CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ดอกไม้สวยที่สุดในโลก (ให้กำลังใจดีจ้า)




           กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีดอกไม้สองต้นเกิดใกล้กัน แต่ไม่เคยได้มีโอกาสคุยกัน

           ต้นหนึ่งเติบโตท่ามกลางต้นกล้าดอกไม้ที่อยู่ในกรีนเฮาส์ที่มีระ บบการดูแลอย่างดีทั้งน้ำ ปุ๋ย และอุณหภูมิ ไม่มีเชื้อโรค ไม่มีแมลงมารบกวน ไม่ต้องกลัวลมพายุ

           ส่วนอีกต้นหนึ่ง มันเติบโตอยู่นอกกรีนเฮาส์ เพราะคนดูแลทำเมล็ดพันธุ์หล่นไว้อย่างไม่ตั้งใจ  

           มันถูกปล่อยให้โตไปตามยถากรรม ต้องเผชิญทั้งลมพายุ โรค และแมลง แต่ก็รอดไปได้ด้วยการปรับตัว

           มันมีความรู้สึกว่า ชีวิตของมันโชคดีแล้ว ที่คนงานไม่คิดจะถอนมันทิ้งไป ตั้งแต่วันแรกที่เขาเห็นมันขึ้นเป็นต้นเล็กๆ อยู่ข้างกรีนเฮาส์

           ทุกๆ วันดอกไม้ที่อยู่ในกรีนเฮาส์จะพูดคุยกับเพื่อนๆ ของมันด้วยความร่าเริง ผิดกับดอกไม้อีกต้นหนึ่งที่ได้แต่เฝ้าดูดอกไม้ทุกต้นเติบโตอย่างชื่นบานในมุมเงียบๆ ของมันด้วยความชื่นชม แล้วก็แอบฝันกลางวันไปว่า วันหนึ่งมันคงได้มีโอกาสเข้าไปอยู่ในกรีนเฮาส์เหมือนกับดอกไม้อ ื่นๆ บ้าง

           ชีวิตประจำวันของดอกไม้ทั้งสองต้น ก็ผ่านไปอย่างนี้ทุกวัน

           จนกระทั่งวันหนึ่งการเปลี่ยนแปลงในชีวิตก็เกิดขึ้นกับดอกไม้ทั้งสอง

           เด็กคนหนึ่งยิงหนังสติ๊กไล่นก แต่พลาดมาถูกกระจกบานใหญ่  ของกรีนเฮาส์แตกกระจาย อุณหภูมิภายในกรีนเฮาส์สูงขึ้นกระทันหัน สปอร์ของเชื้อราปลิวตามลมเขาไป หมู่แมลงฝูงใหญ่พอรู้ข่าว ก็พากันบุกกรูเข้าไปกินอาหารอันโอชะอย่างเอร็ดอร่อย

           ผ่านไปพักเดียว สภาพของเรือนดอกไม้ในกรีนเฮาส์ที่เคยชื่นบานด้วยดอกไม้แสนสวย ก็เต็มไปด้วยรูพรุนและความชอกช้ำ หดหู่ ไปทั้งกรีนเฮาส์

           ดอกไม้ต้นแรกรอดสายตาของแมลงไปได้อย่างอัศจรรย์ มันหวาดกลัวกับเรื่องราวกระทันหันเช่นนี้ เพื่อนๆ ของมัน ถูกหมู่แมลง หมู่หนอนรุมกัดกินจนเสียโฉม มองไปทางไหน ก็เห็นแต่ดอกไม้ที่ทยอยตายลงไปอย่างช้าๆ เพราะหมดกำลังใจจะมีชีวิตอยู่

           ฉับพลันมันก็มองรอดออกไปนอกกรีนเฮาส์ มันเห็นดอกไม้ต้นหนึ่งที่อยู่ประจำตรงนั้นทุกวัน แต่มันไม่เคยมองมา อาจจะเป็นดอกไม้ที่ใบไม่สวยงามนัก ลำต้นอาจจะดูไม่สมบูรณ์ แต่ก็เป็นเผ่าพันธุ์เดียวกับมัน เพราะดอกงามที่เฉิดฉันอยู่นั้น ไม่ผิดแปลกแตกต่างดอกงามที่อยู่บนต้นของมันเลย

           มันเริ่มแปลกใจว่า ทำไมดอกไม้ต้นนั้น ถึงดูเข้มแข็งนัก และมีชีวิตอยู่รอดปลอดภัยในโลกภายนอกกรีนเฮาส์ได้อย่างไร

           ขณะที่มันกำลังจะเอ่ยถามดอกไม้ต้นนั้น ฉับพลันก็ให้รู้สึกเหมือนถูกอะไรกัดอย่างแรงที่ก้านใบ และเหมือนมีอะไรกำลังมาฉีกแผ่นใบมันออกเป็นชิ้นๆ

           ความอ่อนแอในตัวมันแสดงออกมามากขึ้นเรื่อยๆ มันมีความรู้สึกว่า มันกำลังจะตาย ความเหี่ยวเฉาแผ่ไปทั่วลำต้นและระบบท่อลำเลียงของมันอย่างรวดเร ็ว

           ทันใดนั้น มันก็ได้ยินเสียงจากดอกไม้ต้นนั้นที่อยู่นอกกรีนเฮาส์ ดอกไม้ที่งามเฉิดฉันที่มันไม่เคยหันไปมอง บัดนี้กำลังตะโกนบอกมันว่า

           "ทำใจดีๆ เอาไว้ อดทนต่อความรู้สึกเหี่่ยวเฉาให้ได้ อดทนจนผ่านช่วงนี้ไปให้ได้ แล้วระบบต่างๆ ภายในจะเข้มแข็งขึ้น"

           มันเองก็อยากจะมีชีวิตอยู่ แต่สภาพเหี่่ยวเฉาช่างรุนแรงเหลือเกิน

           ดอกไม้ที่อยู่ภายนอกกรีนเฮาส์ก็พยายามตะโกนต่อไปอีกว่า

           "เธอตายไม่ได้นะ เพราะเธอคือต้นสุดท้ายในกรีนเฮาส์ที่ยังมีชีวิตอยู่ ถ้าเธอยอมแพ้เสียแล้ว โลกใบนี้จะเป็นอย่างไร จะหาดอกไม้ที่งดงามเพียบพร้อมอย่างเธอได้จากที่ไหนล่ะ"

           คำพูดของดอกไม้ต้นนั้นมีพลังต่อชีวิตของมันอย่างมหาศาล มันรู้สึกว่าตัวเองค่อยๆ มีชืวิตชีวา เริ่มต้านทานกับพิษของแมลงที่ก้านใบได้ เริ่มทนกับความเจ็บปวดจากการฉีกแผ่นใบของหนอนได้ สภาพเหี่่ยวเฉาค่อยๆ หายไป ระบบดูดน้ำ ระบบลำเลียงอาหารเริ่มกลับมาทำงานได้ตามปกติ มันฟื้นตัวขึ้นเรื่อยๆ และบัดนี้มันรอดชีวิตแล้ว

           แม้ฝูงแมลงกับหมู่หนอนยังไม่ไปไหน แต่ดอกไม้ทั้งสองต่างหันมายิ้มเฉิดฉันให้กันได้แล้ว นับเป็นมิตรภาพในยามยากที่หาได้ยากยิ่ง แต่ก็ยังพอหาได้ในกรีนเฮาส์แห่งนี้

           ผ่านไปพักใหญ่ๆ เจ้าของกรีนเฮาส์ก็เดินทางมาถึง เขาท่าทางหัวเสียมาก และรู้สึกเศร้าสร้อยเป็นที่สุด

            ความพยายามของเขาที่ทำมาตลอดทั้งชีวิต เพื่อที่จะปรับปรุงพันธุ์ดอกไม้นี้ให้เป็นดอกไม้ที่งดงามที่สุด ในโลก มาแต่งแต้มโลกนี้ให้มีความสุข ก็พลันสลายไป

           เขารู้สึกท้อแท้สิ้นหวังไม่อยากทำอะไรต่อไป มองไปทางไหนๆ ก็มีแต่ซากดอกไม้ที่เขาตั้งใจดูแลมาอย่างดี

           ในขณะนั้นเอง สายตาของเขาก็ต้องหยุดอยู่ที่ดอกไม้สองต้น

           ต้นหนึ่งยังชูต้นต่อไปได้ แม้กลีบดอกจะเว้าแหว่งไปบ้างก็ตาม

           ขณะที่อีกต้นหนึ่งขึ้นอยู่นอกเรือนกระจก ลำต้นอาจดูไม่สมบูรณ์มากนัก แต่ความสมบูรณ์ของฟอร์มดอก และสีที่สดใส ก็ไม่แพ้ดอกไม้ที่เขาเลี้ยงในกรีนเฮาส์เลย

           เขายิ้มออก และนั่นคือ ของขวัญวิเศษสุดในวันที่สูญเสียกรีนเฮาส์ เพราะบัดนี้ เขาได้ดอกไม้ชนิดเดียวกัน แต่มีสองสายพันธุ์ไว้แพร่พันธุ์ต่อไปแล้ว และที่สำคัญ มันยังสามารถต้านทานโรคและแมลงได้ดีอีกด้วย

           เขาเริ่มต้นใหม่กับความฝันเดิมบนซากดอกไม้ที่สูญเสียไปอีกครั้ง หนึ่งมันเป็นการกลับมาด้วยพลังใจอันยิ่งใหญ่กว่าเก่า

           ต่อมาไม่นานก็ได้ข่าวว่า เขาจัดงานเทศกาลดอกไม้บานครั้งยิ่งใหญ่ของเมือง และทำให้ชื่อเสียงของดอกไม้ที่เหลือรอดมาครั้งนั้น กลายเป็นพันธุ์ไม้โด่งดังไปทั่วโลก



           นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

           1. คนทุกคนมีคุณค่าอยู่ในตัวเอง ถ้าหากเรารู้จักทำตัวเองให้มีคุณค่า ไม่ยอมแพ้ แม้โชคชะตาฟ้าดินอาจจะไม่เข้าข้างเราเลย

           2. คนที่ได้ดีแล้ว ก็อย่าลืมตัว ส่วนคนที่เพียบพร้อมอยู่แล้ว ก็อย่ามองไม่เห็นคุณค่าของคนอื่น เพราะเราไม่รู้ว่า วันหนึ่ง หากมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เราจะต้องไปขอความช่วยเหลือจากใครบ้าง

           3. บนโลกใบนี้ มีการสูญเสียอยู่ทุกวัน อยู่ที่ว่าเราจะให้ความสำคัญกับอะไร ถ้าเราให้ความสำคัญกับสิ่งที่สูญเสีย ชีวิตเราก็เป็นทุกข์ ถ้าเราให้ความสำคัญกับสิ่งดีๆ ที่เหลืออยู่ ชีวิตเราก็มีความสุข เราต้องเป็นคนเลือกเอาเอง

    ............................................................ ............................................................ ............

    ไม่สบายใจเมื่อไหร่ แวะมาอ่านเรื่องนี้บ่อยๆ นะครับ...สำนวนไม่ดีเท่าไหร่ แต่ให้กำลังใจเสมอคร้าบ อิอิ

    แก้ไขเมื่อ 06 ธ.ค. 48 00:48:37

    แก้ไขเมื่อ 05 ธ.ค. 48 18:55:21

    จากคุณ : เสี่ยวเหลียงจือ - [ วันพ่อแห่งชาติ 18:55:04 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป