ผมเขียนอะไรไม่ออกกำลังอยู่ในช่วงไม่รู้จะเขียนถึงอะไรดี.....
เข็มทิศอันนำพาเราเยื้องกรายย่ำโลก ชี้สู่ทิศเหนือเสมอมาเสมอไป แต่เข็มทิศนำชีวิตผมขณะนี้ มันปัดเป๋กวัดไกว่ไร้ประสิทธิผล
กลางวันว่างเปล่า กลางคืนเคว้งคว้าง
ภาพร่างของอนาคตยังไม่ถูกขีดขึ้น ห้วงเวลาอันทำได้เพียงโอดครวญ ผมจะโอดครวญให้ทุกคนฟัง ผมเป็นพวกชอบโอดครวญก่นทุกข์ เป็นนักโอดครวญชีวิตที่โลกส่ายหน้ามองอย่างตำหนิ เมื่อจมปลักกับความรู้สึก มันทำให้สายตาผมที่มองดูโลกภายนอกไม่เห็นสิ่งใด
เวลายังคงเคลื่อนตัว เรื่องราวยังคงผุดขึ้นทุกวินาที แต่โลกของผมกลับไม่เคลื่อนไหว สายตาของผมมองทุกสิ่งด้วยความว่างเปล่า เหตุการณ์เกิดขึ้นแล้วผ่านเลย หัวใจมันจืดชืด ทดท้อสิ้นหวัง ผมกลายเป็นไอ้บื้อไม่เอาไหน เป็นไอ้ลิงเซ่อซ่าที่ถูกส่งตัวจากอดีตมายืนเหวอท่ามกลางอารยสมัยอันสับสน เร็วเร่ง
โลกนี้มีพื้นที่ให้คนอ่อนแอได้ยืนอยู่บ้างไหม ? หรือว่าคนปวกเปียกจะถูกความสิ้นหวังสัมบูรณ์ในใจตัวเองกลืนกิน จนแหลกสลายไปเอง
ผมหลุดรอดมีชีวิตอยู่ทุกวันนี้ได้อย่างไรกัน ชีวิตที่ฉลักลวดลายความผิดพลาด เปรอะทั่วของผม จังหวะการดำเนินสะดุดหยุดเรื่อยมา ห่างไกลจากมาตรฐานสากล ผมไปพลาดท่าเมื่อไหร่กัน เวลานี้ถึงต้องมาล้มฟุบโงหัวไม่ขึ้น ตอนนี้จิตใจผมมันเหลวเป็นขี้ไหลที่ใส่เครื่องปั่นหมุนด้วยพายุไซโคลน ถ้าอยากเจอผมอย่ากดชักโครกทิ้ง ทุกหย่อมสมองรับรู้เพียงคำว่า เหงา มีแต่ความว่างเปล่ากับอารมณ์ล่องลอย ผมไม่ลงมือกระทำการณ์ใดทั้งสิ้น พร่ำพูดถึงแต่ความไม่มั่นใจในตัวเอง กำลังใจดำเนินชีวิตสูญสลาย วกวนซ้ำซาก ใช้ชีวิตกล้าๆกลัวๆทำอะไรครึ่งๆกลางๆ จับจด เลิกกลางคันทุกงาน จนถึงขณะนี้ ผมมีอะไรติดตัวบ้าง สิ่งที่หามาได้ด้วยตัวเอง ไม่มีเลย มีแต่ความไร้สาระ
แย่ยิ่งกว่าการร้องไห้ได้ไม่งดงาม คือการร้องไห้ไม่ออก ผมคือความเศร้าของชายหนุ่ม ผู้ทำชีวิตวัยหนุ่มหล่นหาย
ทุกค่ำคืนผมเขียนจดหมายลาตายให้ตัวเอง วางไว้บนหัวนอน เช้าถัดมา ผมจะตื่นขึ้นหยิบมาอ่าน หวังว่าผมคนเมื่อวาน คงตายหายจากไปแล้วเหลือแต่ตัวผมของวันนี้
แล้วคุณหายใจได้อย่างไรทุกวันนี้ ?
ตัวผมขับเคลื่อนด้วยความเบื่อหน่าย
โลกเปลี่ยนแปลงมาตลอด 4.6 พันล้านปี แต่คุณกลับไม่มีวิวัฒนาการเอาเสียเลย
ผมพัฒนาการมาจากสัตว์เซลล์เดียวจำพวกมลืดชืดชาที่สุด
คุณไม่มีเพื่อนหรือใครเลยหรือ ?
มีสิ แต่พวกเขาควรอยู่ในแบบพวกเขา ผมละลายใจที่จะพกพาความเบื่อหน่าย ไปฝากใครๆที่ผมเรียกว่าเพื่อน
โลกยุคใหม่การสื่อสารกว้างไกล ไยคุณปล่อยปละให้ความเหงาทำงาน
ผมมีเพื่อนที่คุยโทรศัพท์ด้วยกันครั้งละนานๆอยู่คน แต่เดี๋ยวนี้ผมกลับไม่รู้จะคุยอะไรกับเขา คุณเข้าใจไหม ? เวลาที่มีเพียงความเงียบข้นคลั่ก อยู่ระหว่าง 2 ปลายสาย เวลานั้นผมบอกไม่ถูก มันเย็นสันหลังวาบ จนก่อเกล็ดความเศร้า หล่นร่วงเป็นลูกเห็บ สถานการณ์แบบนั้นไม่ว่าการสื่อสารจะพัฒนาไปขนาดไหน ก็ไม่สามารถอุดช่องโหว่ของความห่างเหินได้
ผมไม่เข้าใจ ทำไมคุณต้องเหงาต้องเศร้าอยู่บ่อยๆ
ผมผิดหรือที่เป็นแบบนี้ ใช่ ผมอาจผิด ผมคงผิดจริงๆ
คุณไม่ควรทำตัวน่าเบื่อหน่าย คุณยังมีเรี่ยวมีแรง
ถ้าไม่อยากให้โลกของคุณเปื้อนความเบื่อหน่าย กรุณาอย่าคุยกับผมเกิน 3 ประโยค
คุณอยู่กับตัวเอง คิดถึงแต่ตัวเอง คุณไม่เคยทำอะไรเพื่อใคร สักวันเวลาส่องกระจกคุณจะมองไม่เห็นใคร
หวังว่าผมคงอยู่ถึงวันนั้น
.............................................
ผมกลายสภาพเป็นอะไรไปแล้วหรือ ผมไม่ได้เป็นอะไรในแบบที่ผู้คนยุคนี้เป็นกัน ผมไม่ได้เป็นอะไรเลย ไม่ว่าจะหลุดหล่นในยุคไหนก็ตาม
ผมเป็นใคร ? เป็นผลผลิตน่าเบื่อหน่ายจากความอ่อนแอกระนั้นหรือ ?
ผมเคยรักความเย็นของสายฝน(ไม่ใช่บุหรี่)
ผมเคยรักต้นไม้ใหญ่ขึ้นโดดเดี่ยวกลางทุ่งร้าง
ผมเคยรักเมฆปุยขาวลอยฟ่องกลางฟ้ากว้าง
ผมเคยรักละอองดวงอาทิตย์อุ่นยามสาย
อะไรบางอย่างกันที่ทำให้ผมเริ่มรักไม่เป็นอีกต่อไป......
ผมควรทำตัวอย่างไรดี ? วิ่งไล่ตามผู้คนในแบบที่เขาทำกันอย่างนั้นหรือ ? บางที มันอาจดีกว่า การนั่งอมทุกข์เป็นไอ้ขี้แพ้ เงื่องหงอย
เริ่มต้นอย่างไรดี กินอาหารสำเร็จที่บรรจุในซองในกระป๋อง สวมเสื้อผ้าตามอย่างดารา เฝ้าติดตามรายการโทรทัศน์ยอดนิยม ฟังเพลงโดยโหลดมาจากอินเตอร์เน็ต หาเพื่อนฝูงและคู่นอนจากMSN ทำอะไรห่ามๆตามใจ แล้วเรียกมันว่า นั่นคือการใช้ชีวิตให้คุ้มค่า บอกรักผู้หญิงผ่านโทรศัพท์มือถือและทำความคิดถึงให้ปรากฏออกมาด้วยข้อความSMS แล้ววันหน้าข้างหน้าเมื่อชีวิตถึงเกณฑ์ ผมคงต้องหางานทำ เก็บเงินผ่อนบ้านผ่อนรถ หาผู้หญิงดีๆสักคน แต่งงาน มีลูก แล้วก็ส่งเสียให้ลูกเรียนจนจบปริญญาตรีเป็นอย่างต่ำ
เป็นแบบนี้ดีหรือไม่ ? โครงการณ์อนาคตที่ไม่จำเป็นต้องร่างแผน เพราะเป็นสิ่งที่ใครๆก็รู้กันมาตั้งแต่เด็ก เป็นมาตรฐานที่ตั้งไว้เป็นแบบแผน กำหนดคุณค่าชัดเจน ถ้าผู้คนทั้งหลายทั้งมวล เคลื่อนที่ไปในทางเดียวกัน จะเป็นอย่างไร ? คงเหมือนทุกคนสวมเกราะป้องกันการจู่โจมทางความรู้สึกนึกคิด
การจู่โจมทางความรู้สึก ผมเคยถูกงานศิลปะจู่โจมความรู้สึก มันทำให้บางสิ่งบางอย่างในตัวแล่นพล่าน
ไม่ว่าเรื่องราวเดิมๆ จะดำเนินซ้ำซากไปเพียงใด ผมจะหดหู่ ทำตัวเส็งเคร็ง ยวบย้อย ไม่เอาไหนขนาดไหนก็ตาม แต่ก็มีบางสิ่งที่ไม่มีใครช่วงชิงไปจากผมได้
ผมไม่อยากใช้ชีวิตแต่ไม่ได้หมายความว่าไม่อยากมีชีวิต ผมแค่ไม่รู้จะทำอะไรกับชีวิต เพราะผมไม่เคยทำอะไรกับชีวิต ผมคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่างกับชีวิต
ไม่ว่าผมจะไม่ได้ความเพียงใดแต่ในซอกหลืบของจิตใจผมยังมีความฝันอยู่ ยังมีความหวังอยากร่างแผนที่ของชีวิตตนเอง
คนอย่างคุณเนี่ยนะ ริจะเป็นนักเขียน
ใช่ ผมอยากเป็น
บ๊ะ ผมกลัวว่าคุณจะเขียนอะไรไม่ได้เรื่องไร้สาระออกมา
ไร้สาระหรือมีสาระ ความหมายอยู่ตรงที่เราให้ค่ากับสิ่งไหน
ทำไม ? เหตุผลที่คุณอยากเป็นนักเขียนคือ ?
ผมไม่รู้ ผมไม่มีเหตุผลสวยหรูในการตอบ ที่ผมรู้คือ ความต้องการเป็นนักเขียนของผม มันไม่เหมือนกับรักแรกพบ ไม่ใช่การตกหลุมรักใครโดยฉับพลัน แต่เป็นการทำความรู้จักพบเจอกับใครคนหนึ่งแบบค่อยๆเป็นค่อยๆไป มากกว่า จนวันหนึ่งก็ยากจะถอนตัวจากใครคนนั้น ชีวิตคงหมดความหมาย หากใครคนที่ว่านั้น ลาจากไป
คุณจะเขียนในแบบไหนกัน ?
แบบของผม ชีวิตใครก็เป็นของคนนั้น ชายหนุ่มหรือหญิงสาวผู้หลงรักภาษา ใครเป็นแบบไหนย่อมแสดงออกมาแบบนั้น
หวังว่าผมคงได้อ่านเขียนของคุณ
คุณได้อ่านทุกตัวอักษรเป็นคนแรกอยู่แล้ว
...........................................
ใบไม้ร่วงลงพื้น ย่อยสลายเป็นอาหารไส้เดือน
สายน้ำกัดเซาะตลิ่งค่ำเช้า เลาะสลายเรื่อยเลย
สายฝนชะล้างภูเขาเลือนละลาย ไม่ว่าภูเขาดินหรือคอนกรีต
เสียงหัวเราะของวันวานลอยหายไปกับสายลม
หยดน้ำตาไหลรินหลั่งได้ ย่อมจางลับได้เช่นกัน
วินาทีต่อวินาที อะตอมหลากหลายสลายตัวเปลี่ยนโครงสร้าง
............................................
ผมกำลังเรียนรู้โลกจากมุมอับ วันหนึ่งข้างหน้า เท้านำพาสู่ป่าอักษร หลงวนเวียนในวงกตวรรณกรรม เมื่อผมหลุดออกมา ผมจะเขียนถึงโลกในแบบที่มันเป็นไป
--------------------------------------------
จากคุณ :
ิอุปกรณ์ประกอบฉาก
- [
7 ธ.ค. 48 14:26:50
A:203.113.81.38 X:
]