CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    เรื่องร้ายใน ร.ร. (บันทึกของคนเดินเท้า)

    บันทึกของคนเดินเท้า

    เรื่องร้ายใน ร.ร.


    เมื่อสมัยก่อนถ้าเราเห็นข่าวพาดหัวว่า อะไรเกิดขึ้นใน ร.ร.เราจะเข้าใจได้ทันทีว่า ร.ร.นั้นก็คือโรงเรียน แต่ต่อมาจนถึงสมัยปัจจุบันตัวย่อ ร.ร.นั้นหมายถึงโรงแรมโดยตรง ไม่มีผู้คิดว่าเป็นโรงเรียนอีกแล้ว แม้เมื่อ พ.ศ.๒๕๒๔

    เรื่องที่เกิดในโรงแรมนั้น ส่วนมากจะมีแต่เรื่องของความรัก อาจเป็นรักสดชื่น รักหวานฉ่ำ รักซ่อนเร้น รักรันทด หรือรักเป็นพิษ ก็ได้ทั้งสิ้น ดังเรื่องที่จะนำมาเล่าต่อไปนี้

    เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๒๔ เวลา ๑๘.๐๕ น. นายร้อยเวร สถานีตำรวจนครบาลชนะสงคราม ในกรุงเทพนี่เอง ได้รับแจ้งจากบ๋อยโรงแรมที่ตั้งอยู่บริเวณถนนวิสุทธิกษัตริย์ว่า พบชายคนหนึ่งมาเช่าห้องพักแล้วเกิดอาการชักดิ้นชักงอ ไม่ทราบสาเหตุ และได้พากันนำตัวส่งโรงพยาบาลวชิระแล้ว ขอให้ไปสอบสวนด้วย

    เมื่อเจ้าหน้าตำรวจที่เกี่ยวข้องหลายนาย ได้พากันรีบรุดไปถึงที่เกิดเหตุในห้องพักหมายเลข ๑๐๔ ก็พบที่นอนมีคราบน้ำอสุจิราดรดอยู่มากมาย และผ้าปูที่นอนกระจุยกระจาย

    เจ้าหน้าที่ก็ตามไปสอบสวนต่อที่โรงพยาบาล จึงทราบว่าชายผู้นั้นชื่อนายเฮง อายุประมาณ ๖๐ ปี เศษ เป็นเจ้าของร้านทำประตูเหล็กดัด อยู่แถวถนนจันทร์ แขวงทุ่งวัดดอน เขตยานนาวา ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงได้เสียชีวิตไปแล้ว นายแพทย์ที่รับตัวไว้รักษาก็ยังไม่ทราบสาเหตุ แต่ได้สันนิษฐานไว้ในชั้นแรกว่าอาจเกิดจากหัวใจวาย

    จากการสอบสวนต่อมาได้ความว่าก่อนเกิดเหตุนายเฮง(นามสมมุติ)ได้พาสาวคนหนึ่งมาเช่าห้องพัก ตั้งแต่เวลา ๐๖.๐๐ น. แต่พักเงียบอยู่จนถึงเวลา ๑๘.๐๐ น. บ่อยจึงไปเคาะประตูเรียกแต่ไม่มีคนเปิดให้

    ด้วยความสงสัยว่าอยู่กันได้อย่างไร โดยไม่สั่งอาหารเครื่องดื่มเข้าไปดื่มกิน เลย  จึงใช้กุญแจสำรองไขเข้าไป ในห้อง ก็พบว่านายเฮงกำลังนอนชักตาตั้งดิ้นอยู่บนเตียงเพียงคนเดียว  และมีน้ำอสุจิไหลออกมาไม่ยอมหยุด โดยไม่เห็นสาวที่พามาด้วย  จึงช่วยกันหามมาส่งโรงพยาบาลให้หมอแก้ไข แต่ไม่ได้ผลเพราะนายเฮงด่วนเสียชีวิตไปเสียก่อน

    เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงสันนิษฐานว่า นายเฮงอาจจะเล่นเกมสนุกกับสาวจนลืมตัว จนเกิดอาการเกร็งและช็อคไปในที่สุด เมื่อสาวคู่ขาเห็นนายเฮงชักดิ้นต่อหน้าต่อตาเช่นนั้นก็ตกใจ จึงได้ถือโอกาสหนีเอาตัวรอดไปก่อน ปล่อยให้นายเฮงเผชิญชะตากรรมอยู่แต่ผู้เดียว จนกว่าบ๋อยจะพามาส่งโรงพยาบาลก็สายเกินไปเสียแล้ว

    เรื่องนี้น่าจะเป็นบทเรียนสำหรับหนุ่มน้อย ผู้สูงด้วยอายุที่ชอบสนุกทั้งหลาย เป็นอย่างดีว่า หากไม่รู้จักเจียมเนื้อเจียมตัวกันเสียบ้าง ถ้าไม่ขึ้นโรงพัก ก็ต้องเข้าโรงพยาบาล และอาจจะเลยไปถึงวัดด้วยก็ได้

                                     ***************

    ย้อนหลังไปเมื่อวันที่ ๙ สิงหาคม ปีเดียวกัน เวลา ๐๕.๒๐ น. นายร้อยเวรสถานีตำรวจนครบาลมักกะสัน ได้รับแจ้งทางโทรศัพท์ว่ามีคนผูกคอตายที่โรงแรมย่านถนนเพชรบุรีตัดใหม่  แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง

    จึงได้รีบรุดไปยังที่เกิดเหตุคือห้องหมายเลข ๑๔๖ ก็ได้พบศพชายหนุ่มผู้หนึ่งเปลือยกายใช้เสื้อแขนยาวสีขาวผูกกับเหล็กม่านกั้นห้องน้ำ แล้วผูกคอตนเองจนถึงแก่ความตาย  อยู่ในลักษณะนั่งคุกเข่าอยู่หน้าอ่างอาบน้ำ

    จากการสอบสวนได้ความว่าชายหนุ่มคนนี้ชื่อนายวิทยา (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี อยู่แขวงมักกะสัน เขตพญาไท เป็นนักศึกษาปีที่ ๔ ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง(ขอปิดนาม) ได้เข้ามาเช่าโรงแรมพักชั่วคราวอยู่กับ นางสาวสร้อย (นามสมมุติ) จึงได้นำตัวหญิงสาวผู้เกี่ยวข้องมาสอบสวนขยายผล  

    ก็ได้ความว่าเธอเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ ๓ ในมหาวิทยาลัยแห่งเดียวกัน และเป็นคนรักของผู้ตาย ซึ่งได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า

    เมื่อวันที่ ๘ สิงหาคม ที่ผ่านมา เวลาประมาณ ๒๓.๓๐ น. ขณะที่เธอกำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่ที่บ้าน นายวิทยาได้ปีนรั้วบ้านเข้ามาหา และชวนออกมาปรับความเข้าใจกัน ในเรื่องที่เขาพบว่าเธอกับโค้ชกีฬามหาวิทยาลัย กำลังสอนเทคนิคการเล่นกีฬากันอย่างสนิทสนม เมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม จนมีปากเสียงกันขึ้น
    ซึ่งเธอก็ออกจากบ้านมาตามคำชวน

    นายวิทยาได้พาเธอมาเช่าโรงแรมดังกล่าว และพยายามจะร่วมรักกับเธอให้ได้ แต่เธอไม่ยินยอม นายวิทยาจึงทำไม่สำเร็จ แต่เธอก็ทนลูกตื๊อไม่ไหว จึงยอมกระทำการให้สำเร็จความใคร่ด้วยมือจนเสร็จกิจเรียบร้อย แล้วเธอก็นอนหลับไปด้วยความง่วง

    มารู้สึกตัวอีกครั้งหนึ่ง เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเพราะครบสามชั่วโมงตามเวลามาตรฐาน จึงลุกขึ้นมารับโทรศัพท์แต่ไม่เห็นตัวนายวิทยา ก็เดินมาดูที่ห้องน้ำและเห็นภาพคนรักตายอยู่ในท่าที่ไม่งดงามดังนั้น ก็ถึงกับมือเท้าอ่อนทำอะไรไม่ถูก  

    เมื่อได้สติจึงวิ่งไปบอกบ๋อยโรงแรม และเจ้าหน้าที่โรงแรมได้แจ้งให้ตำรวจทราบดังกล่าวข้างต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งให้ญาติของผู้ตายมารับศพไปจัดการต่อไป

    นี่ก็เป็นอีกรายหนึ่งที่คิดสั้นจากเรื่องเล็กนิดเดียว เพราะทางพ่อแม่ของหญิงสาวก็เตรียมจะจัดการหมั้นให้ในเดือนหน้านี้แล้ว ถ้าทนรอให้ถูกต้องตามประเพณีเสียก่อน ก็คงจะไม่เกิดเรื่องที่น่าสลดใจเช่นนี้ขึ้นเป็นแน่

                                   *****************

    ก่อนหน้านี้ขึ้นไปอีกคือวันที่ ๖  สิงหาคม ปีเดียวกันเวลา ๒๑.๓๐ น. สารวัตรใหญ่สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ ได้รับแจ้งจากบ๋อยโรงแรมที่ถนนประดิพัทธ์ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท ว่ามีเหตุฆ่ากันตายที่ห้องพักหมายเลข เอ.๑

    จึงนำสารวัตรสอบสวน สารวัตรปราบปราม และนายร้อยเวร ไปถึงที่เกิดเหตุ ก็พบศพชายผู้หนึ่งนุ่งกางเกงในตัวเดียว นอนตายลักษณะตะแคงจมกองเลือด มีบาดแผลที่บริเวณลำคอถูกเชือดจนกิ่วเกือบจะขาด  ทราบชื่อภายหลังว่า นายก้อน (นามสมมุติ) อดีตมือปืนชื่อดังจังหวัดลพบุรี

    และในเวลาเดียวกันบ๋อยโรงแรมก็ชี้ให้จับตัวมือมีดสาวพร้อมของกลาง เป็นมีดเปื้อนเลือดหนึ่งเล่ม ซึ่งกำลังจะหลบหนีออกจากโรงแรม ได้โดยละม่อม จึงนำตัวไปสอบสวนที่สถานีตำรวจ และให้มูลนิธิร่วมกตัญญูนำศพส่งสถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อดำเนินการต่อไป

    จากการสอบสวนได้ความว่ามือมีดรายนี้ชื่อ นางอ้อย (นามสมมุติ) เจ้าของร้านเสริมสวยอยู่ตำบลเดียวกับผู้ตายนั่นเอง

    นางได้สารภาพว่า นางเป็นม่ายมีลูกสาวคนหนึ่งอายุ ๕ ขวบ ต่อมาได้มีสามีใหม่และมีบุตรหญิ ง อีกหนึ่งคนอายุ ๒ ขวบเศษ  

    ต่อมานายก้อนได้เข้ามาตีสนิทด้วยในงานบวชนาคที่บ้านเพื่อน ขากลับจากงานบวชนายก้อนรับอาสาจะพามาส่งบ้าน นางจึงได้นั่งรถเก๋งของนายก้อนมาด้วย  

    ระหว่างทางเมื่อถึงที่เปลี่ยวนายก้อนได้จอดรถและใช้กำลังปลุกปล้ำข่มขืนนางจนสำเร็จความใคร่  แล้วก็ขับรถมาส่งถึงบ้านซึ่งสามีได้นั่งรออยู่  

    สามีเห็นมีพิรุธจึงพิสูจน์จนเชื่อว่านางได้เสียตัวกับชายผู้ที่มาส่ง  แต่นางไม่กล้าบอกว่าถูกข่มขืน สามีจึงเชื่อว่านางมีชู้และได้ลงมือตบเตะนางจนสลบไป แล้วก็เก็บเสื้อผ้าออกจากบ้านไปตั้งแต่บัดนั้น  โดยนางไม่มีโอกาสแก้ตัวเพราะนายก้อนขู่ว่าถ้าเปิดเผยเรื่องนี้จะฆ่าตนเสีย

    จากนั้นมาเป็นเวลานาน นายก้อนก็ได้วนเวียนมาหานางเพื่อรีดไถเงิน โดยขู่ว่าถ้าไม่ให้ จะประจานให้ชาวบ้านรู้ว่านางถูกข่มขืน นางเป็นเจ้าของกิจการเสริมสวย จึงกลัวจะเสียชื่อเสียงและอับอายชาวบ้าน จึงต้องทนจำยอมให้นายก้อนรีดไถอยู่เป็นประจำ

    จนถึงวันที่เกิดเหตุ เวลาประมาณ ๑๔.๐๐ น. นายก้อนได้มาให้ตนหาเงินให้ห้าหมื่นบาท เพื่อจะเอาไปผ่อนรถยนต์ที่ใช้อยู่ นางก็บอกว่าเวลานี้ไม่มีเงินเลย นายก้อนก็ด่าว่าต่อหน้าแขกในร้านเสริมสวย แล้วก็บังคับให้นางขึ้นรถไปด้วย นางเห็นท่าทางไม่ดีจึงหยิบมีดหั่นเนื้อในครัวติดมือไปด้วย

    นายก้อนได้ขับรถพานางเข้ากรุงเทพ และมาพักที่โรงแรมดังกล่าวเมื่อเวลาประมาณ ๒๐.๐๐ น. และนางก็ถูกข่มขืนจนสำเร็จความใคร่อีกครั้ง แล้วนายก้อนก็สั่งเบียร์มาดื่มจนกระทั่งเมาและหลับไป

    นางนั่งมองร่างของนายก้อนที่หลับใหลไม่ได้สติ แล้วก็คิดแค้นที่นายก้อนเป็นต้นเหตุให้ครอบครัวของนางต้องแตกแยก เดือดร้อน และยังทำตัวเป็นแมงดารีดไถไม่มีที่สิ้นสุด จึงหยิบมีดจากกระเป๋าถือออกมา หั่นลำคอนายก้อนจนสุดแรง

    คมมีดบาดคอนายก้อนเกือบขาด แม้จะส่งเสียงร้องให้คนช่วยก็ไม่สามารถลอดออกไปนอกห้องได้  ประมาณสักสามสี่นาทีนายก้อนก็ขาดใจตาย

    เมื่อเห็นว่านายก้อนสิ้นใจแน่แล้ว นางจึงได้ล้างมือที่เปื้อนเลือด แล้วรีบสวมเสื้อผ้าจะหนีออกจากโรงแรมก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับได้เสียก่อน และถูกควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีต่อไป

    แม้ว่าจำเลยในคดีนี้ จะมีเหตุเจ็บแค้นแสนสาหัสเพียงใด  คดีก็ต้องดำเนินไปตาม กฎหมายของบ้านเมือง อย่างไม่มียกเว้น ผู้ที่จะต้องรับกรรมต่อไปก็คือ ลูกสาวของจำเลยทั้งสองคนนั่นเอง

                                  *******************

    เรื่องสุดท้ายปลายเดือนเกิดขึ้นเมื่อวันที่ ๒๙ สิงหาคม ปีนั้นเอง  เวลา ๑๐.๐๐ น. ขณะที่หัวหน้าสายตรวจ สถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ กับพลตำรวจอีกหนึ่งนาย ได้ออกตรวจท้องที่ตามปกติอยู่นั้น ก็ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุนารายณ์ ว่ามีหญิงร้องเรียกขอความช่วยเหลือ อยู่ที่โรงแรมในซอยสายน้ำทิพย์ ถนนสุขุมวิทแขวงคลองเตย เขตพระโขนง จึงได้รีบรุดไปถึงที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว

    เจ้าพนักงานโรงแรมได้พาเจ้าหน้าที่ตำรวจไปเคาะห้องหมายเลข ๘๙๖ ชั้นล่างก็พบชายผู้หนึ่งนุ่งกางเกงชั้นในตัวเดียว ทราบว่าชื่อนายสม จึงนำตัวไปสอบสวนที่สถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ พร้อมกับหญิงที่ร้องขอความช่วยเหลือด้วย

    จากผลการสอบสวนได้ความว่า หญิงสาวผู้นั้นชื่อนางเกิด (นามสมมุติ) อายุ ๒๙ ปี อยู่บ้านริมทางรถไฟสายท่าเรือคลองเตย

    เมื่อเวลา ๐๙.๐๐ น.ของวันเดียวกันนี้ได้นั่งดื่มสุราอยู่กับนายภักดี พี่เขยและนายสมซึ่งเป็นเพื่อนของพี่เขย ที่ตลาดโต้รุ่งคลองเตย

    พักหนึ่งตนได้ไปเข้าห้องน้ำ เมื่อกลับออกมาปรากฏว่าพี่เขยได้กลับไปแล้ว เหลืออยู่แต่นายสม นางจึงบอกว่าจะกลับบ้าน แล้วเดินไปขึ้นรถสี่ล้อเล็ก นายสมก็เดินตามไปอ้างว่าตนเองเป็นตำรวจสายสืบกองปราบปราม และยึดใบขับขี่ของโชเฟอร์ไว้ แล้วบอกให้ไปส่งตนกับนางเกิดที่โรงแรมดังกล่าว

    นางเกิดได้ให้การต่อไปว่า เมื่อมาถึงโรงแรมนายสมได้ฉุดนางเข้าห้องหมายเลขข้างต้น และปลุกปล้ำจะข่มขืน ทั้ง ๆ ที่นางกำลังมีประจำเดือน เมื่อนางไม่ยินยอมก็ชกต่อยทำร้ายร่างกาย นางจึงวิ่งหนีออกมาขอความช่วยเหลือจากพนักงานโรงแรมให้เรียกตำรวจมาจัดการได้ทันควัน

    ครั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบปากคำคู่กรณี นายสมก็ให้การว่าขณะที่กินเหล้ากันอยู่นั้น นายภักดีได้ขอเงินตนไปสองร้อยบาท แล้วก็บอกว่าจะเอาน้องเมียไปนอนที่ไหนก็ได้ ตนจึงพามาเข้าโรงแรมดังกล่าว แต่นางเกิดกลับไม่ยอมทำให้ตนเสียเงินไปเปล่า ๆ

    ข้อแก้ตัวของนายสมดูจะฟังไม่สมเหตุสมผล เพราะไม่มีกฎหมายข้อไหนที่กำหนดให้ลูกหนี้สามารถชำระหนี้ด้วยน้องเมียได้  ดังนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวนายสมไว้ดำเนินคดี ในข้อหาพยายามข่มขืนและทำอนาจารต่อไป

    ส่วนนางเกิดผู้เสียหาย จะกลับไปตกลงกับพี่เขยอย่างไร ตำรวจไม่เกี่ยวข้องด้วย.

                                     ***************

    แก้ไขเมื่อ 06 ธ.ค. 48 07:35:21

    จากคุณ : เจียวต้าย - [ 6 ธ.ค. 48 06:06:09 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป