...หัวเสือมีมีดคาบ ใครเห็นต้องทราบทุกคน....เสียงเพลงประจำหลักสูตรจู่โจม ดังรอบที่หกเห็นจะได้ บรรดานักเรียนจู่โจมตัวดำๆ ตาคล้ำๆผอมโซร้อยกว่าคนพยายามประสานเสียงกันอย่างสุดชีวิต หากแต่เหล่าครูฝึกมาดยียวนที่กำลังหม่ำน่องไก่กันอย่างเอร็ดอร่อยดูคล้ายจะไม่ได้ยินแต่อย่างใด "อ้าวนักเรียนวันนี้ไม่กินข้าวกันรึงายยย นั่งกันเงียบเชียวนะ"โอ้โฮ..ท่าทางครูน่าจะหูแตกซะแล้วล่ะครับ ตะเบ็งกันคอจะแตกอยู่แล้วยังบอกไม่ได้ยิน หิวข้าวจนตาลายวันนี้ตั้งแต่เช้าจรดเย็นข้าวที่ตกถึงท้องน่าจะนับเมล็ดได้ คิดแต่ว่ามันเป็นเกม เขาบอกว่าคนเราจะแสดงตัวตนเมื่อหิวที่สุด ง่วงที่สุด เหนื่อยที่สุด เพลียที่สุด เซ็งที่สุด
การคลายเหงาเบื่อเซ็งเท่าที่พอจะทำได้ ก็คือหากพอจะมีเวลาว่างซักเล็กน้อย จะคุยกันในกลุ่มเพื่อนว่าหลังจากจบการฝึกแล้วเราจะทำอะไร จะไปเที่ยวไหนกันดี บางคนชวนกันไปเที่ยวทะเล บางคนอยากไปเที่ยวน้ำตก ก็ว่ากันไปครับ ตอนนี้ผมเชื่อแล้วล่ะครับว่าคนเราอยู่ได้ด้วยความหวัง หวังจะได้เครื่องหมายเสือคาบดาบมาประดับหน้าอกด้านขวาอย่างภาคถูมิ หวังว่าจบแล้วจะไปไหนกัน
...................................................
ฝึกภาคทะเล
หนึ่งในการฝึกที่เราเจอคือปัญหาเรือแตก ครูจะพาขึ้นเรือไปห่างจากฝั่งประมาณสามกิโล แล้วบอกว่าเรือแตก ให้นักเรียนทุกคนสละเรือลอยคอเข้าหาฝั่งมีทุ่นชูชีพติดตัวคนละชิ้น เรือแตกสามโมงเช้าให้เข้าถึงฝั่งก่อนบ่ายโมง ไอ้เราก็นึกว่าหมูดูใกล้ๆแค่นี้เอง
ชั่วโมงแรก เกาะกลุ่มกันดีครับ เฮฮา คิดซะว่าเล่นน้ำทะเล
ชั่วโมงทีสอง ทำใมมันยังไม่ถึงซักทีวะ
ชั่วโมงที่สาม ทำใมฝั่งมันไกลจังวะ อ้าวเฮ้ยอ้วกใครลอยละล่องผ่านหน้าเราไป
ครับก่อนบ่ายไม่กี่นาทีนักเรียนจู่โจมคนสุดท้ายเท้าจึงสัมผัสกับผืนทราย บางคนบ่นกรูเข็ดแล้วทะเล บางคนก็ยังไม่เข็ด
ปัญหาอด
เริ่มด้วยการพายเรือยางไปยังเกาะร้างแห่งหนึ่งระยะทางประมาณสิบกิโล ใครอย่านึกนะครับว่าพายเรือยางง่ายแค่จะพายออกจากฝั่งบางชุดเป็นชั่วโมงเพราะพายไปคลื่นก็จะตีเข้าฝั่ง เท่านั้นยังไม่พอครับ พายไปพายมาบางคนเมาคลื่นอ๊วกแตกอ๊วกแตน เรือบางลำพายไปพายมาเหลือคนที่มีสภาพปกติคนเดียวต้องกางผ้ากันฝนประหนึ่งเรือใบปล่อยลอยเท้งเต้งไปเรื่อยๆ เวลาปล่อยตัวสองโมงเช้า ลำสุดท้าย(เรือใบที่เล่าเมื่อกี้น่ะแหละครับ) แตะเกาะร้างก็เกือบห้าโมงเย็น ครับเป็นเวลาสี่สิบแปดชั่วโมงที่โดนปล่อยเกาะไม่มีอาหารมาส่ง บางคนหิวจัดแต่หาปลาไม่ได้ก็ใบไม้ครับทั้งเกาะมีต้นมะขามอยู่ต้นเดียว หมดครับใบอ่อนใบแกไม่สนพ่อเด็ดมากินหมด บางคนอาศัยการเคลื่อนไหวให้น้อยที่สุดเปลืองพลังงานน้อยที่สุด นอนครับ หายใจเบาๆ ตอนนั้นนึกอยากกินไปหมดเลยล่ะครับ เพราะจริงแล้วไม่ใช่ว่าเพิ่งมาอด แต่อดๆอยากๆมานานแล้วครับ กินน้อยใช้แรงเยอะ พอมาอดจริงๆสองวันเลยค่อนข้างแย่ แต่ก็ดีครับได้รู้ขีดแห่งความหิว ความอดทนอดกลั้นสูงขึ้นเยอะครับ เจออะไรก็คิดว่า หนักกว่านี้ก็เจอมาแล้ว แค่นี้สบาย
พอกลับจากปล่อยเกาะ ตอนนี้เสียงเป็นเอกฉันท์ครับ หัวเด็ดตีนขาดโปรแกรมเที่ยวหลังฝึกจบ กรูก็ไม่ไปเที่ยวทะเลแล้ว
..............................................
ต่อจากภาคทะเลที่ลุ่มเป็นภาคป่าภูเขาครับ ประเดิมด้วยการเดินเร่งรีบ 17 ไมล์(อยากรู้ว่ากี่กิโลเอา 1.6 คูณครับ) ไปถึงที่พักก็เกือบสามทุ่ม
"อ้าว..นักเรียน เดี๋ยวคืนนี้พักตรงนี้ก่อน พรุ่งนี้เราค่อยจัดระเบียบที่พักกัน ใครจะทำธุระส่วนตัวให้ไปข้างบน" เสียงครูฝึกชี้แจงพลางชี้ไม้ชี้มือบอกทิศทางไปทางบนเขา เหล่านักเรียนดีใจกันสุดขีดวันนี้ได้นอนเร็วในรอบหลายๆสัปดาห์
"เฮ้ย..เมิงไปเป็นเพื่อนกรูหน่อยสิ ปวดหนักว่ะ"นักเรียนจู่โจมคนนึงปลุกบัดดี้กลางดึก แล้วเขาสองคนก็ค่อยๆเดินไปทำธุระบนเขา
พอเช้าเริ่มจัดระเบียบที่พัก ปรากฏว่าที่พักอยู่บนเขาที่ครูเขาชี้ให้ไปทำธุระนั่นเอง ขณะกำลังสาละวนกางเต็นท์กันอยู่ทันไดนั้นมีเสียงนกหวีดดังให้ประจำแนว ต่างคนต่างคว้าปืน กระโดดลงหลุมบุคคลข้างหน้าคู่ใครคู่มัน
เสียงนักเรียนคนหนึ่งกัดฟันกรอดเสียงพูดรอดไรฟันดังพอได้ยินในหลุมข้างเคียงกัน"...สาดดดด เอ๊ย ใครแม่งขี้ใส่หลุมกรูวะ"
การฝึกเป็นไปอย่างเชื่องช้ามากๆ กว่าจะผ่านไปได้แต่ละวัน เพราะเราใช้เวลาได้คุ้มมาก ตื่นนอนกันตีสี่กว่าจะได้นอนก็ตีสองกว่าเป็นอย่างเร็ว กลางวันอย่าได้หวังว่าจะได้แอบงีบ เครื่องหลังติดตัวตลอดเวลา ร่างกายถูกใช้ชนิดที่ว่าเกินขอบเขตที่คนทั่วไปจะทำได้ หลายครั้งหลับใน เวลาเดินกลางคืนต้องเอามือเกาะบ่ากันไป เผลอๆเพื่อนไปเกาะกิ่งไม้ยืนหลับซะงั้น ดีว่าคอยนับกันตลอดไม่งั้นไม่รู้หลงป่าไปไหน
เขาเป็นลูกๆที่เดินข้าม จากลิบๆไกลตา มาเห็นใกล้ๆ และผ่านไปจนเห็นลิบๆ บางวันหลงแล้วหลงอีก บางวันโบก ฮ.ผิด(ให้สัญญาณฮ.มาส่งเสบียง)ฮ.ส่งเสบียงผิดพิกัด โดนโจร(ก็ครูที่ไปด้วยกันนั่นแหละครับ)ปล้นไปดื้อๆ อดไปอีกหนึ่งวัน ความหิว เหนื่อยง่วงเพลียเซ็ง เหมือนเพื่อนสนิทที่ต้องมาทักทายกันทุกวัน วันๆเจอแต่ป่าเขาลำเนาไพร
ในที่สุด 70 วันแห่งความทรมานก็จบลงพร้อมเครื่องหมายเสือคาบดาบที่ประดับอกข้างขวา น้ำหนักที่หายไปหลายกิโล
....................................
"สรุปว่าเราจะไปเที่ยวไหนกันดีวะ"เพื่อนคนนึงเปิดประเด็นขึ้นมา
เอกฉันท์ครับ เราทุกคนลงมติกันว่า ป่าคอนกรีตดีที่สุดครับ อารมณ์นั้นประมาณว่าเห็นป่าก็จะอ้วกเป็นมาม่าปลากระป๋องแล้วล่ะครับ
จากคุณ :
ใจกระบี่กระจ่างแจ้ง
- [
3 ธ.ค. 48 21:50:58
]