ไอ้กร เสร็จรึยัง เสียงใสๆของลูกแก้วดังมาจากชานบันไดขั้นล่าง
เสร็จแล้วโว้ย จะลงไปแล้ว เสียงทุ้มดังมาจากชั้นบนพร้อมกับเจ้าของเสียงที่วิ่งตึงตังลงมา
แกนี่ช้าเป็นประจำเลยหญิงสาวพูดพลางส่ายศีรษะอย่างระอา
ได้ทีเอาใหญ่เชียวนะแก ไปเลยรีบขึ้นรถเลย เจ้าของ
บ้านพูดพลางดึงแขนหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆออกจากบ้านไปขึ้นรถ ศุภกรทำตัวเป็นปกติเหมือนกับว่าเหตุการณ์และความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้นมาเมื่อหลายวันก่อนไม่ได้เกิดขึ้น เช่นเดียวกับหญิงสาวที่พยายามเตือนตัวเองให้ทำใจยอมรับว่าเธอกับเขาเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น แน่นอนว่าหญิงสาวไม่สามารถทำใจให้ยอมรับได้ทุกเวลา บางเวลาหัวใจของเธอก็แอบน้ำตาซึม
อ่ะแกนี่ข้าวของแก หญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างคนขับยื่นกล่องข้าวที่วางไว้บนตักเธอให้คนขับที่หันมามอง
แล้วแกจะให้ฉันกินยังไง ฉันขับรถอยู่แกก็เห็น คนขับบอกกับคนนั่งข้างๆ
แกก็กินตอนรถติดดิ ลูกแก้วยังบ่ายเบี่ยงก็จะให้เธอป้อนได้ไงในเมื่อใจเธอคิดกับเขาเกินเพื่อนไปแล้ว ยิ่งอยู่ใกล้ชิดยิ่งทำใจยาก
แล้วแกป้อนให้หน่อยไม่ได้เหรอไงว่ะ ฉันอุตส่าห์ขับรถให้แกนั่ง คนทำหน้าที่ขับรถยังยืนกรานคำเดิม
ก็ได้ว่ะ แล้วถ้ายัยเจ๊จี๊ดของแกมาเห็นล่ะก็ฉันไม่รับผิดชอบด้วยนะ ลูกแก้วบ่นก่อนจะเปิดกล่องข้าวเริ่มป้อนให้คนข้างตัว
ไม่เห็นหรอกแกอะไรจะบังเอิญปานนั้น แล้วถึงเจอก็ไม่เป็นไรหรอก ก็เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ เรื่องแค่นี้ธรรมดาอยู่แล้ว คำพูดของชายหนุ่มทำเอาหญิงสาวอยากจะร้องออกมาดังๆว่า เลิกย้ำคำว่าเพื่อนได้แล้ว เธอรู้แล้วว่าฐานะของเธอเป็นได้แค่ไหน แต่เธอทำอย่างนั้นไม่ได้ เธอได้แต่ปล่อยให้คำพูดนี้ดังอยู่ในใจพร้อมกับหัวใจที่ร้องไห้ของเธอ
อืม หญิงสาวตอบได้แค่นี้ก็ก้มหน้าก้มตาป้อนข้าวเขาไป
แกเป็นไรไป ชายหนุ่มถามขึ้นเมื่อสังเกตเห็นว่าคนข้างตัวเงียบไป
เปล่านี่ ไม่ได้เป็นไร แกขับรถต่อไปเถอะ หญิงสาวบอกเรียบๆ
วันนี้แกกลับบ้านกับฉันมั้ย ชายหนุ่มยังคงถามต่อ
ไม่เป็นไรหรอก แกต้องไปส่งจี๊ดไม่ใช่เหรอ ไปเถอะ เราไม่อยากไปให้เขาส่งสายตามาอาฆาตเรา เดี๋ยวเราจะทนไม่ได้ซะก่อน หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงหมั่นไส้ เรียกเสียงหัวเราะจากชายหนุ่มได้
แล้วนี่แกจะกลับยังไงล่ะ ชายหนุ่มถามขึ้นหลังจากหยุดหัวเราะแล้ว
ก็กลับเองดิ ถามแปลกๆ หญิงสาวตอบกลับไปพร้อมสายตาที่มีความหมายว่า เรื่องง่ายๆแค่นี้ก็นึกไม่ออก แกนี่
ลูกแก้ววันนี้ไปดูหนังกันมั้ย ก้อยออกปากชวนหญิงสาวที่นั่งทานอาหารอยู่ตรงข้าม
เรื่องไรอ่ะ หญิงสาวถามด้วยความสนใจ เพราะว่าวันนี้เธอเลิกเรียนเร็วกลับบ้านไปก็ไม่รู้จะทำอะไร
เรื่อง... เอ็มชายหนุ่มคนเดียวของโต๊ะเอ่ยชื่อภาพยนตร์ที่กำลังโด่งดังอยู่ในขณะนี้ขึ้นมา
ไปก็ได้ อยากดูเรื่องนี้เหมือนกัน ลูกแก้วตอบตกลง แล้วหันไปถามก้อยว่า แล้วมีใครไปบ้างอ่ะ
ก็มีแก มีเรา มีเอ็ม ก้อยบอก แล้วก็ร้องออกมาเหมือนนึกขึ้นได้ว่า อ้อ! เกือบลืมมีโอมอีกคนนึง
อะไรลืมแฟนตัวเองก็มีด้วย เดี๋ยวจะฟ้องโอม ลูกแก้วแกล้งแหย่จึงได้รับค้อนจากก้อยทีหนึ่ง ส่วนชายหนุ่มคนเดียวของโต๊ะก็นั่งหัวเราะเบาๆอยู่ข้างตัวคนพูด
แล้วแกต้องบอกไอ้กรก่อนป่ะว่าแกจะไม่กลับกับมันอ่ะ ก้อยถามเพราะรู้ว่าบางครั้งเพื่อนของเธอก็ต้องกลับกับชายหนุ่มคนนั้น
ไม่ต้อง เดี๋ยวนี้เราแทบไม่ได้กลับกับมันแล้ว ขี้เกียจไปทำสงครามประสามกับยัยจี๊ด หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้ดูเหมือนปกติแต่ก็ไม่สามารถรอดพ้นจากหูคนที่เฝ้ามองอย่างเอาใจใส่ข้างๆตัวได้ ชายหนุ่มคนเดียวของโต๊ะขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อจับความผิดปกตินั้นได้ แต่ก็รีบปัดมันออกไปจากความคิดอย่างรวดเร็ว เพราะเขาอาจจะเข้าใจผิดไปก็ได้
ลูกแก้วเดี๋ยวกลับกับเรานะ เอ็มบอกกับหญิงสาวที่นั่งทานข้าวอยู่ตรงข้ามกับเขาหลังจากดูภาพยนตร์จบแล้ว
ไม่เป็นไรหรอกเรากลับเองได้ นี่มันยังไม่มืดเท่าไหร่ แล้วอีกอย่างบ้านเอ็มก็อยู่คนละทางกับเราด้วย หญิงสาวบอกด้วยน้ำเสียงแจ่มใส
ได้ยังไงแก แกลืมไปแล้วเหรอว่าตอนนี้มันหน้าหนาวแล้วนะ ฟ้ามืดเร็วจะตาย แล้วบ้านแกก็ต้องเข้าซอยไปนะ ไม่ใช่อยู่ริมถนน ก้อยค้านออกมา
ยัยก้อยพูดถูกนะลูกแก้ว แล้วก็อย่าไปเถียงยัยนี่เลย เถียงไปก็ไม่ทันเจ๊เขาหรอก เพราะเจ๊เขาบ่นเก่ง โอมแฟนของก้อยสนับสนุนคำพูดของแฟนเขาพร้อมกับแอบแซวไปในคราวเดียวกัน ผลก็เลยโดน เจ๊ เหน็บเข้าให้ที่ต้นแขน ทำให้อีกสองคนในโต๊ะมองด้วยความเอ็นดู
ตกลงลูกแก้วกลับกับเรานะ แล้วก็ห้ามปฏิเสธด้วยนะ วันนี้เราไม่ยอมหรอก เพราะมันมืดแล้ว เป็นผู้หญิงกลับบ้านคนเดียวอันตราย เอ็มบอกกับหญิงสาวตรงหน้า
ก็ได้ๆ ทำเหมือนกับเราเป็นเด็กไปได้ หญิงสาวยอมจำนนแต่ก็ไม่วายบ่นออกมา
ฮัลโหลสวัสดีค่ะ หญิงสาวกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์ที่มันสั่นเตือนว่ามีสายเรียกเข้ามา
ฉันเองนะไอ้ลูกแก้ว เสียงของศุภกรดังมาจากโทรศัพท์ ลูกแก้วนึกดีใจที่เธอลืมเปิดเสียงโทรศัพท์หลังจากออกมาจากโรงหนังแล้วไม่งั้นถ้าชายหนุ่มที่กำลังขับรถอยู่ได้ยินเสียงเรียกเข้าต้องรู้สึกผิดสังเกตแน่เลย
เออ...มีอะไรเหรอแก ลูกแก้วถามปลายสาย
ก็โทรมาถามว่าทำไมแกยังไม่ถึงบ้านอ่ะดิ ปลายสายบอกเสียงเรียบๆ
อ๋อ พอดีเราไปดูหนังกับก้อย กับโอมแล้วก็เอ็มอ่ะ หญิงสาวบอกปลายสาย
อ๋อเหรอ แล้วสนุกมากมั้ย เสียงทุ้มประชดกลับมา
ก็สนุกดี หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงปกติเพราะเธอยังไม่แน่ใจว่าเธอได้ยินเขาประชดหรือเปล่า
แล้วรู้มั้ยว่ามีคนเขาเป็นห่วงอยู่ เจ้าของเสียงทุ้มที่กำลังหงุดหงิดบอกออกมาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว แต่เมื่อพูดออกไปแล้วเขาถึงได้รู้ตัวจึงรีบเงียบเสียงลงอย่างรวดเร็ว
... หญิงสาวได้ยินเข้าก็เงียบเพราะไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี ใจหนึ่งก็อยากถามให้รู้ไปเลยว่าใครกันที่เป็นห่วงเธอ แต่ใจหนึ่งก็กลัวคำตอบที่จะออกมาจากอีกฝั่ง กลัวว่าคำตอบจะทำให้เธอเจ็บมากกว่านี้
แล้วนี่อยู่ไหนอ่ะ เสียงทุ้มถามขึ้นหลังจากเงียบกันไปสักครู่
อยู่บนรถกำลังจะกลับบ้าน หญิงสาวก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมไม่อยากบอกให้เขารู้ว่าอยู่บนรถกับชายหนุ่มอีกคน
แล้วกลับยังไง ปลายสายยังคงถามต่อ
ก็เอ็มมาส่งอ่ะ หญิงสาวบอกออกไป
อ๋อ...ก็ดีแล้วล่ะ งั้นแค่นี้นะ ปลายสายพูดจบก็กดวางสายทันที ปล่อยให้หญิงสาวงงกับอาการของเขาอยู่คนเดียว
ที่บ้านโทรมาว่าเหรอ ชายหนุ่มที่ทำหน้าที่ขับรถหันมาถามเมื่อเห็นว่าเสียงของคนข้างตัวเงียบลงไปแล้ว
เปล่าหรอก ลูกแก้วตอบด้วยน้ำเสียงพยายามทำให้ร่าเริง ชายหนุ่มชวนหญิงสาวคุยเรื่องอื่นเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบไป ซึ่งหญิงสาวก็ให้ความร่วมมือด้วยดีเนื่องจากไม่อยากให้ตัวเองคิดอะไรฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้
ขอบคุณมากนะเอ็มที่มาส่ง ลูกแก้วหันไปบอกกับชายหนุ่มที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยเมื่อรถมาจอดที่หน้าบ้านเธอ
ไม่เป็นไรหรอก เราต้องขอบคุณลูกแก้วต่างหากที่ให้โอกาสเรา ชายหนุ่มตอบกลับมาพร้อมกับสบตาหญิงสาวอย่างมีความหมาย
... หญิงสาวเงียบไปเมื่อได้ยินไม่ยอมสบตาอีกฝ่าย
พรุ่งนี้เรามาส่งลูกแก้วได้มั้ย ชายหนุ่มถาม
ก็ได้ หญิงสาวตอบหลังจากเงียบเพื่อตัดสินใจอยู่ครู่หนึ่ง ให้เอ็มมาส่งก็ไม่เป็นไรนี่ ในเมื่อเราบอกว่าจะให้โอกาสทั้งเขาและตัวเองแล้วก็น่าจะลองดู หญิงสาวบอกกับตัวเองในใจ
จากคุณ :
@หนูเอ๋อ@
- [
6 ธ.ค. 48 14:30:19
A:58.10.144.175 X:
]