ในความเงียบงัน
ปลายฤดู...ฝนที่ยังคงพรำสายในบางวัน
ฉันชอบเดินนิ่งเงียบไปตามทางเดินดินแคบๆสองข้างปกคลุมด้วยหญ้าต้นเล็ก ๆ
เดินเรื่อยไปกระทั่งถึงกระท่อมปลายสวน
ควันไฟลอยวนขึ้นเหนือหลังคา
ฉันมองเห็นภาพหญิงชรานั่งหมุนตัวไปมาสาละวนกับการเตรียมอาหารมื้อเย็น
ด้วยความเงียบงัน
..............................
เร็วเถอะ...เดี๋ยวก็ไม่ทันยายใบ้หรอก
ยายตะโกนเร่งมาจากเชิงบันได
ฉันงัวเงียเดินช้าๆอย่างไม่สร่างนอน
มือหนึ่งหิ้วตะกร้าหวายใบเขื่อง
รีบไปก็เท่านั้น
ป้าใบ้คงนั่งเฝ้าต้นมะม่วงตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว
ยายออกเดินนำหน้า ฉันบ่นพรำตามหลัง
เมื่อคืนฝนตกหนักลมแรงจนได้ยินเสียง...ตุ้บ..อยู่เกือบทั้งคืน ฉันนอนฟังเสียงอย่างรู้งาน
พรุ่งนี้ฉันกับยายมีภารกิจ
เราสองคนต้องออกไปเก็บมะม่วงที่ถูกพัดหล่น
มะม่วงเหล่านั้นขายเป็นลูกไม่ได้แต่ยายจะเก็บมากวน
เห็นหลังหญิงวัยกลางคนอยู่ไวๆเดินท่อมๆกลางสวน
นั่นไง ไม่ทันมันจนได้
ฉันก้มลงเก็บมะม่วงที่หล่นรายทาง เข้าใจดีว่า
ยายบ่นพรำหญิงวัยกลางคนนางนั้นหากแต่เมื่อเผชิญหน้ากลับต่อว่าไม่รุนแรงเถียงกันพอเป็นพิธีราวกับไม่เอาจริงทั้งที่สวนนี้มียายเป็นเจ้าของ
บางทีนางคงอยู่ใกล้ยายมานาน
กระทั่งเราไม่อยากเอาเรื่องเอาราวกับนาง
.
หญิงวัยกลางคนนางนั้นเป็นใบ้มาแต่กำเนิด
ฉันโตจำความได้ก็เห็นนางในบ้านสวนของยาย
นางซอยผมสั้นเหนือใบหูร่างผอมเกร็ง
แต่แข็งแรงทำงานหนักได้สารพัด
นางรับจ้างช่วยงานยายในบ้านสวน
แลกเงินแลกข้าวบางคราวยังถือวิสาสะ
เก็บของในท้ายสวนยายที่ตกหล่นไปขายที่ตลาด
.
ตลกร้าย....บางวันเราบังเอิญได้ที่นั่งขายของใกล้กัน
สินค้าที่นำเสนออย่างเดียวกัน
แน่นอนมันมาจากแหล่งผลิตเดียวกัน
ในสวนกว้างขวางของยาย...ขุมสมบัติสีเขียวที่ตาทิ้งไว้ให้
....................................
ที่จริงนางเป็นคนของบ้านนู้น
เมื่อรุ่นตายายนั้นชิดใกล้
เมื่อถึงชั้นลูกหลานสัมพันธ์แค่ห่างๆ
รั้วแบ่งเขตก็เพิ่งมาทำเมื่อฉันโตพอรู้ความ
ป้าใบ้อาศัยในกระท่อมท้ายสวนบ้านนั้น
นางเป็นลูกสะใภ้เจ้าของบ้าน....
ฉันรู้ความจริงเมื่อเรียนชั้นประถมปลาย
ก่อนหน้าเข้าใจมาตลอดว่า
นางเป็นเพียงคนงานในสวนของบ้านนั้น
ด้วยชีวิตความเป็นอยู่ที่ถูกจำกัดแต่ในกระท่อมผุพัง
ออกรับจ้างสารพัดแลกเงินแลกข้าว
ใครจะกล้าเดาว่าสถานภาพนางมีตัวตนในบ้านใหญ่หลังนั้น
จำได้ว่ามีวันหนึ่งบ้านยายทะเลาะกับบ้านเขา
เพราะเราแย่งป้าใบ้กัน
แย่งเพราะในคืนก่อนวันตรุษจีน
สองบ้านมีงานต้องตระเตรียมมากมาย
ทั้งบ้านเราบ้านเขาต้องการป้าใบ้ไปช่วยงาน
ที่สุด...เราชนะ...ป้าใบ้เต็มใจอยู่บ้านเรามากกว่า
แต่พอตะวันลับขอบฟ้า
ป้าใบ้ต้องเดินตัดสวนกลับเข้าไปในเขตบ้านเขาอยู่ดี
แว่วเสียงด่าป้าใบ้เอ็ดอึง....ฉันนึกสงสารเคยถามยายว่า
ทำไมไม่ให้ป้าใบ้มาอยู่กับเรา
ไม่ได้หรอกถ้ามันมามันก็ไม่ได้เห็นลูกมัน
...........................
ฉันเคยเห็นลูกสาวป้าใบ้เพียงครั้งสองครั้ง...
เมื่อฉันอยู่มัธยมปลายแล้ว
วันนั้นยายกับฉันแอบเข้าไปหาป้าใบ้ที่กระท่อม....
นางหายไปหลายวันผิดสังเกต
ไม่ได้เป็นห่วงแต่ยายต้องการคนช่วยถากหญ้าในสวน
เด็กสาวเดินลงมาจากรถยนต์...
เธอแวะมาเยี่ยมหลังจากรู้ว่าป้าใบ้นอนซมเพราะพิษไข้
เธอมาเพียงครู่เดียวส่งถุงยาให้พูดคุยทำไม้ทำมือประกอบ
เพียงประโยคสองประโยคแล้วเธอก็จากไป
ฉันเห็นป้าใบ้มองเธอจนลับตา.......
นางไม่ร้องไห้กลับนอนหันหลังเงียบๆ
.
ชีวิตคนราวนิยาย
ป้าใบ้เป็นตัวละครหนึ่งที่เรื่องราวของนางทำฉันนิ่งฟัง
อย่างว่าเป็นละครวิทยุ
สมัยสาวๆป้าใบ้สวย....ยายไม่รู้ที่มาที่ไปของนาง
เห็นอีกทีนางก็เข้ามาเป็นคนงานในบ้านหลังนั้น
อยู่ดีๆนางก็ตั้งท้อง
.อาจเป็นผัวหรือลูกชายเจ้าของบ้าน...ไม่กระจ่างชัด
เจ้าของบ้านไล่ให้นางไปปลูกกระท่อมอยู่ปลายสวน
กระทั่งนางคลอดลูกสาว...เด็กถูกนำขึ้นไปอยู่บนบ้านใหญ่
ป้าใบ้ข้ามสวนมาของานยายทำแลกข้าวแลกเงิน
นานวันนางก็ออกเดินเท้าไปสวนนั้นสวนนี้ทำงานไปทั่ว
บางทีไปไกลถึงตลาด
ผิวที่เคยขาวผ่องเปลี่ยนเป็นเกรียมแดด
รูปร่างสะโอดสะองแปรเป็นผ่ายผอมทว่าแข็งแรงอย่างคนเคยงานมือไม้หยาบกร้านตัดผมสั้นเกรียน
นางยังคงอยู่เพียงลำพังในกระท่อมหลังเล็ก....
อยู่ในโลกเงียบสงัดและโดดเดี่ยวของนาง
ต่อเมื่อ...เด็กหญิงแวะมาเที่ยวเล่นเมื่อไหร่
โลกของนางก็พลันตื่นฟื้นสว่างไสว
ในความขมขื่นของนางที่เจ้าของบ้านบังเอิญหยิบยื่นมาให้
ยังมีความอาทรซ่อนไว้
ถึงอย่างไรลูกยังได้รับรู้ว่านางคือแม่
แม้สำหรับลูกอาจเป็นแค่ใน....นาม
...........................
เพราะวันหนึ่ง
ป้าใบ้มาหายายแต่เช้ามืด
ส่งเสียงโหวกเหวกแบบคนใบ้มาแต่ไกล
ยายกำลังเตรียมตัวจะลงสวน
ป้าใบ้พยายามส่งภาษามือ
อธิบายเรื่องราวบางอย่างกับยายครู่ใหญ่
เสียงยายกับเสียงป้าใบ้เอ็ดอึงพอกัน...
ฉันยืนมองอยู่ข้างๆอย่างไม่เข้าใจ
กระทั่งยายใช้ให้ฉันขึ้นไปเปิดตู้
หยิบผ้านุ่งลายไทยดอกเล็กๆสีเขียวแก่
ยายส่งให้ป้าใบ้นางดีอกดีใจรับไปถือไว้
ทำท่าขอบอกขอบใจ
ยายว่า...ลูกสาวมันจะแต่งงาน
ไม่กี่วันต่อมาการ์ดเชิญก็ถึงมือยาย
โดยคนในบ้านใหญ่หลังนั้น...ไม่ใช่จากป้าใบ้
..
ฉันได้ยินเสียงโห่ขันหมากแต่เช้าตรู่
ยายให้น้าของฉันไปร่วมงานแทน
บอกว่าปวดขาเก่งนั่งนานๆไม่ค่อยไหว
ฉันชะเง้อมองข้ามรั้วเห็นผู้คนขวักไขว่
ป่านนี้ป้าใบ้คงนั่งหน้าแฉล้มอยู่ในบ้านนั้น
วันนี้ยายเตรียมจะทำข้าวต้มมัดที่มีคนมาว่าไว้
ฉันนั่งเจียนใบตองอยู่ใกล้ๆ
ไม่ทันสายดี.....เสียงหมาเห่าคนเดินอยู่ข้างล่าง
ฉันโผล่หน้าออกไปดู
..ป้าใบ้
เดินลงบันไดเห็นนางเข้ามานั่งอยู่บนแคร่ใต้ถุนเรือน
ยายเดินตามลงมาทักทายป้าใบ้ด้วยความแปลกใจ
ป้าใบ้ไม่ตอบว่าทำไมไม่ไปงานแต่ง
กลับหันมองข้ามรั้วเหม่อหาอย่างว่า......อาลัยอาวรณ์
แม้ว่ายายจะบ่นพรำคนบ้านนั้น
ล่วงเลยจนกลับมาปลุกปลอบป้าใบ้
แต่นางยังคงทอดสายตายาวไกล
เหมือนว่าโลกของนางจึงยิ่งดูเงียบงัน
ดิ่งจมลึกเข้าไปในแววตานิ่งสนิทคู่นั้น
...ในหัวใจดวงนั้น....เนิ่นนาน
จากคุณ :
ไฮยาซินธ์
- [
6 ธ.ค. 48 18:05:39
A:203.118.113.131 X:
]