 |
+ + + ค ว า ม เ อ๋ ย ค ว า ม ฝั น ... อ ย่ า ใ ห้ มั น ถู ก ลื ม เ ลื อ น + + +
... ...... .......................
ช่วงนี้ความคิดค่อนข้างรู้สึกสับสน ระหว่างสิ่งที่อยากทำ กับ สิ่งที่ต้องทำ.. ไม่รู้ว่าอย่างไรคือสิ่งที่ควรทำ ?
คงเพราะอยู่ในวิชาชีพนี้มั้ง เห็นคนเกิดแก่เจ็บตาย ทำให้เห็นสัจธรรมต่างๆได้ง่าย รู้สึกว่าชีวิตคนเรามันไม่แน่นอนเลย แล้วก็รู้สึกว่า ชีวิตเรา..นับวันก็เหลือน้อยลงไปทุกที
จำได้ตอนเด็กๆ.. เรามีความฝันอยากจะทำอะไรๆมากมาย แต่เรายังทำอะไรไม่ได้ เพราะเรายังเยาว์เกินไป พ่อแม่มักบอกว่า.. โตขึ้นก่อนนะ แล้วลูกก็จะได้ทำในสิ่งที่ลูกอยากทำ ดังนั้นเราเลยเอาความฝันเหล่านั้น..ห่อใส่ถุง.. เก็บใส่ลิ้นชักไว้ บอกกับมันว่า " เมื่อเราโตขึ้น..แล้วเราค่อยกลับมานะ"
แต่มันจริงหรือ ? เมื่อเราโตขึ้น.. เราจะสามารถทำในสิ่งที่เราอยากทำจริงหรือ ?
เวลาผ่านไป.. ระหว่างที่ยังอยู่ในวัยเรียน ก็มีเรื่องราวมากมาย ผ่านเข้ามาในความคิด ทำให้อยากทำโน่น อยากทำนี่ .. ฝันเอาไว้มากมาย แต่ผู้ใหญ่ก็บอกว่า.. อย่าเพิ่งก่อนนะ ตอนนี้เรายังต้องทุ่มเทกับการเรียน ไว้เมื่อเรียนจบ..แล้วเราก็จะทำอะไรก็ได้
ดังนั้น.. เราเอาความฝันห่อใส่ถุง เก็บเข้าลิ้นชักอีกครั้ง แล้วเราก็ทุ่มเทกับการเรียน.. เรียนๆๆๆ.. จนจบออกมาทำงาน
แต่แล้ว.. ทุกอย่างก็ไม่ได้เป็นดั่งที่คิด งาน.. แย่งเวลามากมายไปจากชีวิตของเรา แต่เราไม่ทำงานไม่ได้ เพราะว่าปัจจัยสี่ต่างๆ ตลอดจนความมั่นคงในชีวิต ที่จะทำให้เราคงอยู่ได้ในสังคม ความยอมรับของทุกคน มีต่อคนที่มีงานทำเท่านั้น
เมื่อทำงาน.. ไม่ใช่แต่งานที่ทำ มันยังมีนอกเหนือกว่านั้น นั่นคือ..เวลาที่ต้องมาทุ่มเทกับการพัฒนางานที่ทำอยู่ให้ดียิ่งขึ้น หลายต่อหลายคนบอกเราว่า ณ เวลานี้ .. ชีวิตเหมือนต้นไม้ที่เริ่มแตกกิ่งต้น เราต้องหมั่นรดน้ำพรวนดินใส่ปุ๋ย.. เพื่อให้ต้นไม้ชีวิตของเรา แผ่กิ่งก้านสาขา...เติบใหญ่อย่างมั่นคง
หลายต่อหลายครั้งยามค่ำคืน ที่เรามักได้ยินเสียงโหยหวนเรียกหา..จากความฝันในถุงในลิ้นชัก เราได้แต่บอกมันว่า.. รอก่อนนะ.. ไว้ฉันทำงานตรงนี้เสร็จก่อน แล้วฉันจะกลับไป แต่ว่า.. หลายปีผ่านไป.. มันไม่เคยมีงานไหนที่เสร็จเลย ทุกอย่างมีการต่อยอด..แตกกิ่งออกไป มันทำให้เราต้องทำมากขึ้น.. ต้องทุ่มเวลาให้มันมากขึ้น
เรายิ่งเดิน..เรายิ่งออกห่างจากความฝันเหล่านั้น ความฝันของเรา.. ต้องเดียวดายอยู่ในลิ้นชัก แสงแห่งความฝันเริ่มร่อยหรอ.. มันกำลังรอเรา..แต่เรากำลังลืมมัน งานและสิ่งต่างๆที่เข้ามาพัวพันกับเรา ทำให้เราลืมมัน ลืมไปว่า.. เราเคยอยากทำอะไรที่สุดในชีวิต
แล้ววันหนึ่ง.. วันที่เรากำลังยุ่งเหยิงกับชีวิต วันที่เรารู้สึกเหนื่อยล้าเหลือเกิน จากงานรอบข้าง เหนื่อยกับการที่มันไม่มีวันหยุด..และไม่มีวันลดลง วันนั้นเราหลบไปนั่งเดียวดาย.. ครุ่นคิดทบทวน...ถึงหลายสิ่งที่มันหายไปจากชีวิต
ใช่แล้ว.. เรากำลังลืมความฝันที่เราเคยมี เสียงร้องโหยหาของมันแหบแห้ง... มันยังคงเรียกหาเราอยู่ เรากลับไปที่ลิ้นชัก..เปิดมันออกมา ความฝันในถุงเหล่านั้น.. แสงมันริบหรี่.. กาลเวลากำลังจะพรากพลังของมันไป เหมือนกับเราที่..กาลเวลาก็กำลังจะพรากพลังชีวิตของเราไป แต่ยังดีที่มันยังรอเราอยู่.. และเรายังกลับไปหามันได้ทัน
ณ เวลานี้เรารู้...เราคงเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว... เราจะใช้เวลาที่เราเหลืออยู่ในตอนนี้ เติมพลังให้กับความฝันเหล่านั้น เพื่อให้มันมีพลังขึ้นมาอีกครั้ง นั่นคือสิ่งที่เราอยากทำ เราคงนอนตายตาไม่หลับ..หากเราต้องจากไป โดยที่ไม่สามารถกลับไปทำความฝันเหล่านั้นให้สำเร็จ และเราบอกกับตนเอง... นั่นคือสิ่งที่เราอยากทำที่สุดในชีวิต
แต่... งาน.. ความก้าวหน้าในงานที่เราต้องเดินไปข้างหน้า คือสิ่งที่เราต้องทำ ทุกคนในสังคม..บอกกับเราว่า เราต้องทำสิ่งนี้ มันคือบันได.. บันไดที่ทุกคนต้องก้าวเดินไปตามนั้น เส้นทางที่ทุกคนต้องทำ..เพื่อเดินไปยังจุดหมายข้างหน้า จุดหมายที่ใครก็ไม่รู้มักบอกว่า... มันคือสิ่งที่คนซึ่งมีความคิดปกติ.. มีความคิดก้าวหน้า.. ต้องเดินไปให้ถึง และต้องทำทุกอย่าง..เพื่อไปให้ถึง
เราอยากเป็นเหมือนคนอื่นๆ อยากจะได้รับการยอมรับจากคนอื่นๆ อยากจะมีหนทางชีวิต ที่ไม่ได้ผิดปกติจากความรู้สึกของคนอื่นๆ ทั้งๆที่เรารู้... มันไม่ใช่ความสุข..ไม่ใช่ความต้องการที่เราอยากทำเลย
ดังนั้น... ใครก็ได้บอกเราได้ไหม ระหว่างสิ่งที่อยากทำ..กับสิ่งที่ต้องทำ อย่างไหนกันแน่.. คือสิ่งที่ 'เราควรทำ' ?????
.........................................
จากคุณ :
หลานหลิง
- [
8 ธ.ค. 48 17:04:26
]
|
|
|
|
|