค้ามาตั้ง 2 คืนแน่ะ จากคุณ : มานี - [ 29 พ.ย. 48 21:42:06 A:131.220.136.26 X: TicketID:097184 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เว็บพันติ๊บใช้ภาษาไทยกับอังกฤษแค่นี้แหละจ้ะ ยังดีนะที่ภาษาเยอรมันยังใช้ตัวอังกฤษ เคยมีคนหลงพิมพ์ญี่ปุ่น กลายเป็นรหัสลับ อ่านไม่ได้เลย เจ้าของกระทู้ไม่เล่าเรื่องอาหารใน Mensa มั่งเหรอ ฮิ ฮิ ไม่มีเรื่อง Mensa นี่ รู้สึกว่าชีวิตนักเรียนใน เยอรมันไม่สมบูรณ์น้า... มันฝรั่งที่เจ้าของกระทู้ไม่ชอบ สงสัยเจ้าของกระทู้ ยังไม่เคยเจอ Kartofflepuder จากคุณ : Canossa - [ 30 พ.ย. 48 11:21:09 ]

ความคิดเห็นที่ 19 Lily of the vailey ที่เมืองไทยไม่มีให้เห็นเลยค่ะ แต่ช่วงพฤษภา-มิถุนา นี่จะได้เห็นรูปบ่อยๆ คู่กับภาพงานแต่งงานในนิตยสาร หรือไม่ก็โฆษณาน้ำหอมที่มีดอกลิลลี่พันธุ์นี้เป็นหัวน้ำหอม วาโยยังไม่เคยเห็นตัวเป็นๆ เลยค่ะ เคยแต่เห็นในรูป Y-Y คงไม่มีโอกาสได้เห็นง่ายๆ ช่วงพฤษภาคมไม่มีวันหยุดยาวให้เราหนีไปเชยชมได้ จากคุณ : wayo - [ 1 ธ.ค. 48 04:42:23 ]