MODIGLIANI: หนังแผ่นราคาถูก-ชีวิตคนที่แสนแพง

ขณะที่เดินเล่นในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่สุดย่านพระราม 2 นอกจากการอยู่ในร้านหนังสือครั้งละหลายชั่วโมงแล้ว  ร้านขายVCDยังเป็นอีกที่-ที่เท้าต้องก้าวเข้าไปอย่างไม่ต้องคิดอะไรให้มากมายเพียงแต่ฉันอาจใช้เวลาอยู่ในร้านแบบนี้ไม่นานเท่าร้านหนังสือนัก
ยิ่งเดี๋ยวนี้ราคาหนังแผ่นพอๆกับราคาเช่าที่ร้าน บ่อยครั้งที่ฉันเลือกที่จะ “ซื้อ”มากกว่า “เช่า”  และก็อีกเช่นกันที่ฉันจะเลือก “เช่า”มาดูเพื่อความแน่ใจก่อนที่จะ “ซื้อ”มาเก็บไว้

MODIGLIANI:ขีดชีวิตจิตกรอัจฉริยะ  คือหนังแผ่นที่ฉันเลือก “ซื้อ”โดยไม่ลังเล แต่ไม่ใช่ว่าฉันรู้จักงานศิลปะ-ศิลปินท่านนี้ขนาดเห็นแล้วต้องรีบคว้า  แต่เพราะราคาที่ถูกพอๆกับแฮมเบอร์เกอร์ธรรมดาไม่เพิ่มชีส  เพียงพลิกด้านหลังอ่านเรื่องย่อเล็กน้อยแต่สิ่งที่เรียกความสนใจได้มากกว่าคือคำโปรยที่ด้านหน้า  “เรื่องจริง…ขอจิตกรเอกผู้มีชัยเหนือพิกัสโซ่” นั้นแหละคือเหตุผลสำคัญที่เลือกหนังเรื่องนี้ไปดู

ฉันไม่ค่อยเข้าถึงงานศิลปะนัก แม้จะมีโอกาสได้ไปดูงานแสดงภาพอยู่บ้างแต่ก็ไม่สามารถอธิบายหรือตีความสิ่งที่ศิลปินสื่อได้ครบถ้วนนัก หากแต่จะมีก็เพียงความประทับใจมากกว่า

MODIGLIANI เป็นคู่ปรับคนสำคัญของพิกัสโซ่(ผู้เริงรักกับลูกบากศ์) เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนสงครามโลกครั้งที่1 ขณะที่พิกัสโซ่เริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังจากการขายภาพวาด  แต่ MODIGLIANIเป็นเพียงจิตกรยากจน ทะนงในศักดิ์ศรี  อุดมการณ์แรงกล้า  เขาอาศัยอยู่ในบ้านที่ซอมซ่อเสื้อผ้าเก่าๆเพียงเพื่อที่จะทำงานด้วยจิตวิญญาณของศิลปินแบบศิลปะบริสุทธิ์ไม่ใช่ “พาณิชย์ศิลป์”

ฉันอาจไม่เข้าใจรอยสีและทีแปรงของจิตกรนัก  แต่เรื่องราวในหนังก็พาให้ฉันตื่นตาตื่นใจกับสังคมยุคก่อนสงครามโลกได้ไม่น้อย ความเจ็บปวดของชาวยิวและชีวิตครอบครัวที่กระท่อนกระแท่นของโมดิกฯ   ฉันชื่นชมภรรยาของเขาทีมั่งคงและเข้าใจในสิ่งที่คนรักเป็นแม้เธอจะพยายามส่งเสริมทำทุกทางให้ภาพเขียนของเขา “ขายได้”แต่มันก็กลายเป็นยิ่งตอกย้ำความรู้สึกของโมดิกฯ

กระทั่งโมดิกตัดสินใจเข้าสมัครประกวดภาพเขียนระดับชาติของปารีสเพื่อเอาชีวิตครอบครัวและ “ลูกสาวเลือดยิว”กลับสู่อ้อมอกเขาให้ได้ ฉันตื่นเต้นกับฉากที่จิตกรเอกระดับโลก7คนที่เข้าประกวดต้องทุมเทแรงกายและใจใช้จิตวิญญาณในการสร้างสรรค์งานศิลปะออกมาและแต่ละภาพในหนังเรื่องนี้ก็มีอยู่จริงยิ่งทำให้ฉันทึ่งกับการทำงานของแต่ละคน  นั่งดูหนังด้วยใจระทึกไปด้วย

ฉันอดคิดไม่ได้ว่าถ้าเป็นในประเทศไทย จะมีเหตุการณ์อะไรคล้ายๆแบบในหนังเรื่องนี้ไหม?  มีร้านอาหารที่แสดงงานศิลปะแบบเดียวกับในหนังบ้างหรือเปล่า บางเราจะมีบรรยากาศคล้ายๆอย่างนั้นบ้างไหม  

ยังไม่ทันได้คำตอบให้กับตัวเอง  ฉากสุดท้ายของหนังก็ดำเนินมาถึงตอบจบ และมันมาพร้อมความรู้สึกหลายๆอย่างในใจที่ไม่อาจอธิบายได้  เมื่อตั้งใจจะดูหนังเรื่องนี้อีกรอบเพื่อซึมซับเอาทุกสิ่งทุกอย่าง-ทุกความรู้สึกของหนังเรื่องนี้เข้ามาในตัวฉัน

ฉันพลิกหน้าซองหนังอีกครั้งพยายามจะแกะป้ายราคาที่ซองออก(เดี๋ยวค่อยหากล่องใส่)  เห็นราคาแล้วก็ได้ถอนหายใจเบาๆ  ไม่รู้จะเรียกว่าโชคดีหรือโชคร้าย เพราะใจหนึ่งได้หนังดีราคาถูกมาดู อีกใจก็รู้สึกว่าหนังดีๆขายราคาถูกเสียเหมือนหนังเกรดต่ำยังไงก็ไม่รู้ซึ่งมันเทียบไม่ได้เลยกับชีวิตคน-หนึ่งคนที่ยิ่งใหญ่ขนาดที่โลกต้องจารึกไว้ให้จดจำ
…………