CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ~~ เพราะเรา(ต้อง)คู่กัน ~~ (ตอนแรก-สองตอนจบค่ะ)

    ........ “คลุมถุงชน” ใครจะอยากเชื่อว่าในปีพ.ศ. นี้แล้วยังจะมีอยู่อีก แล้วถ้าคุณเป็นหนุ่มสาวยุคใหม่ที่มีความเชื่อมั่นในความคิดของตัวเองสูง แต่ต้องมาถูกจับคลุมถุงชนโดยบุพการีที่หวังดีต่อคุณอย่างยิ่ง คุณจะทำอย่างไร ........

    นราธิปชายหนุ่มร่างสูงโปร่งผิวคล้ำเดินไปมาอย่างร้อนรนผ่านหน้าชายร่างสูงอีกคนที่ผิวคล้ำหากแต่ดูขาวกว่าเล็กน้อยที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่อย่างไม่ค่อยอยากสนใจอาการเหมือนเสือติดจั่นของผู้เป็นพี่ชายนัก

    “ฉันว่ายัยคุณครูนี่ต้องเป็นประเภทครูโบราณพันปี พวกฝ่ายปกครองเจ้าระเบียบแน่ๆ ถึงได้ขายไม่ออกจนผู้ใหญ่ต้องจับมาใส่ถุงชนกับฉัน  ทำไมไม่เป็นนายนะ  อืม  .. จะว่าไปฉันควรจะยกตำแหน่งเขยคลุมถุงให้นายดีกว่า  เพราะนายเองก็สนิทสนมกับบ้านนั้นอยู่แล้วนี่”  

    “ฮ่ะ ฮ่ะ พี่นี่ทำตัวเหมือนอิเหนาเลย  ยังไม่ทันได้เจอหน้าก็จะมายกว่าที่พี่สะใภ้ให้ผมซะแล้ว  ระวังเถอะเกิดคุณจุ๊เกิดสวยเหมือนบุษบาขึ้นมาพี่จะถอนคำพูดไม่ทัน”  นราธรกล่าวทีเล่นทีจริง

    “ขอให้เป็นจริงเหอะวะ  ฉันจะยอมสวมบทอิเหนาต่อสู้กับจรกาอย่างแกเลย”  นราธิปพูดประชด  ทำเอาผู้เป็นน้องกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่  เมื่อนึกตามที่พี่ชายพูดว่าจะลงทุนทำสงครามแย่งนางบุษบากับตนซึ่งตอนนี้รับบทเป็นจรกา

    ....  ก็พี่อยากเรียนเก่งได้ทุนไปต่อต่างประเทศเองนี่นะ  เลยไม่เคยได้เจอกับสองพี่น้องบ้านนั้นตอนโตเป็นสาว  ....

    แล้ววันที่ผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายนัดให้หนุ่มสาวได้มาเจอกันก็มาถึง นราธิปมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างขัดใจ ถึงจะผิวขาวใสแบบคนจีนกับรูปร่างระหงสมส่วนแต่ไอ้การแต่งตัวด้วยเสื้อแขนยาวสีขาวที่คอมีระบายลูกไม้ดูรุ่มร่าม กระโปรงสีดำทรงสอบคลุมเข่า กับรองเท้าคัตชูสีดำส้นหนาสูง 2 นิ้ว อีกทั้งผมยาวดำขลับที่เกล้าเป็นมวยไว้ข้างหลังนี่มันช่างเชยหลุดโลกไปล้านปีได้แล้วมั้ง

    .... ไม่ผิดอย่างที่คิดไว้เลยจริงๆ คุณเธอคิดว่าอยู่ปีพ.ศ.ไหนกันเนี่ยถึงได้แต่งตัวแบบนี้ ดีนะที่จับทางได้ถูกเลือกแต่งตัวเซอร์ขนาดนี้ เพราะคนเจ้าระเบียบอย่างนี้คงไม่ชอบอะไรนอกกรอบเป็นแน่ ....

    จุฑามาศเองก็มองลอดแว่นตากรอบหนาไปยังชายหนุ่มตรงหน้าที่ทำท่าเหมือนเบื่อโลกสุดชีวิตอย่างพิจารณา

    .... นักธูรกิจอะไร หน้าตารกรุงรังดูไม่ได้  แต่งเนื้อแต่งตัวก็ศิลปินจ๋าอย่างนี้แล้วใครเขาจะเชื่อถือยอมทำธุรกิจด้วย แต่ก็ดี  มาเจอครูระเบียบอย่างนี้เข้าก็คงไม่ยอมโดนคลุมถุงแน่ .... จุฑามาศนึกดีใจที่ตัดสินใจไม่ผิดในการเลือกแต่งองค์ทรงเครื่องเป็นคุณครูระเบียบในวันนี้

    “อย่ามัวแต่มองเพลินสิตาธิป  หนูจุ๊เขินแย่  ตักอาหารให้หนูจุ๊บ้างก็ได้นะ”  คุณทรงสมรมารดาของเขาติงขึ้นมา

    “เอ่อ  ..  ครับ”  นราธิปจำต้องรับปากมารดา  แล้วก็ตักอาหารตรงหน้าตนให้หญิงสาว  โดยไม่คิดถามสักคำว่าเธอจะทานอะไร

    “ขอบคุณค่ะ  แต่ฉันไม่ทานเนื้อ”  จุฑามาศกล่าวเสียงเรียบกึ่งประชดชายหนุ่มที่ทำท่าเหมือนอึดอัดราวกับขาดอากาศหายใจอย่างนั้นแหละ

    “สงสัยตาธิปจะเขิน  ไม่กล้าพูดกับหนูจุ๊เลย  ก็อย่างนี้แหละเพิ่งจะรู้จักกัน  ไม่เป็นไรหรอกนะ  ค่อยๆ  ทำความคุ้นเคยกันไป”  คุณจุฑารัตน์กล่าวกับคุณทรงสมรเพื่อนรักด้วยใบหน้าเกลื่อนยิ้มกันทั้งคู่  ผิดกับสองหนุ่มสาวที่ต่างก็นั่งทำหน้าฝืนยิ้มอยู่อย่างยากเย็น

    *****  *****  *****  ******  *****  *****  *****

    จากวันดูตัวผ่านไป  สองหนุ่มสาวก็จำต้องทำความรู้จักกันมากขึ้นเพื่อเตรียมตัวสำหรับงานแต่งในอีก 3 เดือนข้างหน้า นี่นอกจะคลุมถุงแล้วยังจับใส่จรวดชนอีกนะเนี่ย  รวดเร็วขนาดที่ไม่มีใครตั้งตัวรับมือได้ทัน  โดยที่ผู้ใหญ่บอกว่าได้แอบช่วยกันเตรียมงานไว้แล้วอย่างเงียบๆ

    “คุณแม่ผมให้มารับคุณไปดูหนัง” หนุ่มมาดเซอร์กล่าวกับหญิงสาวตรงหน้าทันทีที่ได้พบกัน

    “คุณแม่ฉันก็บอกให้รอคุณมารับไปดูหนังเหมือนกัน” คุณครูสาวยังคงความสุดเชยด้วยการแต่งกายสไตล์แฟชั่นสมัยคุณแม่ยังสาว กับแว่นตาหนาเตอะอันเก่งบอกตอบ

    “งั้นก็ไปกันเลยสิ  ดูเสร็จจะได้กลับ”  นราธิปกล่าวอย่างจงใจให้อีกฝ่ายรับรู้ถึงการถูกบังคับจิตใจของตนเอง

    “ค่ะ  ไปๆซะ  จะได้รีบกลับ”  เมื่อเห็นเขาพยายามบ่งบอกกับเธอขนาดนั้น  จุฑามาศเองก็ต้องแสดงให้เขารู้ว่าตนก็โดนใบสั่งมาเช่นกัน  ไม่งั้นเขาจะหาว่าเธออยากไปกับเขานักหนา

    เมื่อมาถึงแล้วคนทั้งคู่ก็ไม่สามารถหาเรื่องที่จะดูด้วยกันได้

    “ดู the Matrix แล้วกันนะ” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นในที่สุด

    “ไม่ล่ะฉันจะดู how to lose a guy in 10 days” หญิงสาวแย้ง

    “โอ๊ย !! หนังที่เดาได้ทั้งเรื่องแบบนั้นจะดูไปทำไมคุณ  ไม่สร้างสรรค์”  นราธิปกล่าวเยาะ

    “ฉันชอบนี่  เบาสมองคลายเครียดดีออก”  จุฑามาศยังคงยืนยัน

    “แต่พอดีว่าผมไม่มีเรื่องให้เครียดมากเหมือน...” ไม่เพียงคำพูดที่จงใจยั่วโมโหคนที่มาด้วยกัน  หากแต่สายตาคมนั้นก็ปรายมาให้รู้เป็นนัยว่าที่เว้นไว้น่ะหมายถึงใคร

    “นี่คุณหาว่าชีวิตฉันมีแต่เรื่องเครียดน่าปวดหัว จนถึงกับต้องมาระบายออกโดยการดูหนังงั้นเหรอ”  ทำเอาคนฟังแหวขึ้นมาอย่างเอาเรื่องทันที

    “ผมเปล่านะ  คุณพูดออกมาเองต่างหาก”  เขาแกล้งทำหน้าตายไม่สนกับอาการควันออกหูของเธอ

    “งั้นบอกได้เลยว่าเรื่องเครียดของฉันน่ะมีอย่างเดียวก็คือการที่ต้องแต่งงานกับคุณนั่นแหละ รู้ไว้ด้วย”  จุฑามาศพูดเสียงดังใส่หน้าเขา

    “แล้วคิดว่าผมดีใจอยู่งั้นเหรอ  .. หึ” นราธิปพูดประชดกลับบ้าง  

    “เฮอะ ..”  ต่างก็สะบัดหน้าออกไปคนละทาง ไม่ยอมหันกลับมามองหน้ากันอีก  

    ในที่สุดก็ต้องแยกกันไปดูเรื่องที่ตนต้องการดู  แล้วจึงค่อยมาเจอกันเมื่อหนังจบเพื่อกลับบ้านด้วยกัน

    *****  *****  *****  ******  *****  *****  *****

    ในช่วงเดือนเมษายนของทุกปีจะมีงานมหกรรมยิ่งใหญ่สองงานจัดขึ้นในวันที่ใกล้เคียงกันที่กรุงเทพฯ

    “ฉันจะไปงานหนังสือ” จุฑามาศประกาศเมื่อขึ้นไปนั่งบนรถของเขาเรียบร้อย

    “แต่คุณแม่ให้ผมมารับไปงานมอเตอร์โชว์นี่” นราธิปแย้ง

    “คุณอยากไปเองมากกว่า จะไปดูพริตตี้ล่ะสิ”  คุณครูสาวคนสวยที่วันนี้ยังคงคอนเซ็ปต์ความเชยไว้ครบถ้วนกระบวนท่ากล่าวอย่างค่อนแคะ

    “ของมันแน่อยู่แล้ว  ก็พริตตี้น่าดูกว่าคนแถวนี้ตั้งเยอะ พูดตรงๆนะ เห็นคุณทีไรผมอยากลาบวชทุกที” นราธิปได้ทีก็เอาคืนบ้าง

    “งั้นฉันขออนุโมทนาเลยนะ แล้วก่อนจะเข้าวัดเข้าวาเนี่ยคุณก็ควรเตรียมอ่านหนังสือธรรมะไว้บ้างนะ  งั้นก็ไปงานหนังสือแล้วกัน”

    “ไม่ต้องมาทำเป็นเห็นดีเห็นงามเลยนะคุณ” นักธุรกิจหนุ่มมาดเซอร์รีบเบรกก่อนยื่นข้อเสนอให้

    “ไปมอเตอร์โชว์ก่อนแล้วค่อยไปงานหนังสือของคุณแล้วกัน”

    “ไปงานหนังสือก่อน  ขืนไปงานมอเตอร์โชว์ก่อนคุณก็เพลินกับสาวๆจนลืมเวลาสิ”  จุฑามาศแย้งตามเคย

    “ไม่  ผมจะไปงานมอเตอร์โชว์ก่อน  ขืนไปงานหนังสือก่อนผมคงไม่ต้องไปงานมอเตอร์โชว์หรอก  แค่ได้กลิ่นหนังสือก็ง่วงแล้ว”  นราธิปแกล้งยกข้ออ้างที่แสนจะไม่เข้าท่า

    “ถ้าเยาวชนไทยเป็นแบบคุณทุกคนนี่อนาคตเส้นทางธุรกิจไทยคงมีแต่ถอยหลัง”  จุฑามาศแขวะเข้าบ้าง

    “นี่คุณอย่าดูถูกผมนะ  ผมน่ะใช้ประสบการณ์  ไม่เน้นพึ่งพาตำรา”  นราธิปเถียงขึ้นด้วยท่าทีมั่นใจในความสามารถสูงของตัวเอง

    แล้วก็ได้แต่เถียงกันอยู่อย่างนั้นตกลงกันไม่ได้เสียที  จนในที่สุดความที่เป็นผู้ชายขี้เกียจที่จะต้องมานั่งเถียงเรื่องหยุมหยิมกับผู้หญิง  บวกกับเริ่มเห็นแววว่าเถียงไปก็เท่านั้น  ดีไม่ดีคุณเธอเผลอคิดว่าเขาเป็นเด็กนักเรียนแล้วมาต่อปากต่อคำกับคุณครูอยู่อย่างนี้อาจโดนไม้เรียวเข้าก็ได้  จึงจำยอมขับรถพาเธอไปงานหนังสือ

    “คุณจะกลับได้รึยังเนี่ย ผมเดินจนเมื่อยขาไปหมดแล้วนะ จะซื้ออะไรกันมากมาย เห็นใจคนถือบ้างสิคุณหนักจะแย่” นราธิปบ่นขณะที่เดินถือถุงหนังสือตามหลังหญิงสาวอย่างเซ็งๆ มาเกือบสี่ชั่วโมงแล้ว

    ส่วนคนเดินนำก็ทำเป็นไม่สนใจ จงใจเดินเข้าเดินออกทุกร้านอย่างถ่วงเวลา

    “นี่คุณผมไม่เดินต่อแล้วนะ  เหนื่อย  เมื่อย  ง่วงด้วยจะหลับอยู่แล้วเนี่ย”  นราธิปพูดขึ้นมาในที่สุดด้วยความหงุดหงิด  และหมั่นไส้คนที่ทำท่าเพลิดเพลินกับการเดินดูหนังสือไม่ยอมกลับซะที ก็ไม่เห็นมีอะไรนักหนามองไปก็เห็นแต่หนังสือคล้ายๆ กันทุกร้านไม่รู้จะเดินให้เมื่อยทำไม

    “เรื่องของคุณสิ  อยากหลับตรงนี้ก็ไม่มีใครว่าหรอก  เฝ้าหนังสือของฉันดีๆด้วยล่ะ”  จุฑามาศกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ  แล้วเดินเลือกดูหนังสือต่อไปโดยไม่คิดจะหันกลับมาสนใจคนข้างหลังที่ประท้วงไม่สำเร็จ  ก็จำต้องเดินหน้างอง้ำหิ้วถุงหนังสือมากมายตามมา

    จากคุณ : กรุ่นกลิ่นแก้ว - [ 14 ธ.ค. 48 11:53:28 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป