กระแสข่าวการยื้อ-ตะแบงไม่ยอมเก็บ 'บุหรี่' จากแผงแสดงสินค้าของร้านสะดวกซื้อชื่อดังได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากคนในสังคมมากพอควร เนื่องจากการออกมาแสดงจุดยืน-เหตุผลที่ค่อนข้างสวนกระแส 'จิตสำนึกร่วม' ต่อสังคม แสดงออกถึงท่าทีที่ 'เขา' ไม่ห่วงใยใส่ใจสังคมนี้ โดยการยกเรื่องของ 'กฎหมาย' เข้ามาข้องเกี่ยวว่า 'ไม่ผิด' หลักใดๆทั้งสิ้น!
สินค้าต้องวางขาย..ตามกฎกระทรวงพาณิชย์ แต่เป็นสินค้าที่ 'ต้องห้าม' ทำการโฆษณาของกระทรวงสาธารณะสุข!
กฎหมายจากสองฝั่งกระทรวงซึ่งขัดแย้งกันอย่างนี้ คือ ช่องโหว่-ช่องว่าง ที่วันนี้ 'เขา' ยังคงตะแบงว่า 'ทำได้'!
หากมีคนมาสอบถามผมว่า 'ผิดไหม' ที่เขาเลือกกระทำเช่นนั้น?..ถ้ายึดตามหลักกฎหมายผมคงตอบไม่ได้ แต่ถ้าตั้งคำถามถามผมใหม่ว่า 'เห็นด้วยไหมกับเหตุผล' ที่เขายกมากล่าวอ้าง?..ผมรีบอยากแทรกคำตอบตั้งแต่คำถามยังถามไม่จบด้วยซ้ำว่า 'ไม่เห็นด้วย'..ด้วยรู้สึกว่าเขาต้องการเอาแต่ได้-ไม่ยอมเสีย ไม่มีสำนึกร่วมกับสังคม
คิดอย่างนี้ ทำกันอย่างนี้มันเกินไป--รับไม่ได้!
จะเก็บ/ไม่เก็บลงจากแผงสินค้าหรือไม่นั้นคงต้องรอเวลาอีกสักระยะ ประชาชนอย่างเราไม่มีสิทธิ์ไปบอก-บังคับเขาได้ ทั้งที่ความจริงเรื่องดังกล่าวเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องรอให้ใครมาจ้ำจี้จ้ำไชกันมากนักหากเขามี 'จิตวิญญาณ' มากกว่ามองเห็นแต่ 'ผลประโยชน์'
พูดแล้วก็อยากคุย-อวดว่า 'อาแปะ' เจ้าของโชห่วยแถวบ้านผมแกเก็บบุหรี่ไว้ในที่ลับตาก่อนที่จะมีการรณรงค์ห้ามแสดงสินค้าประเภทนี้เสียอีก แถมแกยังไม่เคยติดป้ายบอกเอาไว้ด้วยว่า 'ที่นี่..ขายบุหรี่'
- ไม่จำเป็นต้องบอกว่ามีขาย สิงอมควันทั้งหลายต่างก็รู้กันอย่างทั่วถึง!
และวันนี้เพื่อเป็นการตอบสนองนโยบายของรัฐ แกได้ขึ้นป้ายด้วยข้อความเสียสวยหรูติดหน้าร้านว่า 'CIGARETTES SOLD HERE'
ใครอ่าน-แปลออกก็เข้าไปซื้อ ส่วนคนไม่รู้ก็เลยผ่านไป ไม่ต้องซื้อ--แกไม่แคร์!
//////////
ผมสูบบุหรี่ ทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่ดีแต่ก็ยังสูบ..ผมเชื่อว่าคนที่สูบหลายคนก็คงรู้ถึงพิษภัยของมันไม่ต่างไปจากกัน
ถามว่ารู้อย่างนี้แล้วยังจะสูบมันทำไม--!?
หลายคนมีเหตุผลต่างกัน บ้างว่าสูบแล้วคลายเครียด แก้ง่วง สมองโล่ง ฯลฯ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความรู้สึกทางจิตใจ อย่างไรเสียพิษภัยของบุหรี่นั้นยังมีมากกว่าประโยชน์
และที่สำคัญตอบอย่างกำปั้นทุบดิน--ก็บุหรี่ยังมีขาย!
ผมเคยถามหลวงพ่อบางรูปว่า ท่านสูบทำไม..เป็นพระสูบบุหรี่ไม่บาปหรือ?
"ไม่บาป ก็อาตมาสูบมันเป็นยานี่ โยม"
ใช่! นอกจากคนธรรมดาอย่างเราๆแล้ว พระสงฆ์องค์เจ้าหลายรูปก็ยังสูบ (เข้าใจว่าคงสูบมาก่อนหน้าที่จะบวช) ญาติโยมบางคนก็ยังถวายยาสูบกับท่าน--หากทราบว่า 'ท่าน' ชอบ
เรารู้สึกอย่างไรเมื่อเห็นพระสูบบุหรี่?! เป็นเรื่องที่เหมาะสมหรือไม่หากเรายังนิยมถวายปัจจัยนี้กับท่าน--?!
หรือเราจะจำกัดคำว่า 'ไม่เหมาะ' นี้ไว้สำหรับเยาวชนผู้ซึ่งอายุไม่ถึง 18 ปีเท่านั้น
"ดูเหมือนคุณกำลังจะบอกว่า ทีกับพระกับเจ้ายังสูบได้แล้วทำไมเด็กๆจะสูบมันบ้างไม่ได้?"
มีเสียงหนึ่งถามแทรกเข้ามา
"บ้า! ผมได้หมายความอย่างนั้น ผมกำลังจะบอกว่า ทั้งพระทั้งฆราวาส หรือจำกัดความให้มันแคบลงกว่านี้ หมายถึง 'ผู้ใหญ่'--ผู้ใหญ่อย่างเราๆนี่ละที่ห้ามเด็กไม่ให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ตัวเองกลับทำเองเสียฉิบ"
"ทำไม ดูเหมือนคุณพูดเข้าข้างเด็กจัง กำลังจะบอกใช่มั้ยว่าถ้าเด็กจะสูบบ้างก็ไม่เป็นไร!?"
"ก็ผมเคยเป็นเด็ก เป็นเด็กที่คนในบ้านพร่ำบอกสอนสิว่า บุหรี่มันไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้นะลูกนะหลาน แล้วไง คนที่พูดแต่ละคนก็คือคนที่สูบบุหรี่..เคยถูกครูเฆี่ยน ในขณะที่มือข้างขวากำไม้เรียวส่วนที่มือข้างซ้ายยังคีบบุหรี่..ผมไม่เข้าใจผู้ใหญ่ประเภทนี้จริงๆ เพราะงั้นผมจึงหมายใจไว้ว่าอายุถึง 18 เมื่อไหร่จะสูบให้มันหนำใจ..อายุ 18 แล้วสูบได้ ไม่ถูกเฆี่ยน..แรงผลักดันมันเยอะ เอ๊ะ คุณถามผมเหมือนกับว่าคุณไม่เคยเป็นเด็กงั้นละ ไม่เคยเจอผู้ใหญ่ประเภทพูดอย่างทำอย่างเหมือนผมบ้าง!"
"ผมเจอแต่กำนัน"
พูดจบเจ้าของเสียงนั้นรีบวิ่งหนีไปก่อนที่ผมจะโพล่งคำผรุสสวาทเข้าใส่
คนในครอบครัวของผมมีพ่อกับอาสองคนที่เป็นผู้สูบบุหรี่
ในวัยเด็ก บ่อยครั้งที่อามักใช้ให้ผมไปซื้อบุหรี่ที่ร้านของชำใกล้บ้าน ผมเต็มใจเป็นอย่างยิ่งที่จะรับภารกิจนี้ เนื่องจากผมจะได้สิทธิ์เลือกซื้อขนมหรือน้ำอัดลมสักขวดเป็นสิ่งตอบแทน ส่วนพ่อนั้นน้อยครั้งมากที่จะใช้ผม ส่วนมากพ่อจะซื้อเองเนื่องจากบุหรี่ของพ่อไม่เคยหมดซองในระหว่างที่อยู่บ้าน
แต่แปลก พ่อกับอาไม่เคยสูบบุหรี่ในบ้าน ทั้งสองต้องออกเดินไปสูบบริเวณสวนหน้าบ้านทุกครั้งเหมือนไม่อยากให้เด็กๆในบ้านได้เห็น แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า พวกเด็กๆอย่างเราจะไม่รู้-เห็นว่าเขาทั้งสองออกไปสูบบุหรี่
"พ่อ-อา ผมสูบมั่งได้มั้ย"
คำตอบคือไม่ได้ ทั้งพ่อและอาบอกว่า "เรายังเด็กห้ามสูบ"
"ทำไมเด็กสูบไม่ได้"
คนทั้งสองตอบว่า "ก็มันไม่ดีน่ะสิ"
"ไม่ดี แล้วพ่อกับอาสูบทำไมล่ะ!"
ไม่มีคำตอบ มีแต่เสียงหัวเราะแล้วสองพี่น้องคู่นั้นก็ไล่ผมกลับเข้าบ้าน
//////////
ผมสูบบุหรี่ครั้งแรกเมื่ออายุ 15 ด้วยความอยากลองของต่างๆตามประสา-ธรรมชาติของเด็กวัยรุ่น
หลายคนบอกว่าวัยรุ่นสูบบุหรี่เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องของความโก้เก๋ แต่สำหรับผมขอบอกว่า 'ไม่ใช่' เพราะไม่เคยไปทำเท่ให้ใครที่ไหนได้เห็น สูบแต่ละครั้งต้องแอบหลบสายตาพวกผู้ใหญ่ทุกครั้งไป
ห้องส้วมของโรงเรียนคือสถานที่ยอดนิยมของผมและกลุ่มเพื่อน เรื่องนี้อาจารย์ฝ่ายปกครองสามารถยืนยันได้เป็นอย่างดี
แล้ววันหนึ่ง ผมและกลุ่มเพื่อนผู้อยากลองของต่างถูกอาจารย์ฝ่ายปกครองนั่นละล้อมจับพร้อมกับของกลางซึ่งมีทั้งบุหรี่ ไม้ขีด ไฟแช็ก (และแถมพ่วงด้วยหนังสือโป๊ 2 -3 เล่ม ซึ่งไม่สามารถหาผู้เป็นเจ้าของได้) พวกเราทั้งหมดถูกควบคุมตัวไปสอบสวนเอาความ เสร็จสรรพแล้วจึงถูกสำเร็จโทษด้วยการเฆี่ยนคนละ 3 ครั้ง พร้อมทั้งรับจดหมายเชิญผู้ปกครองให้มาเซ็นชื่อรับทราบถึงการถูกภาคทัณฑ์
"ทำไมต้องมาสูบที่โรงเรียน--!?"
คำถามแรกที่พ่อถามหลังออกมาจากห้องพักอาจารย์
ผมเข้าใจว่า พ่อคงอยากจะถามว่า 'สูบทำไม?' มากกว่า พ่อคงกลืนไม่เข้าคายไม่ออกกับปัญหานี้เพราะตัวของพ่อเองนั้นก็เป็นผู้ที่สูบบุหรี่ และเริ่มสูบครั้งแรกเมื่ออายุอยู่ในวัยไล่เรี่ยเดียวกันกับผม
"ติดไหม..เลิกมันได้ไหม?" พ่อถามอีกหลังจากนิ่งเงียบไปสักพัก
ผมตอบพ่อว่าเลิกไม่ได้ เพราะผมไม่ได้ติด..จากนั้นพ่อไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้อีกเลย กระทั่งวันที่พ่อเลิกสูบบุหรี่ได้อย่างเด็ดขาดพ่อจึงถามและแนะนำด้วยความรักและความหวังดี
"บุหรี่ยังสูบอยู่ไหม? เลิกได้ก็เลิกเสียนะ เราก็รู้นี่ว่ามันไม่มีอะไรดีต่อร่างกายเลย"
วันนั้นผมอายุล่วงพ้นวัยเรียนเข้าสู่วัยทำงานแล้ว ผมอยากบอกพ่อว่า มันยากนะพ่อ..ผมติดมันแล้ว
"พ่อเลิกได้ไง!?" ผมถามคำถามนี้แทน
"ไม่ยาก อยากเลิกก็ไม่ต้องสูบ ไม่ต้องส่งบุหรี่เข้าปาก ก็เท่านั้น"
"พ่อคิดได้ไง คิดเองหรือเปล่า?"
"เปล่า พ่ออ่านเจอในงานเขียนของหม่อมฯคึกฤทธิ์"
"เหมือนพ่อกำลังจะบอกว่า เข้ามาทางไหนก็ออกทางนั้นใช่มั้ย?"
"ก็ เราทำได้มั้ยเล่า.."
ดูเหมือนพ่อพูดถึงโทษและพิษภัยจากการสูบบุหรี่ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ มากกว่าวันแรกที่พ่อรู้ว่าผมเริ่มริลองเสพ
ผมเงียบ--คนติดบุหรี่อย่างผมไม่มีคำตอบใดๆให้กับพ่อ.
ผมรู้ว่าตัวเองนั้นติดบุหรี่อย่างจริงจังก็ต่อเมื่อเริ่มทำงาน หลังจากพร่ำหลอกบอกตัวเองมาตลอดเวลาว่า 'ไม่ได้ติด'
สังคมที่ทำงานของผมล้วนแวดล้อมไปด้วยผู้ที่สูบบุหรี่ เพื่อนร่วมงานบางคนสูบบุหรี่ครั้งแรกมาตั้งแต่สมัยยังเรียนหนังสือ บางคนมาเริ่มหัดสูบเมื่อเข้าทำงาน
ทุกคนล้วนไม่เคยมองว่าการสูบบุหรี่นั้นเป็นสิ่งไม่ดีต่อร่างกายกันสักคน
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราจะเห็นการสูบบุหรี่ของคนคนหนึ่งเป็นเรื่องปรกติสามัญธรรมดา เพราะเราต่างก็ได้เห็นภาพเช่นนี้กันเสียเคยชิน--ตั้งแต่เล็กจนโต
20 ปีก่อน (หรือย้อนหลังไปตั้งแต่มีการก่อตั้งกำเนิดโรงงานยาสูบ) การขายบุหรี่ให้กับเด็กนั้นไม่เคยมีผู้ใดคิดได้เลยว่า เด็กจะเอาไปสูบเองหรือไม่--!?
ก็ใครเล่าจะไปคิด เพียงแค่เด็กบอกว่า 'ซื้อไปให้พ่อ' หรือบางครั้งคนขายก็มักถามนำเสียเองว่า 'พ่อใช้ให้มาซื้อใช่มั้ย?' เท่านั้น..จ่ายเงินแล้วจบกัน
กระทั่งไม่มีการถามไถ่กันเลย..ก็มี
คนในครอบครัวต่างก็สูบบุหรี่ให้เด็กๆได้เห็นกันตั้งแต่เริ่มจำความได้
ทั้งในบ้าน-นอกบ้านตามท้องถนน ในจอโทรทัศน์และภาพยนตร์ ฯลฯ
เด็กๆหันหน้าไปทางไหนก็พบเห็นแต่คนสูบบุหรี่!
การกระทำต่างๆของพวกผู้ใหญ่ดังกล่าวล้วนเป็นตัวอย่างให้เด็กๆได้เห็นจนเกิดการชินตา มองเห็นเป็นเรื่องธรรมดาเรื่องหนึ่งไม่ต่างจากข่าวฆ่ากันตายเป็นรายวัน
ทำไม? สังคมนี้ถึงรู้สึกตัวได้ช้าเสียเหลือเกินว่า การขายบุหรี่ให้กับเด็กนั้น 'มันไม่ดี'
ทำไม? กว่าจะเกิดจิตสำนึกดังกล่าวได้ถึงต้องรอเวลากันอยู่หลายสิบปี--ระยะเวลาที่สร้างให้การสูบบุหรี่กลายเป็น 'ค่านิยม' ให้กับเด็กมากกว่าการอยากลอง-อยากรู้อยากเห็นตามวิถีธรรมชาติของวัย
//////////
วันนี้ผมเดินผ่านร้านสะดวกซื้อสาขาหนึ่ง สังเกตแผงแสดงสินค้าหลังเคาน์เตอร์คิดเงินพบว่ามีแต่ความว่างเปล่า ไม่มีตัวอย่างบุหรี่ว่างเรียงรายให้เห็นเหมือนเช่นวันก่อนๆ
ขณะที่ยืนรอรถโดยสารประจำทางซึ่งอยู่ถัดจากร้านสะดวกซื้อสาขานั้น ผมเห็นชายคนหนึ่งตรงหน้ายืนสูบบุหรี่ ข้างกายของเขามีเด็กชายตัวน้อยยืนกอดแขนเขาอยู่ทางด้านซ้าย..ชายอีกคนหนึ่งเดินผ่านหน้าผมไปพร้อมกับควันบุหรี่ลอยละล่องย้อนตามลมกลับมา..ชายอีกคนหนึ่งซึ่งเดินสวนมาคว้าไฟแช็กจากกระเป๋ากางเกงจุดบุหรี่สูบแล้วระบายควันออกมา
หญิงสาว ชายหนุ่มหลายคน รวมทั้งตัวผมเองซึ่งยืนอยู่บริเวณนั้นต่างต้องเบือนหน้าหนี ปิดจมูก
ปัญหาข้อพิพาทข้อหนึ่งเกี่ยวกับบุหรี่ได้รับการแก้ไข แต่ปัญหาข้ออื่นๆที่เกี่ยวกับบุหรี่ยังไม่ได้รับความสนใจ-ใส่ใจเท่าที่ควร
บางที นอกจากจะห้ามไม่ให้มีตัวอย่างบุหรี่วางโฆษณาบนแผงขายแล้ว เราควรจะหันมาไล่เบี้ยกับ 'ตัวอย่าง' - ผู้ที่สูบบุหรี่ไม่เป็นที่เป็นทาง ให้รู้จักเคารพสิทธิของผู้ที่ไม่สูบกันบ้างจะดีหรือไม่--!?
19 - 29 พฤศจิกายน 2548
จากคุณ :
อานันท์-โจนาธาน
- [
1 ธ.ค. 48 20:03:57
]