Chapter 2 :ความหวัง
กิ๊งก่อง.....กิ๊ง...ก่อง.... เสียงระฆังเรียกเข้าชั้นเรียนดังกังวานไปทั่วโรงเรียน ถึงแม้ว่าจะสร้าง ในอาณาเขตของโบสถ์เก่าแก่นับร้อยปีแต่ แต่อาคารเรียนกลับเป็นตึกสูงทันสมัยเนื่องมาจากเงินบริจาคของผู้ปกครองทั้งหลายที่อยากให้ลูกเข้าโรงเรียนดีๆ แต่ลูกกลับหัวไม่ค่อยดี
วันนี้เราจะให้วิเคราะห์ข่าวกันนะจ๊ะเด็กๆ เดี๋ยวจะมีการถ่ายทอดสดแถลงข่าวการทดลองนำมนุษย์ไปอาศัยที่ดาวอังคาร ถ้าดูจบแล้วเราจะมาวิจารณ์กันนะจ๊ะ
เสียงใสๆดังมาจากอาจารย์ตัวเล็กๆที่ยืนอยู่ด้านล่างของอัฒจรรย์เรียน ห้องกว้างใหญ่รูปครึ่งวงกลมนั้นทำให้อาจารย์ในชุดขาวทั้งชุดที่ดูตัวเล็กอยู่แล้ว ยิ่งเล็กจนแทบจะกลืนหายไปกลับกระดานสีขาวข้างหลังอาจารย์ ถ้าอาจารย์สวมหมวกผ้าขาวเหมือนอย่างซิสเตอร์คนอื่น อาจารย์คงจะล่องหนไปจริงๆ
รออีกสักครู่นะจ๊ะ สัญญาณภาพคงขัดข้อง
ภาพจากเครื่องฉายไสลด์สีนั้นเริ่มฉายแสงหลากสีลงบนกระดานสีขาวนั่น ภาพมนุษย์เริ่มปรากฏขึ้นบนกระดานแต่ว่ายังคงลางเลือนเหลือเกิน เด็กๆในห้องเริ่มดูเหมือนจะเบื่อเหลือเกินกับการรอคอย เริ่มคุยส่งเสียงคิกคักกันเบาๆไปทั่วห้อง
เงียบเลยพวกเธอ ว่างไม่ได้นะคุยทันที ห้องนี้ออกแบบไว้ใช้ขยายเสียงนะจ๊ะ ฉะนั้นถ้าพวกเธอคุยกันนิดเดียวมันก็จะดังไปทั้งห้อง อย่ารบกวนคนอื่นที่เขากำลังตั้งใจสิจ๊ะ
ห้องนี้ใช้ระบบการสร้างและออกแบบผนังเฉกเช่นที่คนโบราณใช้ในการสร้างสถาปัตยกรรมยุคโบราณสมัยที่ยังไม่มีเครือ่งขยายเสียง ทำให้เสียงคนประกาศดังขึ้นและได้ยินทั่วถึงทั้งห้องได้
ดูเหมือนสัญญาณภาพจะมาแล้วเอาล่ะตั้งใจฟังกันนะจ๊ะ จดบันทึกไว้ด้วยอาจารย์จะขอตรวจตอนหมดคาบนะจ๊ะ
ภาพบนกระดานเริ่มชัดเจน เป็นรูปชายหนุ่มวัยกลางคนผมดำ หน้าตาคมสันคิ้วเข้ม ใส่สูทสีกรมท่าแลดูภูมิฐานยิ่งนัก เขาส่งยิ้มน้อยๆแสงแฟลชจากกล้องนักข่าวสะท้อนวูบวาบ แท่นพูดที่ทำจากกระจกใสนั้นยิ่งทำให้แสงแฟลชสว่างจ้าขึ้นไปอีก ผนังด้านหลังของโฆษกหนุ่มเป็นหน้าจอLCD ขนาดใหญ่ขึ้นข้อความหลากหลายภาษาสลับกันไป แต่ทุกข้อความล้วนแปลได้ใจความว่า
บ้านหลังที่สองของมวลมนุษยชาติ โดย Humans Hope Organization วันที่ 2 เดือนกุมภาพันธุ์ พ.ศ. 2600
ในช่วง60ปีก่อนหน้านี้ โลกได้ประสบปัญหาภัยธรรมชาติทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นปัญหาคลื่นยักษ์ แผ่นดินไหว
ภูเขาไฟระเบิด พายุและจากการที่อุณหภูมิของโลกได้สูงขึ้นมาตลอดในระยะเวลาร้อยปีนี้ ทำให้หน่วยงานของเรา
เริ่มตระหนักและเล็งเห็นว่าต่อไปในภายภาคหน้า โลกจะไม่ใช่บ้านที่เหมาะสมของมนุษย์อีกต่อไป ทางเราจึงได้
รวบรวมนักวิทยาศาสตร์และผู้ทรงความรู้สาขาต่างๆมากมายเพื่อที่จะดำเนินการสำรวจความเป็นไปได้ที่จะหาที่
แห่งใหม่ที่จะเป็นบ้านหลังต่อไปของมนุษย์ ทางหน่วยงานของเราได้รวบรวมข้อมูล ทำการทดลองถึงความเป็นไป
ได้ที่มนุษย์จะสามารถดำเนินชีวิตบนที่แห่งอื่นที่มิใช่โลก และในช่วงปี2547 ทางเราได้สรุปจากสมมติฐานและข้อ
มูลเท่าที่จะรวบรวมได้จากแหล่งต่างๆ และได้ข้อสรุปว่า ดาวอังคารจะเป็นสถานที่ ที่เหมาะสมที่สุดที่จะเป็นบ้าน
หลังต่อไปของมนุษย์ หลังจากได้ข้อสรุปนี้แล้ว หน่วยงานของเราก็เริ่มทำการทดลองต่างๆมากมายจนกระทั่งช่วง
ปี2560 เราก็สามารถหาวิธีทางที่จะทำให้มนุษย์สามารถดำเนินชีวิตบนดาวอังคารได้ โดยได้ทำการทดลองภายใน
โดมเสมือนจริง ที่มีการจำลองระบบนิเวศน์ของโลกลงไป รวมทั้งนำมนุษย์และสัตว์บางประเภท เข้าไปใช้ชีวิตอยู่
ในนั้น แต่กระนั้นก็ยังคงมีความผิดพลาดหลายๆประการเกิดขึ้นทำให้เราต้องใช้เวลามากในการแก้ไขข้อบกพร่อง
ต่างๆ และสุดท้ายในช่วงปี 2570 เราก็ได้เริ่มนำการทดลองบางส่วนไปติดตั้งที่ดาวอังคารแต่การจะให้มนุษย์
ธรรมดาที่มิได้ผ่านการฝึกฝนด้านเทคนิคไปอาศัยบนดาวอังคารนั้นเป็นเรื่องที่ยากมากแต่ทางเราก็ยังคงพยายาม
เดินหน้าหาทางออกที่ดีที่สุด โฆษกหยุดนิ่งสายตากวาดไปรอบห้องประชุม ก่อนจะกล่าวต่อว่า และจนกระทั่ง
เมื่อปีที่ผ่านมานี้เอง ปี2599 ได้เกิดมหาภัยพิบัติ ที่นำความสูญเสียต่อทรัพยากรธรรมชาติของโลกมากที่สุดใน
ประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติ ตั้งแต่ได้มีการบันทึกมา นั้นก็คืออุทกภัยครั้งยิ่งใหญ่ของโลก ที่ทำให้บาง
ประเทศต้องเสียพื้นที่บางส่วน หรือหายไปทั้งหมด แต่....จากการที่หน่วยงานของเราได้ทำการคำนวณไว้ล่วงหน้า
1ปี จึงได้มีการเตรียมย้ายอพยพได้อย่างทันท่วงที ทำให้ไม่มีการสูญเสียทรัพยากรมนุษย์ไปแต่อย่างใด ภัยพิบัติครั้ง
นี้ ถือเสมือนเป็นสัญญาณเตือนภัยที่ดังมาจากโลก ให้พวกเราได้ตระหนักแล้วว่าโลกจะเกิดเหตุอันหน้าเศร้าสลด
ยิ่งกว่านี้ตามมา สัญญาณเตือนภัยนี้ เราจะนิ่งดูดายอีกไม่ได้ นานาประเทศทั่วโลกจึงได้จัดตั้งคณะกรรมการ
SHC (Save Humankind Committee) ขึ้นโดยการส่งผู้ทรงความรู้ของแต่ละประเทศมาเข้าร่วม
ในการนี้เอง องค์กรของเราได้รับความช่วยเหลือทั้งทางทรัพยากรเงิน มนุษย์และสิ่งจำเป็นอื่นๆอีกมากมาย จึงทำ
ให้โครงการบ้านหลังที่สองของมนุษยชาติเสร็จสมบูรณ์ในที่สุด โฆษกยิ้มน้อยๆ พร้อมกับกล่าวต่อว่า ในอีก6
เดือนข้างหน้าจะมีปรากฏการณ์สร้อยไข่มุก ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ดาวเคราะห์ทั้งหมดจะมาเรียงตัวกัน ดาวอังคารจะ
มาอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้โลกที่สุด และเป็นเวลาที่เหมาะที่สุดที่เราจะส่งมนุษย์ธรรมดาชุดแรกขึ้นไปอาศัยยังบ้าน
พักที่เราได้จัดเตรียมไว้บนดาวอังคารและหลังจากนั้นอีก1เดือนหากไม่มีปัญหาอะไร เราจะเริ่มทยอยส่งคนที่
สมัครใจไปอาศัยยังบ้านแห่งใหม่ ทั้งนี้การอพยพนั้นจะค่อยเป็นค่อยไป สุดท้ายนี้ทางเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้
รับการสนับสนุนจากทุกๆท่านอย่างเช่นเคย หากมีสิ่งใดที่ทุกท่านอยากแสดงความเห็นก็ขอให้ติดต่อผ่านทาง
หน่วยงานอพยพของประเทศท่าน และความคืบหน้าทางเราจะรายงานให้ทราบในวาระต่อไป ขอบคุณครับ
โฆษกรีบเดินเข้าไปทางด้านหลังของเวทีแสงแฟลชยังคงส่องแสงวูบวาบ จอLCDด้านหลังเริ่มเล่นภาพสัญลักษณ์ขององค์การ เป็นรูปคนตัวเล็กๆหลายๆคนจับมือล้อมโลกเอาไว้ ในที่สุดกระดานก็ว่าง กลายเป็นสีขาวเช่นเดิม...
เป็นไงบ้างจ๊ะเด็กๆ เดี๋ยวจัดกลุ่มอภิปรายนะจ๊ะ แบ่งเป็นกลุ่มละ5คน แบ่งได้เลยจ๊ะ
เด็กๆเริ่มลุกจากที่นั่งเดินไปทางโน้นทางนี้ มีแต่เด็กสาวคนหนึ่งที่ยังนั่งนิ่งอยู่กับที่นั่งตนเองด้านหลังสุด ผมดำยาวของเธอช่างสะดุดตาผู้ที่พบเห็นยิ่งนัก
ทำไมไม่จับกลุ่มละจ๊ะ มารีอา
อาจารย์มองด้วยความเอ็นดู ในใจก็นึกสงสารเด็กคนนี้ ท่ามกลางเด็กที่พร้อมทั้งพ่อแม่ สมบัติเงินทอง กลับมีเด็กคนหนึ่งที่ไม่มีอะไรซักอย่างนอกจากความเฉลียวฉลาด จึงทำให้เธอเป็นแกะดำของสังคมในนี้
กลุ่มใครยังไม่ครบเอา มารีอาไปอยู่ด้วยนะจ๊ะ ไหนถ้าไม่ครบก็ยกมือ อย่าให้อาจารย์มารู้ที่หลังนะว่าไม่ครบ
สักพักก็มีกลุ่มหนึ่งยกมือขึ้นอย่างเสียไม่ได้ มารีอาจึงลุกไปรวมกับกลุ่มนั้น เธอชินซะแล้วกับการที่เพื่อนๆรังเกียจเธอ แล้วเธอก็ชอบอย่างงั้นมากกว่า เธอโตมาคนเดียว อยากอยู่คนเดียวมากกว่า
เหอะไม่อยากได้เด็กกำพร้าอวดดี แถมเงินให้ยังไม่อยากจะรับเลยเ
ด็กผู้หญิงตัวโตที่สุดในกลุ่มดูจะเป็นหัวหน้าพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ทำให้เด็กน้อยแทบจะโยนหนังสือที่ถือมาทั้งหมดใส่หัว แต่ทว่าก็ไม่คิดที่จะทำจริงๆ เพราะหนังสือมันแพงเกินไปที่จะต้องยับเพราะหัวของคนไร้สาระพันธุ์นี้ คนถูกดูถูกยิ้มเล็กๆที่มุมปาก ทำให้เด็กตัวโต รู้สึกเหมือนโดนเยาะเย้ยขึ้นมา
นังเด็กเหลือขอ นึกว่าเก่งนักหรือไง เก่งนักก็หาแม่ให้เจอสิ
เมื่อโดนจี้ใจดำ คนโดนว่าก็กระแทกหนังสือทั้งหมดลงบนโต๊ะ ตาโตใสซื่อคู่นั้นเปลี่ยนเป็นสายตาอาฆาตขึ้นมาทันใด
ฉับพลันนั้นเอง เด็กตัวโตที่กำลังด่าไม่หยุดก็ชะงัก เพราะพบว่าไม่มีเสียงใดๆเล็ดลอดออกมาจากลำคอของตน เจ้าตัวพยามยามเค้นแล้วเค้นอีกก็ไม่เป็นผล น้ำตาเริ่มไหลออกมาพร้อมการดิ้นทุรนทุราย จนเด็กทั้งห้องแตกตื่นลุกขึ้นมามุงดูกัน อาจารย์ประจำชั้นรีบวิ่งมาประคองเด็กคนนั้นแล้วรีบพาส่งห้องพยาบาล
ท่ามกลางสายตาที่ตื่นตกใจนั้น ดูจะมีเพียงสายตาเพียงคู่เดียวที่มองอย่างนิ่งสงบ ไม่บอกอาการตื่นกลัวหรือสงสารแต่อย่างใด!!!
อา....นี่แค่สั่งสอนเท่านั้นล่ะ อีกไม่นานก็กลับเป็นปรกติแล้วไม่เห็นต้องตกใจอะไรนักหนา..เจ้าตัวคิดพร้อมก้มเก็บหนังสือจากพื้นใส่กระเป๋าแล้วก็เดินออกจากห้องไป
เด็กสาวยังจำได้ครั้งแรกที่เธอใช้ พลังแปลกๆ' นี้ทำให้เด็กชายคนหนึ่งที่ชอบแกล้งเธอ ตกลงมาจากชิงช้าขากหักเมื่อ5ปีก่อน เธอตกใจกลัวมากเพราะรู้ว่าสาเหตุนั้นมาจากเธอไม่ว่าคนอื่นจะเข้าใจว่าเป็นอุบัติเหตุก็ตาม แต่เธอรู้ เธอเป็นคนทำ!!
เมื่อเธอสารภาพกับคุณแม่ ทีแรกเธอคิดว่าคุณแม่จะไม่เชื่อ แต่เมื่อเด็กน้อยได้เล่าเรื่องหมด คุณแม่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะสงสัยแม้แต่น้อย และกลับกล่าวกับเด็กน้อยว่า
ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกที่คนๆนึงจะได้พรสวรรค์จากพระเจ้า สิ่งที่หนูได้คือของขวัญที่พระเจ้ามอบให้ จงใช้มันเพื่อช่วยเหลือเพื่อนคนอื่นเถิด เอาอย่างนี้นะ ถ้าคราวหน้าใครแกล้งหนู ก็ไปบอกอาจารย์ อย่าได้คิดร้าย หรือทำอย่างนั้นกับเด็กคนอื่นอีก มันไม่ดี เข้าใจไหมจ๊ะ
มารีอาได้ให้สัญญากับคุณแม่ว่าจะไม่ใช้พลังตนเองในทางที่ผิดอีก หลังจากนั้นไม่ว่าจะโดนเพื่อนแกล้งแค่ไหนเธอก็จะพยายามไม่ใช้พลังของเธอ
แต่เอ...ถ้าแค่สั่งสอนเล็กๆน้อยๆให้กลับเป็นคนดี ก็คงไม่เป็นอะไรมั้ง มารีอายิ้มกับตัวเองนิดๆแล้วก็เดินทอดน่องไปตามระเบียงตึก
-----------------------------------------------------------รอตอนแต่ไปแปปนึงนะคะ อ่านแล้วคิดยังไงโพสด้วยนะค๊า เป็นกำลังใจให้คนแต่งค่ะ ขอบคุณค่ะ
ตอน3ในเว็บ เด็กดีอัพแล้วนะคะแต่ยังไม่จบ จบแล้วจะมาโพสในนี้ค่ะ ขอบพระคุณทุกคำติชมล่วงหน้าค่ะ
ลิ้งโพสไว้อยู่ด้านล่างนะคะ พร้อมกับลิ้งของตอนที่1ด้วยค่ะ
จากคุณ :
Glitter Maker
- [
11 ธ.ค. 48 18:18:08
A:58.10.183.41 X:
]