........ คลุมถุงชน ใครจะอยากเชื่อว่าในปีพ.ศ. นี้แล้วยังจะมีอยู่อีก แล้วถ้าคุณเป็นหนุ่มสาวยุคใหม่ที่มีความเชื่อมั่นในความคิดของตัวเองสูง แต่ต้องมาถูกจับคลุมถุงชนโดยบุพการีที่หวังดีต่อคุณอย่างยิ่ง คุณจะทำอย่างไร ........
นราธิปชายหนุ่มร่างสูงโปร่งผิวคล้ำเดินไปมาอย่างร้อนรนผ่านหน้าชายร่างสูงอีกคนที่ผิวคล้ำหากแต่ดูขาวกว่าเล็กน้อยที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่อย่างไม่ค่อยอยากสนใจอาการเหมือนเสือติดจั่นของผู้เป็นพี่ชายนัก
ฉันว่ายัยคุณครูนี่ต้องเป็นประเภทครูโบราณพันปี พวกฝ่ายปกครองเจ้าระเบียบแน่ๆ ถึงได้ขายไม่ออกจนผู้ใหญ่ต้องจับมาใส่ถุงชนกับฉัน ทำไมไม่เป็นนายนะ อืม .. จะว่าไปฉันควรจะยกตำแหน่งเขยคลุมถุงให้นายดีกว่า เพราะนายเองก็สนิทสนมกับบ้านนั้นอยู่แล้วนี่
ฮ่ะ ฮ่ะ พี่นี่ทำตัวเหมือนอิเหนาเลย ยังไม่ทันได้เจอหน้าก็จะมายกว่าที่พี่สะใภ้ให้ผมซะแล้ว ระวังเถอะเกิดคุณจุ๊เกิดสวยเหมือนบุษบาขึ้นมาพี่จะถอนคำพูดไม่ทัน นราธรกล่าวทีเล่นทีจริง
ขอให้เป็นจริงเหอะวะ ฉันจะยอมสวมบทอิเหนาต่อสู้กับจรกาอย่างแกเลย นราธิปพูดประชด ทำเอาผู้เป็นน้องกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ เมื่อนึกตามที่พี่ชายพูดว่าจะลงทุนทำสงครามแย่งนางบุษบากับตนซึ่งตอนนี้รับบทเป็นจรกา
.... ก็พี่อยากเรียนเก่งได้ทุนไปต่อต่างประเทศเองนี่นะ เลยไม่เคยได้เจอกับสองพี่น้องบ้านนั้นตอนโตเป็นสาว ....
แล้ววันที่ผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายนัดให้หนุ่มสาวได้มาเจอกันก็มาถึง นราธิปมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างขัดใจ ถึงจะผิวขาวใสแบบคนจีนกับรูปร่างระหงสมส่วนแต่ไอ้การแต่งตัวด้วยเสื้อแขนยาวสีขาวที่คอมีระบายลูกไม้ดูรุ่มร่าม กระโปรงสีดำทรงสอบคลุมเข่า กับรองเท้าคัตชูสีดำส้นหนาสูง 2 นิ้ว อีกทั้งผมยาวดำขลับที่เกล้าเป็นมวยไว้ข้างหลังนี่มันช่างเชยหลุดโลกไปล้านปีได้แล้วมั้ง
.... ไม่ผิดอย่างที่คิดไว้เลยจริงๆ คุณเธอคิดว่าอยู่ปีพ.ศ.ไหนกันเนี่ยถึงได้แต่งตัวแบบนี้ ดีนะที่จับทางได้ถูกเลือกแต่งตัวเซอร์ขนาดนี้ เพราะคนเจ้าระเบียบอย่างนี้คงไม่ชอบอะไรนอกกรอบเป็นแน่ ....
จุฑามาศเองก็มองลอดแว่นตากรอบหนาไปยังชายหนุ่มตรงหน้าที่ทำท่าเหมือนเบื่อโลกสุดชีวิตอย่างพิจารณา
.... นักธูรกิจอะไร หน้าตารกรุงรังดูไม่ได้ แต่งเนื้อแต่งตัวก็ศิลปินจ๋าอย่างนี้แล้วใครเขาจะเชื่อถือยอมทำธุรกิจด้วย แต่ก็ดี มาเจอครูระเบียบอย่างนี้เข้าก็คงไม่ยอมโดนคลุมถุงแน่ .... จุฑามาศนึกดีใจที่ตัดสินใจไม่ผิดในการเลือกแต่งองค์ทรงเครื่องเป็นคุณครูระเบียบในวันนี้
อย่ามัวแต่มองเพลินสิตาธิป หนูจุ๊เขินแย่ ตักอาหารให้หนูจุ๊บ้างก็ได้นะ คุณทรงสมรมารดาของเขาติงขึ้นมา
เอ่อ .. ครับ นราธิปจำต้องรับปากมารดา แล้วก็ตักอาหารตรงหน้าตนให้หญิงสาว โดยไม่คิดถามสักคำว่าเธอจะทานอะไร
ขอบคุณค่ะ แต่ฉันไม่ทานเนื้อ จุฑามาศกล่าวเสียงเรียบกึ่งประชดชายหนุ่มที่ทำท่าเหมือนอึดอัดราวกับขาดอากาศหายใจอย่างนั้นแหละ
สงสัยตาธิปจะเขิน ไม่กล้าพูดกับหนูจุ๊เลย ก็อย่างนี้แหละเพิ่งจะรู้จักกัน ไม่เป็นไรหรอกนะ ค่อยๆ ทำความคุ้นเคยกันไป คุณจุฑารัตน์กล่าวกับคุณทรงสมรเพื่อนรักด้วยใบหน้าเกลื่อนยิ้มกันทั้งคู่ ผิดกับสองหนุ่มสาวที่ต่างก็นั่งทำหน้าฝืนยิ้มอยู่อย่างยากเย็น
***** ***** ***** ****** ***** ***** *****
จากวันดูตัวผ่านไป สองหนุ่มสาวก็จำต้องทำความรู้จักกันมากขึ้นเพื่อเตรียมตัวสำหรับงานแต่งในอีก 3 เดือนข้างหน้า นี่นอกจะคลุมถุงแล้วยังจับใส่จรวดชนอีกนะเนี่ย รวดเร็วขนาดที่ไม่มีใครตั้งตัวรับมือได้ทัน โดยที่ผู้ใหญ่บอกว่าได้แอบช่วยกันเตรียมงานไว้แล้วอย่างเงียบๆ
คุณแม่ผมให้มารับคุณไปดูหนัง หนุ่มมาดเซอร์กล่าวกับหญิงสาวตรงหน้าทันทีที่ได้พบกัน
คุณแม่ฉันก็บอกให้รอคุณมารับไปดูหนังเหมือนกัน คุณครูสาวยังคงความสุดเชยด้วยการแต่งกายสไตล์แฟชั่นสมัยคุณแม่ยังสาว กับแว่นตาหนาเตอะอันเก่งบอกตอบ
งั้นก็ไปกันเลยสิ ดูเสร็จจะได้กลับ นราธิปกล่าวอย่างจงใจให้อีกฝ่ายรับรู้ถึงการถูกบังคับจิตใจของตนเอง
ค่ะ ไปๆซะ จะได้รีบกลับ เมื่อเห็นเขาพยายามบ่งบอกกับเธอขนาดนั้น จุฑามาศเองก็ต้องแสดงให้เขารู้ว่าตนก็โดนใบสั่งมาเช่นกัน ไม่งั้นเขาจะหาว่าเธออยากไปกับเขานักหนา
เมื่อมาถึงแล้วคนทั้งคู่ก็ไม่สามารถหาเรื่องที่จะดูด้วยกันได้
ดู the Matrix แล้วกันนะ ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นในที่สุด
ไม่ล่ะฉันจะดู how to lose a guy in 10 days หญิงสาวแย้ง
โอ๊ย !! หนังที่เดาได้ทั้งเรื่องแบบนั้นจะดูไปทำไมคุณ ไม่สร้างสรรค์ นราธิปกล่าวเยาะ
ฉันชอบนี่ เบาสมองคลายเครียดดีออก จุฑามาศยังคงยืนยัน
แต่พอดีว่าผมไม่มีเรื่องให้เครียดมากเหมือน... ไม่เพียงคำพูดที่จงใจยั่วโมโหคนที่มาด้วยกัน หากแต่สายตาคมนั้นก็ปรายมาให้รู้เป็นนัยว่าที่เว้นไว้น่ะหมายถึงใคร
นี่คุณหาว่าชีวิตฉันมีแต่เรื่องเครียดน่าปวดหัว จนถึงกับต้องมาระบายออกโดยการดูหนังงั้นเหรอ ทำเอาคนฟังแหวขึ้นมาอย่างเอาเรื่องทันที
ผมเปล่านะ คุณพูดออกมาเองต่างหาก เขาแกล้งทำหน้าตายไม่สนกับอาการควันออกหูของเธอ
งั้นบอกได้เลยว่าเรื่องเครียดของฉันน่ะมีอย่างเดียวก็คือการที่ต้องแต่งงานกับคุณนั่นแหละ รู้ไว้ด้วย จุฑามาศพูดเสียงดังใส่หน้าเขา
แล้วคิดว่าผมดีใจอยู่งั้นเหรอ .. หึ นราธิปพูดประชดกลับบ้าง
เฮอะ .. ต่างก็สะบัดหน้าออกไปคนละทาง ไม่ยอมหันกลับมามองหน้ากันอีก
ในที่สุดก็ต้องแยกกันไปดูเรื่องที่ตนต้องการดู แล้วจึงค่อยมาเจอกันเมื่อหนังจบเพื่อกลับบ้านด้วยกัน
***** ***** ***** ****** ***** ***** *****
ในช่วงเดือนเมษายนของทุกปีจะมีงานมหกรรมยิ่งใหญ่สองงานจัดขึ้นในวันที่ใกล้เคียงกันที่กรุงเทพฯ
ฉันจะไปงานหนังสือ จุฑามาศประกาศเมื่อขึ้นไปนั่งบนรถของเขาเรียบร้อย
แต่คุณแม่ให้ผมมารับไปงานมอเตอร์โชว์นี่ นราธิปแย้ง
คุณอยากไปเองมากกว่า จะไปดูพริตตี้ล่ะสิ คุณครูสาวคนสวยที่วันนี้ยังคงคอนเซ็ปต์ความเชยไว้ครบถ้วนกระบวนท่ากล่าวอย่างค่อนแคะ
ของมันแน่อยู่แล้ว ก็พริตตี้น่าดูกว่าคนแถวนี้ตั้งเยอะ พูดตรงๆนะ เห็นคุณทีไรผมอยากลาบวชทุกที นราธิปได้ทีก็เอาคืนบ้าง
งั้นฉันขออนุโมทนาเลยนะ แล้วก่อนจะเข้าวัดเข้าวาเนี่ยคุณก็ควรเตรียมอ่านหนังสือธรรมะไว้บ้างนะ งั้นก็ไปงานหนังสือแล้วกัน
ไม่ต้องมาทำเป็นเห็นดีเห็นงามเลยนะคุณ นักธุรกิจหนุ่มมาดเซอร์รีบเบรกก่อนยื่นข้อเสนอให้
ไปมอเตอร์โชว์ก่อนแล้วค่อยไปงานหนังสือของคุณแล้วกัน
ไปงานหนังสือก่อน ขืนไปงานมอเตอร์โชว์ก่อนคุณก็เพลินกับสาวๆจนลืมเวลาสิ จุฑามาศแย้งตามเคย
ไม่ ผมจะไปงานมอเตอร์โชว์ก่อน ขืนไปงานหนังสือก่อนผมคงไม่ต้องไปงานมอเตอร์โชว์หรอก แค่ได้กลิ่นหนังสือก็ง่วงแล้ว นราธิปแกล้งยกข้ออ้างที่แสนจะไม่เข้าท่า
ถ้าเยาวชนไทยเป็นแบบคุณทุกคนนี่อนาคตเส้นทางธุรกิจไทยคงมีแต่ถอยหลัง จุฑามาศแขวะเข้าบ้าง
นี่คุณอย่าดูถูกผมนะ ผมน่ะใช้ประสบการณ์ ไม่เน้นพึ่งพาตำรา นราธิปเถียงขึ้นด้วยท่าทีมั่นใจในความสามารถสูงของตัวเอง
แล้วก็ได้แต่เถียงกันอยู่อย่างนั้นตกลงกันไม่ได้เสียที จนในที่สุดความที่เป็นผู้ชายขี้เกียจที่จะต้องมานั่งเถียงเรื่องหยุมหยิมกับผู้หญิง บวกกับเริ่มเห็นแววว่าเถียงไปก็เท่านั้น ดีไม่ดีคุณเธอเผลอคิดว่าเขาเป็นเด็กนักเรียนแล้วมาต่อปากต่อคำกับคุณครูอยู่อย่างนี้อาจโดนไม้เรียวเข้าก็ได้ จึงจำยอมขับรถพาเธอไปงานหนังสือ
คุณจะกลับได้รึยังเนี่ย ผมเดินจนเมื่อยขาไปหมดแล้วนะ จะซื้ออะไรกันมากมาย เห็นใจคนถือบ้างสิคุณหนักจะแย่ นราธิปบ่นขณะที่เดินถือถุงหนังสือตามหลังหญิงสาวอย่างเซ็งๆ มาเกือบสี่ชั่วโมงแล้ว
ส่วนคนเดินนำก็ทำเป็นไม่สนใจ จงใจเดินเข้าเดินออกทุกร้านอย่างถ่วงเวลา
นี่คุณผมไม่เดินต่อแล้วนะ เหนื่อย เมื่อย ง่วงด้วยจะหลับอยู่แล้วเนี่ย นราธิปพูดขึ้นมาในที่สุดด้วยความหงุดหงิด และหมั่นไส้คนที่ทำท่าเพลิดเพลินกับการเดินดูหนังสือไม่ยอมกลับซะที ก็ไม่เห็นมีอะไรนักหนามองไปก็เห็นแต่หนังสือคล้ายๆ กันทุกร้านไม่รู้จะเดินให้เมื่อยทำไม
เรื่องของคุณสิ อยากหลับตรงนี้ก็ไม่มีใครว่าหรอก เฝ้าหนังสือของฉันดีๆด้วยล่ะ จุฑามาศกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ แล้วเดินเลือกดูหนังสือต่อไปโดยไม่คิดจะหันกลับมาสนใจคนข้างหลังที่ประท้วงไม่สำเร็จ ก็จำต้องเดินหน้างอง้ำหิ้วถุงหนังสือมากมายตามมา
จากคุณ :
กรุ่นกลิ่นแก้ว
- [
14 ธ.ค. 48 11:53:28
]