CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    เพื่อนสนิท..ของหัวใจ (ตอนที่5)

    “ไอ้กร เสร็จรึยัง” เสียงใสๆของลูกแก้วดังมาจากชานบันไดขั้นล่าง

    “เสร็จแล้วโว้ย จะลงไปแล้ว” เสียงทุ้มดังมาจากชั้นบนพร้อมกับเจ้าของเสียงที่วิ่งตึงตังลงมา

    “แกนี่ช้าเป็นประจำเลย”หญิงสาวพูดพลางส่ายศีรษะอย่างระอา

    “ได้ทีเอาใหญ่เชียวนะแก ไปเลยรีบขึ้นรถเลย” เจ้าของ
    บ้านพูดพลางดึงแขนหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆออกจากบ้านไปขึ้นรถ ศุภกรทำตัวเป็นปกติเหมือนกับว่าเหตุการณ์และความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้นมาเมื่อหลายวันก่อนไม่ได้เกิดขึ้น เช่นเดียวกับหญิงสาวที่พยายามเตือนตัวเองให้ทำใจยอมรับว่าเธอกับเขาเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น แน่นอนว่าหญิงสาวไม่สามารถทำใจให้ยอมรับได้ทุกเวลา บางเวลาหัวใจของเธอก็แอบน้ำตาซึม

    “อ่ะแกนี่ข้าวของแก” หญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างคนขับยื่นกล่องข้าวที่วางไว้บนตักเธอให้คนขับที่หันมามอง

    “แล้วแกจะให้ฉันกินยังไง ฉันขับรถอยู่แกก็เห็น” คนขับบอกกับคนนั่งข้างๆ

    “แกก็กินตอนรถติดดิ” ลูกแก้วยังบ่ายเบี่ยงก็จะให้เธอป้อนได้ไงในเมื่อใจเธอคิดกับเขาเกินเพื่อนไปแล้ว ยิ่งอยู่ใกล้ชิดยิ่งทำใจยาก

    “แล้วแกป้อนให้หน่อยไม่ได้เหรอไงว่ะ ฉันอุตส่าห์ขับรถให้แกนั่ง” คนทำหน้าที่ขับรถยังยืนกรานคำเดิม

    “ก็ได้ว่ะ แล้วถ้ายัยเจ๊จี๊ดของแกมาเห็นล่ะก็ฉันไม่รับผิดชอบด้วยนะ” ลูกแก้วบ่นก่อนจะเปิดกล่องข้าวเริ่มป้อนให้คนข้างตัว

    “ไม่เห็นหรอกแกอะไรจะบังเอิญปานนั้น แล้วถึงเจอก็ไม่เป็นไรหรอก ก็เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ เรื่องแค่นี้ธรรมดาอยู่แล้ว” คำพูดของชายหนุ่มทำเอาหญิงสาวอยากจะร้องออกมาดังๆว่า ‘เลิกย้ำคำว่าเพื่อนได้แล้ว เธอรู้แล้วว่าฐานะของเธอเป็นได้แค่ไหน’ แต่เธอทำอย่างนั้นไม่ได้ เธอได้แต่ปล่อยให้คำพูดนี้ดังอยู่ในใจพร้อมกับหัวใจที่ร้องไห้ของเธอ

    “อืม” หญิงสาวตอบได้แค่นี้ก็ก้มหน้าก้มตาป้อนข้าวเขาไป

    “แกเป็นไรไป” ชายหนุ่มถามขึ้นเมื่อสังเกตเห็นว่าคนข้างตัวเงียบไป

    “เปล่านี่ ไม่ได้เป็นไร แกขับรถต่อไปเถอะ” หญิงสาวบอกเรียบๆ

    “วันนี้แกกลับบ้านกับฉันมั้ย” ชายหนุ่มยังคงถามต่อ

    “ไม่เป็นไรหรอก แกต้องไปส่งจี๊ดไม่ใช่เหรอ ไปเถอะ เราไม่อยากไปให้เขาส่งสายตามาอาฆาตเรา เดี๋ยวเราจะทนไม่ได้ซะก่อน” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงหมั่นไส้ เรียกเสียงหัวเราะจากชายหนุ่มได้

    “แล้วนี่แกจะกลับยังไงล่ะ” ชายหนุ่มถามขึ้นหลังจากหยุดหัวเราะแล้ว

    “ก็กลับเองดิ ถามแปลกๆ” หญิงสาวตอบกลับไปพร้อมสายตาที่มีความหมายว่า ‘เรื่องง่ายๆแค่นี้ก็นึกไม่ออก แกนี่’


    “ลูกแก้ววันนี้ไปดูหนังกันมั้ย” ก้อยออกปากชวนหญิงสาวที่นั่งทานอาหารอยู่ตรงข้าม

    “เรื่องไรอ่ะ” หญิงสาวถามด้วยความสนใจ เพราะว่าวันนี้เธอเลิกเรียนเร็วกลับบ้านไปก็ไม่รู้จะทำอะไร

    “เรื่อง...” เอ็มชายหนุ่มคนเดียวของโต๊ะเอ่ยชื่อภาพยนตร์ที่กำลังโด่งดังอยู่ในขณะนี้ขึ้นมา

    “ไปก็ได้ อยากดูเรื่องนี้เหมือนกัน” ลูกแก้วตอบตกลง แล้วหันไปถามก้อยว่า “แล้วมีใครไปบ้างอ่ะ”

    “ก็มีแก มีเรา มีเอ็ม” ก้อยบอก แล้วก็ร้องออกมาเหมือนนึกขึ้นได้ว่า “อ้อ! เกือบลืมมีโอมอีกคนนึง”

    “อะไรลืมแฟนตัวเองก็มีด้วย เดี๋ยวจะฟ้องโอม” ลูกแก้วแกล้งแหย่จึงได้รับค้อนจากก้อยทีหนึ่ง ส่วนชายหนุ่มคนเดียวของโต๊ะก็นั่งหัวเราะเบาๆอยู่ข้างตัวคนพูด

    “แล้วแกต้องบอกไอ้กรก่อนป่ะว่าแกจะไม่กลับกับมันอ่ะ” ก้อยถามเพราะรู้ว่าบางครั้งเพื่อนของเธอก็ต้องกลับกับชายหนุ่มคนนั้น

    “ไม่ต้อง เดี๋ยวนี้เราแทบไม่ได้กลับกับมันแล้ว ขี้เกียจไปทำสงครามประสามกับยัยจี๊ด” หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้ดูเหมือนปกติแต่ก็ไม่สามารถรอดพ้นจากหูคนที่เฝ้ามองอย่างเอาใจใส่ข้างๆตัวได้ ชายหนุ่มคนเดียวของโต๊ะขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อจับความผิดปกตินั้นได้ แต่ก็รีบปัดมันออกไปจากความคิดอย่างรวดเร็ว เพราะเขาอาจจะเข้าใจผิดไปก็ได้


    “ลูกแก้วเดี๋ยวกลับกับเรานะ” เอ็มบอกกับหญิงสาวที่นั่งทานข้าวอยู่ตรงข้ามกับเขาหลังจากดูภาพยนตร์จบแล้ว

    “ไม่เป็นไรหรอกเรากลับเองได้ นี่มันยังไม่มืดเท่าไหร่ แล้วอีกอย่างบ้านเอ็มก็อยู่คนละทางกับเราด้วย” หญิงสาวบอกด้วยน้ำเสียงแจ่มใส

    “ได้ยังไงแก แกลืมไปแล้วเหรอว่าตอนนี้มันหน้าหนาวแล้วนะ ฟ้ามืดเร็วจะตาย แล้วบ้านแกก็ต้องเข้าซอยไปนะ ไม่ใช่อยู่ริมถนน” ก้อยค้านออกมา

    “ยัยก้อยพูดถูกนะลูกแก้ว แล้วก็อย่าไปเถียงยัยนี่เลย เถียงไปก็ไม่ทันเจ๊เขาหรอก เพราะเจ๊เขาบ่นเก่ง” โอมแฟนของก้อยสนับสนุนคำพูดของแฟนเขาพร้อมกับแอบแซวไปในคราวเดียวกัน ผลก็เลยโดน ‘เจ๊’ เหน็บเข้าให้ที่ต้นแขน ทำให้อีกสองคนในโต๊ะมองด้วยความเอ็นดู

    “ตกลงลูกแก้วกลับกับเรานะ แล้วก็ห้ามปฏิเสธด้วยนะ วันนี้เราไม่ยอมหรอก เพราะมันมืดแล้ว เป็นผู้หญิงกลับบ้านคนเดียวอันตราย” เอ็มบอกกับหญิงสาวตรงหน้า

    “ก็ได้ๆ ทำเหมือนกับเราเป็นเด็กไปได้” หญิงสาวยอมจำนนแต่ก็ไม่วายบ่นออกมา


    “ฮัลโหลสวัสดีค่ะ” หญิงสาวกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์ที่มันสั่นเตือนว่ามีสายเรียกเข้ามา

    “ฉันเองนะไอ้ลูกแก้ว” เสียงของศุภกรดังมาจากโทรศัพท์ ลูกแก้วนึกดีใจที่เธอลืมเปิดเสียงโทรศัพท์หลังจากออกมาจากโรงหนังแล้วไม่งั้นถ้าชายหนุ่มที่กำลังขับรถอยู่ได้ยินเสียงเรียกเข้าต้องรู้สึกผิดสังเกตแน่เลย

    “เออ...มีอะไรเหรอแก” ลูกแก้วถามปลายสาย

    “ก็โทรมาถามว่าทำไมแกยังไม่ถึงบ้านอ่ะดิ” ปลายสายบอกเสียงเรียบๆ

    “อ๋อ พอดีเราไปดูหนังกับก้อย กับโอมแล้วก็เอ็มอ่ะ” หญิงสาวบอกปลายสาย

    “อ๋อเหรอ แล้วสนุกมากมั้ย” เสียงทุ้มประชดกลับมา

    “ก็สนุกดี” หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงปกติเพราะเธอยังไม่แน่ใจว่าเธอได้ยินเขาประชดหรือเปล่า

    “แล้วรู้มั้ยว่ามีคนเขาเป็นห่วงอยู่” เจ้าของเสียงทุ้มที่กำลังหงุดหงิดบอกออกมาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว แต่เมื่อพูดออกไปแล้วเขาถึงได้รู้ตัวจึงรีบเงียบเสียงลงอย่างรวดเร็ว

    “...” หญิงสาวได้ยินเข้าก็เงียบเพราะไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี ใจหนึ่งก็อยากถามให้รู้ไปเลยว่าใครกันที่เป็นห่วงเธอ แต่ใจหนึ่งก็กลัวคำตอบที่จะออกมาจากอีกฝั่ง กลัวว่าคำตอบจะทำให้เธอเจ็บมากกว่านี้

    “แล้วนี่อยู่ไหนอ่ะ” เสียงทุ้มถามขึ้นหลังจากเงียบกันไปสักครู่

    “อยู่บนรถกำลังจะกลับบ้าน” หญิงสาวก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมไม่อยากบอกให้เขารู้ว่าอยู่บนรถกับชายหนุ่มอีกคน

    “แล้วกลับยังไง” ปลายสายยังคงถามต่อ

    “ก็เอ็มมาส่งอ่ะ” หญิงสาวบอกออกไป

    “อ๋อ...ก็ดีแล้วล่ะ งั้นแค่นี้นะ” ปลายสายพูดจบก็กดวางสายทันที ปล่อยให้หญิงสาวงงกับอาการของเขาอยู่คนเดียว

    “ที่บ้านโทรมาว่าเหรอ” ชายหนุ่มที่ทำหน้าที่ขับรถหันมาถามเมื่อเห็นว่าเสียงของคนข้างตัวเงียบลงไปแล้ว

    “เปล่าหรอก” ลูกแก้วตอบด้วยน้ำเสียงพยายามทำให้ร่าเริง ชายหนุ่มชวนหญิงสาวคุยเรื่องอื่นเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบไป ซึ่งหญิงสาวก็ให้ความร่วมมือด้วยดีเนื่องจากไม่อยากให้ตัวเองคิดอะไรฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้

    “ขอบคุณมากนะเอ็มที่มาส่ง” ลูกแก้วหันไปบอกกับชายหนุ่มที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยเมื่อรถมาจอดที่หน้าบ้านเธอ

    “ไม่เป็นไรหรอก เราต้องขอบคุณลูกแก้วต่างหากที่ให้โอกาสเรา” ชายหนุ่มตอบกลับมาพร้อมกับสบตาหญิงสาวอย่างมีความหมาย

    “...” หญิงสาวเงียบไปเมื่อได้ยินไม่ยอมสบตาอีกฝ่าย

    “พรุ่งนี้เรามาส่งลูกแก้วได้มั้ย” ชายหนุ่มถาม

    “ก็ได้” หญิงสาวตอบหลังจากเงียบเพื่อตัดสินใจอยู่ครู่หนึ่ง ‘ให้เอ็มมาส่งก็ไม่เป็นไรนี่ ในเมื่อเราบอกว่าจะให้โอกาสทั้งเขาและตัวเองแล้วก็น่าจะลองดู’ หญิงสาวบอกกับตัวเองในใจ

    จากคุณ : @หนูเอ๋อ@ - [ 6 ธ.ค. 48 14:30:19 A:58.10.144.175 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป